สืบเนื่องจากเมนูนาเบะปลาปักเป้านั่นแหละครับ ซึ่งก็เหมือนกับไปทานสุกี้ที่บ้านเรา เมื่อก่อนเวลาไปทานสุกี้ ที่ร้านเขาจะใช้เตาแก๊ซ จนเมื่อมีเรื่องแก๊ซระเบิดแถวสุขุมวิท เมื่อสักยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ตอนนี้ ร้านสุกี้จึงเปลี่ยนจากเตาแก๊ช มาเป็นเตาไฟฟ้า และใช้เตาไฟฟ้ามาจนถึงปัจจุบัน แต่ที่นี่ก็คงเป็นเตาไฟฟ้าชนิดหนึ่งเหมือนกัน
เขาเอากระจาดหวายธรรมดาที่เราใช้ใส่ผลไม้ในบ้านเรานี่แหละครับ เอามาวาง แล้วเอา กระดาษขาว ผมจับดูแล้ว ก็เป็นกระดาษธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ เอามารอง แล้วเอาแท่งเหล็กทับไว้ จากนั้นก็ใส่น้ำลงไป แล้วเปิดสวิตซ์ สักพักน้ำก็จะร้อนครับ ขณะที่น้ำร้อนอยู่นั้น ผมจับดูด้านล่างกระจาด ไม่ได้รู้สึกร้อนไปด้วย ก็เลยสงสัยว่าเขาใช้หลักการอะไรทำให้ร้อน
หนุ่มญี่ปุ่นที่นั่งข้างๆ อธิบายให้ฟังว่า ด้านล่างจะเป็นแม่เหล็ก เขาใช้ไฟฟ้าเข้าไปหมุนแม่เหล็ก เมื่อแม่เหล็กเคลื่อนที่ ก็จะทำให้โมเลกุลของเหล็กข้างบนเคลื่อนที่ไปมาด้วย ทำให้เกิดความร้อนขึ้นมา ซึ่งความร้อนที่เกิดขึ้น ขึ้นกับความเร็วในการหมุนแม่เหล็ก ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับผมครับ และอาจจะเป็น trend ใหม่ในบ้านเราในอนาคต ที่ร้านสุกี้ อาจเอาไปใช้ต่อไปได้ครับ
สวัสดีค่ะคุณไมโต
สบายดีนะคะ..
สวัสดีครับ ครูอ้อย
ผมก็เคยเล่นตอนเด็กๆครับ
เอากระดาษมาพับเป็นกะทะ ใส่น้ำ แล้วจุดเทียนด้านล่าง
น้ำร้อน กระดาษไม่ไหม้ครับ เจ๋ง
แม่แมงมุมเพื่อนรัก
พ่อหมูอ้วนเพื่อนรัก
แม่แมงมุม
หนูซาน
ขอบคุณมากจ้า สาวน้อยซูซาน หากมีโอกาสคงได้ลองแวะไปดู หาของใช้ราคาถูกมาใช้บ้างจ้า ปกติพี่ได้เข้ากรุงเทพฯเฉลี่ย ปีละครั้งจ้า ส่วนใหญ่มักเป็นช่วงปิดเทอม เอาเด็กๆ ไปเยี่ยมอาก๋งที่กรุงเทพฯ กะคุณยายที่นครสวรรค์
สวัสดีค่ะพี่ไมโต
ม้อยอยู่ญี่ปุ่นมา 4 ปี ยังไม่มีโอกาสได้เห็นเครื่องแบบที่พี่อามาโชว์ให้ดูเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะไม่มีเงินไปกินร้านหรูๆแบบนี้ (เป็นนักเรียน จน จน) แถมอาจารย์ก็ไม่เคยพาไปกินสุกี้แบบที่พี่บอกด้วย (แอบอิจฉา ตาร้อนผ่าวเลยนะพี่ รู้สึกได้รึป่าวค่ะ 555)
เป็นนวตกรรมที่น่าสนใจเชียวล่ะพี่ ไม่รู้ว่าอีกนานไม๊ถึงจะเผยแพร่เข้ามาในไทย แต่คิดว่าไม่น่านาน เพราะบ้านเราปัจจุบันมีร้านอาหารญี่ปุ่นเกิดขึ้นมากมาย และมีเทคโนโลยี่เข้ามาเร็วมาก สักวันเราคงได้เห็นตะแกรงสุกี้แบบนี้ค่ะ