ครูขุนซี8กับแก้วมังกรสร้างเงินงามที่ร้อยเอ็ด
วันนี้ทีมข่าวจากจังหวัดร้อยเอ็ดแวะเยี่ยมสวนแก้วมังกร อาจารย์รังสรรค์ ประชุมวรรณ์ ครู คศ.3 โรงเรียนขัตติยะวงษา ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด แต่บ้านพักอยู่ที่ บ้านเปือยหัวฝาย ตำบลรอบเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ชื่อเล่นว่า “ครูขุน” พร้อมบอกเล่าให้ฟังว่า “แก้วมังกร” เป็นผลไม้เศรษฐกิจที่เข้ามาเปิดตลาดเอเชียในสหัสวรรษนี้ เดินหน้าไปพร้อมกับเกาะไต้หวันและญี่ปุ่น แก้วมังกร ผลไม้บริสุทธิ์ปลอดภัยจากสารพิษ มีกากใยสูง แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินซี คลอโรฟิลล์ เมล็ดของแก้วมังกรอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวสามารถต่อต้านปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่นทานแล้วนอกจากดับร้อนผ่อนกระหายยังบำรุงสุขภาพผิวพรรณสดชื่น ในสุภาพสตรีจะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม ใช้เป็นผลไม้เสริมสุขภาพ และความงามได้เป็นอย่างดี แก้วมังกร ผลไม้พันธุ์ใหม่ รสชาติหวานกรอบอร่อย กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ต้นปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว ปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ ได้ผลผลิตสูงให้ผลกำไรเร็ว ปลูกโดยไม่ต้องเลือกดิน ดูแลง่าย แม้แต่เด็กก็ดูแลได้ อาจารย์รังสรรค์ ประชุมวรรณ หรือ ครูขุนแก้วมังกร กล่าวว่า “แก้วมังกร” ชื่อนี้อาจเป็นของใหม่สำหรับคนไทย ต่างประเทศเองอาจไม่รู้จักชื่อนี้ด้วยซ้ำ ต่างประเทศจะใช้นามเรียกขาน "ดราก้อนฟรุต" เป็นพืชในตระกูลกระบองเพชร มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง และมีปลูกแพร่หลายในเวียดนาม ผมเป็นคนที่ชอบศึกษาทั้งจากตำราอละเดินทางไปศึกษาที่สวนของผู้ที่มีความสำเร็จกับไม้ตัวนี้เป็นพิเศษ มองดูแล้วเห็นว่าเป็นผลไม้ที่มีผิวพรรณดี สีสันสวยงาม รูปร่างแปลกตา เมื่อได้ลิ้มลองในรสชาดด้วยแล้ว พูดได้เลยว่าไม้ตัวนี้น่าจะมีอนาคตดี ด้วยรสชาดที่ไม่อ่อนจนเกินไป และก็ไม่จัดจนเกินไป เป็นรสกลางๆ หากนำมาปลูกในเมืองไทยได้และมีการปรับปรุงพันธุ์ให้เหมาะสม การประสัมพันธ์ที่ดี คิดว่าไม้ตัวนี้จะต้องมีอนาคตแน่นอน ต่างประเทศเรียก ดราก้อนฟรุต เป็นไม้ประเภทไหน กอปรกับตัวเองก็ทำงานเป็นครูเกษตร คุณภาพผักและผลไม้มานาน ก็พอจะมีความรู้อยู่บ้าง เก็บข้อมูลเพิ่มเติม ตำราของประเทศไทย ไปได้ข้อมูลมาจากฮาวายและเวียดนาม เอกสารอาจารย์หลายท่านเขียนไว้อย่างน่าจะศึกษาต่อไป