(ยิ้ม) หลายท่านเห็นหัวเรื่องแล้วอาจจะนึกตั้งคำถามว่าวันนี้ “ชายขอบ” จะมาเล่าเรื่องอะไร น่าจะเป็นตัวชี้วัดของคุณภาพบริการหรือว่าไม่ใช่ เอาเป็นว่าอย่างนี้นะครับ จะตั้งคำถามให้ทบทวนความรู้สึก ก่อนลงมืออ่านในย่อหน้าถัดไปซึ่งจะนำเข้าสู่ประเด็น “ท่านคิดถึงเวลาที่รอคอย (Waiting Time) ด้วยความรู้สึกเชิงบวกหรือเชิงลบ ครับ!”
สำหรับสิ่งที่ผมจะเขียนนี่เป็นเวลาที่รอคอย (Waiting Time) ด้วยความรู้สึกเชิงบวกครับ อยากเน้นว่าตรงที่การ “รอ” นะ ไม่ใช่ผลที่ได้จากการรอ เช่นรอพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ แล้วพยาบาล และแพทย์ ให้บริการระหว่างรอเป็นอย่างดี เมื่อตรวจก็ตรวจดี คนที่รอก็สบายใจ อันนี้เป็นผลของการรอ ไม่ใช่ที่ผมจะเขียนถึง แต่ผมจะเขียนถึง “การรอคอยอย่างมีความสุข” ผมเอาตัวเองมาบอกเล่า คนอื่นอาจจะรู้สึกต่างไปได้ครับ
การรอคอยอย่างมีความสุขจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความเข้าใจกันและกัน ว่ามีเหตุผลอะไรถึงต้องรอ แม้จะไม่ทราบแน่ชัดก็ต้องเชื่อว่าเขาต้องมีเหตุปัจจัยอะไรสักอย่างเราถึงต้องรอ ก็คือรออย่างศรัทธาและเชื่อถือ นั่นก็คือรอด้วยความเข้าใจและไว้ใจกัน ระหว่างรอเราได้ทำอะไรเพื่อเตรียมรับการมาถึงของสิ่งที่เรารออยู่บ้าง สิ่งที่ผมกล่าวหากใครหลาย ๆ คนได้นั่งลงทบทวน ใช้สมาธิ จะรู้ว่าสามารถทำให้เกิดขึ้นในใจได้จริง แล้วจะเกิดความสุขแม้จะต้องรอ
การรอคอยเป็นเรื่องของความทุกข์ สังคมเข้าใจกันอย่างนี้ เป็นเรื่องเชิงลบ ถึงขนาดกับนำมาเป็นตัวชี้วัดว่าหากลดลงได้ จะมีคุณภาพ แต่ผมมองว่าการรออย่างเลื่อนลอย ไม่เข้าใจกัน ไม่ไว้ใจกัน และระหว่างที่รอเป็นความว่างเปล่าไม่ได้เตรียมการอะไรเลย รอเพียงให้ถึงเวลา ถึงคิว ถึงกำหนดนัดอย่างเดียว อย่างนี้เป็นการรอที่ทุกข์ใจ ผมจะได้ลองเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมให้ฟังสัก 2 เหตุการณ์นะครับ ต่อเนื่องกัน และมีทั้งความสุขและความทุกข์ เพราะผมยังไม่ได้ทบทวนนั่นเอง
ช่วงเดือนธันวาคม 2548 รถผมเสีย สตาร์ทไม่ติด ระบบไฟฟ้าไม่ทำงาน ก็ต้องลากไปซ่อม 1 สัปดาห์ผ่านไป ช่างบอกผมไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่ง 3 สัปดาห์ผ่านไป ก็ค่อย ๆ เริ่มบอก รออย่างทุกข์ใจมาก เพราะผมคาดหวังว่าช่างต้องรู้ (ซึ่งจริง ๆ อาจจะยังหาต้นตอไม่เจอ) ผมไม่เข้าใจเขา ไม่พยายามเข้าใจอะไร รู้แต่เพียงว่าทำไมช้ามาก เกิดความรู้สึกไม่ไว้ใจว่า หรือเขาทำไม่ได้ แล้วเตะถ่วงเวลา สารพัดที่จะคิดล้วนเป็นเชิงลบ
ในช่วงเวลานั้นผมรับนัดกับชมรมผู้สูงอายุ อ.ปากพะยูน หลังจากสอนเสร็จที่ มรภ.สงขลา โดยไม่มีรถ ต้องไปรถโดยสาร ทำให้ผมกะเวลาผิด เพราะไม่เคยได้นั่งรถโดยสารเข้าไปใน อ.ปากพะยูน ผมพลาดเวลาที่นัดหมายไป 1.30 ช.ม. ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อนในการรับนัดไปทำหน้าที่วิทยากรนำ แต่คนรอผมกลับโทรศัพท์มาหาในระหว่างที่ผมเดินทางอย่างมีความสุข ได้ยินเสียงหัวเราะทุกครั้งที่ผมรับสาย เพราะเอ็นดูผม ผมขอให้ใครทำหน้าที่ไปพลางก่อน (ตอนหลังทำ AAR ก็รู้ว่าเขาทำได้ดี) ผมเริ่มทบทวนว่า น่าจะเป็นเพราะเขาเข้าใจผม เขาถึงได้รออย่างมีความสุข ทั้งคนจัดและผู้เข้าร่วมเสวนา ผมเริ่มนึกถึงการรอคอยรถที่ซ่อมใหม่ในทางบวก อีก 2 วันต่อมาผมได้รับรถกลับคืนจากอู่เมื่อซ่อมเสร็จแล้ว
มาวันนี้ผมต้องรอคอยอะไรบางอย่างอย่างใจจดใจจ่อ เต็มไปด้วยความสุขระหว่างรอ เพราะผมได้เรียนรู้แล้วว่าการรอคอยอย่างมีความสุข ต้องคิดอย่างไร คือต้อง “ศรัทธา เชื่อถือ เข้าใจ และไว้ใจกัน” ระหว่างรอก็เตรียมความพร้อมไปด้วย และที่สำคัญต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นระหว่างรอ อย่างมีสติและมีสมาธิด้วย
การ ลปรร.ที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนกุมภาพันธ์ 2549 นี้ (ช่วงวันที่ 11-26) แม้จะมีหลายโจทย์ หลายประเด็น หลายเวทีมาก แต่จะบอกกลุ่มคน และคนที่ผมรออยู่ ว่าผมพร้อมแล้วครับ รออยู่ด้วยความสุขที่เปี่ยมล้น อยากเชิญชวนให้ทุกคนเข้าใจด้วยกันว่าการรอคอย เป็นสิ่งที่ดีงามได้ หาใช่เป็นเรื่องเชิงลบอย่างเดียว มันอยู่ที่เรารู้จักที่จะรอใหม