จากรายงานชิ้นหนึ่งของต่างประเทศได้รายงานไว้ว่า สารเหนียวในเนื้อกระบองเพชรชนิดที่กินได้มีสารพวก Complex Plysaccharides ซึ่งสารตัวนี้มีผลต่อการส่งเสริมสุขภาพ ทำให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้นว่าผลได้ชนิดนี้ต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอนหากได้รับการศึกษาและพัฒนาอย่างจริงจังต่อไปในอนาคตของแก้วมังกร เมื่อเกิดความมั่นใจเต็มร้อยแล้วจึงได้ออกตระเวณหาต้นแก้วมังกรจากที่ต่างๆ เข้ามาหลายแหล่งด้วยกันไม่ว่าจะเข้าไปเอามาจากเวียดนามเอง มีเพื่อนฝูงจากเวียดนามนำมาฝากบ้างรวมแล้วก็หลายต้น ส่วนในประเทศไทยเองก็ได้ออกตระเวรหามาจากหลายพื้นที่อาทิ สุพรรณบุรี สระบุรี ศรีสะเกษ ราชบุรี จันทบุรี กรุงเทพมหานคร ฯลฯ นำสายพันธุ์จากหลายพื้นที่เข้ามาปลูกเปรียบเทียบกัน มีทั้งสายพันธ์เนื้อแดง สายพันธ์เนื้อขาว และชนิดผิวสีเหลือง และที่ได้คัดไว้เป็นสายพันธ์เพื่อปลูกเป็นการค้าในขณะนี้ เป็นสายพันธ์เนื้อขาว ซึ่งเป็นพันธ์ที่คัดมาจากสายพันธุ์พื้นเมืองไทยนี่เอง (เป็นพันธุ์ที่มีคนนำเข้ามาจากเวียดนามมาปลูกไว้ในเมืองไทยนานมาแล้ว)และได้เรียกชื่อเป็นพันธุ์เบอร์100ของที่นี่ ลักษณะเด่นของสายพันธุ์เบอร์ 100 ของที่นี่จะเน้นการออกดอกติดผล การเจริญเติบโตของลำต้นความแข็งแรงของลำต้น รสชาดของผลผลิต ปรากฎว่าสายพันธุ์นี้มีจุดเด่นกว่าต้นอื่นๆ ที่ปลูกไว้ที่นี่ในเวลานี้ แต่ไม่ใช่ว่าดีที่สุด แต่จากการเปรียบเทียบของที่นี้เห็นว่าสายพันธุ์นี้เหมาะสมที่สุดในตอนนี้แต่อนาคตอาจไม่ใช่ก็ได้ มีขนาดของผลตั้งแต่ 200-900กรัม/ผลแต่โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง300-600กรัม/ผล แก้วมังกร เป็นพืชวันยาวต้องการแสงในการเจริญเติบโตมากพอสมควร ระบบรากมีความลึกประมาณ 30 เซ็นติเมตร รากจะแผ่ขยายขนานไปกับผิวดิน พื้นที่ปลูกจะต้องไม่มีน้ำท่วมขังและปลอดจากมดคันไฟ ก่อนเตรียมหลุมปลูกควรทำหลักสำหรับยึดเกาะให้เรียบร้อย โดยใช้ท่อคอนกรีตขนาด 8 นิ้ว ยาวง 2 เมตร ฝังลึกลงไปในดิน 40-50 เซ็นติเมตร ตั้งท่อปูนขนาด 80-100 เซนติเมตร ยึดให้แน่นและให้ขังน้ำได้ หล่อซีเมนต์เป็นรูปกากบาทสี่เหลี่ยมไว้หัวเสา ทำเป็นตระแกรงยึดไว้ที่หัวเสา ขนาด 50 x 50 เซนติเมตร ให้น้ำด้วยระบบท่อแบบน้ำหยดและปลูกในท่อประหยัดน้ำ ประหยัดปุ๋ย รักษาวัชพืชได้ง่าย การดูแลรักษา ต้องหมั่นรดน้ำอยู่เสมออย่าให้ขาด แก้วมังกรชอบน้ำพอสมควรแต่ไม่ชอบแฉะ การให้ปุ๋ยเคมีเสริมทุกๆเดือนจะมีการให้ปุ๋ย 13-13-21 และ 16-16-16 ให้สลับกันในแต่ละเดือน ในอัตราครั้งละ 5 ช้อนแกง/หลัก ก่อนออกดอกเดือนมกราคม - มีนาคม จะเปลี่ยนเป็นปุ๋ย 12-24-12 ครั้งละ 4 ช้อแกง/หลัก เมื่อออกดอกติดผลเปลี่ยนมาใช้ 13-13-21 สลับกับ 9-24-24 ครั้งละ 5 ช้อนแกง ในแต่ละปีควรเพิ่มปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักลงไปด้วยอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ปริมาณการใช้ปุ๋ยจะขึ้นอยู่กับขนาดและอายุของต้นเป็นสำคัญ หลังปลูกต้องหมั่นคอยดูแลมดคันไฟ ต้องเอาใจใส่คอยมัดและตัดแต่งกิ่งให้แตกแขนง ลำต้นต้องจัดให้เลื้อยขึ้นหลักทั้ง 4 ต้น ในปีแรกต้องตัดให้ได้แขนงอย่างน้อย 32 กิ่ง/1 หลัก ปีต่อๆไปก็ต้องตัดแต่งกิ่งให้เกิดแขนงเพิ่ม 2-3 เท่าของปีแรก จนหลักหนึ่งๆ ควรมีแขนงสัก 15 กิ่ง ในรอบ 1 ปี อายุการให้ผลผลิตหากต้นสมบูรณ์ดีหลังจากปลูก 1 ปีก็สามารถให้ผลผลิตได้เลย ช่วงระยะเวลาให้ผลผลิตจะอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม - เดือนกันยายน หลังมองเห็นดอกขนาดเมล็ดถั่วเขียวอีก 15 วันต่อมาดอกจะบานและนับต่อออกไปอีก 30 วันจะถึงระยะการเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมระยะเวลาการเก็บผลผลิตประมาณ 45-50 วัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้วย หากอยู่ในช่วงที่อากาศไม่แจ่มใส มีฝนตกมาก ท้องฟ้าครึ้มฝน อุณหภูมิต่ำลง อายุการเก็บผลผลิตจะยืดออกไปอีกเช่นกัน การลงทุน ไต้องใช้เงินลงทุนต่อหลุม 500 - 600 บาท เป็นค่าต้นพันธุ์ ค่าเสาหลัก ค่าตะแกรงค้าง ค่าวางระบบน้ำ ค่าปุ๋ยและยา เป็นต้น ใน 1 ไร่ จะใช้ระยะปลูกห่างกัน 2 เมตร เป็นแถวล้อมรั้ว มีจำนวน 120 ต้น หากมีการปลูกและบำรุงรักษาเป็นอย่างดีในปีที่ 2 สามารถให้ผลผลิตได้ออกขายแล้วอย่างน้อยก็ 20-30 ผล/หลัก พอปีต่อมาผลผลิตก็ได้เพิ่มอีกเท่าตัว ประมาณ 60-70 ผล/หลัก คิดเฉลี่ยสัก 50 ผล/หลัก คิดเป็นน้ำหนักไม้น่าจะน้อยกว่า 15 กิโลกรัม ราคาขายส่งเอาแค่ 15 บาท/กิโลกรัม คิดแล้วต้องได้ 300 บาท/หลัก หากคิดจะปลูกใน 1 ครอบครัวสามารถดูแลได้ 1,000-2,000 หลุม เผลอๆปี 2 ก็คืนทุนแล้วสุดท้าย ครูขุนยังทำเป็นแก้วมังกรกระถาง1,500-2,000 บาท เป็นท่อปูนขนาด 50 เซนติเมตร มีเสาท่อซีเมนต์ สำเร็จสามารถยกไปตั้งหน้าบ้านโชว์ความงาม ประดับบารมี เป็นสิริมงคล คือกระถางแก้วมังกร จากบ้านครูขุนนะครับ
วัชรินทร์ เขจรวงศ์อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด 45000 โทร.0-6850-2416 โทรสาร.0-4351-8449 [email protected],[email protected]
http://www.watcharin101.net/new