ใช้ KM เป็นเครื่องมือคุยกับลูก
ผมไปที่ไหนก็มักจะโปรโมทเครื่องมือ KM อยู่เสมอ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.49 ไปประชุมคณะกรรมการกำกับทิศทางโครงการ R2R ของศิริราช ตอนพักกินข้าวเที่ยง ผศ. นพ. เชิดชัย นพมณีจำรัสเลิศ ซึ่งทำหน้าที่เป็น Cluster Facilitator คนหนึ่งของโครงการ R2R ได้มาบอกผมว่าได้จำวิธีการ AAR ที่ผมเล่า เอาไปปรับใช้กับลูกซึ่งไปโรงเรียนแล้ว เมื่อไปรับลูกจากโรงเรียนก็ให้ลูกเล่าความภูมิใจหรือเรื่องดี ๆ 5 เรื่องจากโรงเรียนในวันนั้น ปรากฎว่าลูกชอบมาก และมีความสุขมากในการที่ได้เล่าสิ่งที่ตนทำและมีความภูมิใจ และพ่อสนใจเรื่องราวของตน
ผมมองว่า
- AAR
แบบนี้เป็นเครื่องมือช่วยให้การสนทนาระหว่างลูกกับพ่อแม่ออกรส
สนุก และให้ความสุขแบบปิติสุข
-
ที่จริงพ่อหรือแม่อาจ AAR ชีวิต 1
วันของตนเองให้ลูกฟังก็ได้ จะเป็นการ "สอนโดยไม่สอน"
ลูก เป็นการกล่อมเกลาจิตใจลูกโดยไม่รู้ตัว
-
เวลาพ่อแม่ลูกทำกิจกรรมด้วยกัน (เช่นไปพักผ่อนวันหยุดสัปดาห์ด้วยกัน)
กลับมาก็อาจทำ AAR ร่วมกันได้
พ่อแม่ต้องไม่ลืม AAR ด้วยถ้อยคำและระดับความยากง่ายตามพัฒนาการของลูกด้วยนะครับ
วิจารณ์ พานิช
31 ม.ค.49
ลืมระบุว่าลูกของ อ. หมอเชิดชัย เป็นลูกสาว อายุ ๔ ขวบ เรื่องเล่าเรื่องหนึ่งของลูกสาวคือตนเองสวมเสื้อเองได้ แต่มีเพื่อนที่ยังสวมเองไม่เป็น ลูกสาวของ อ. หมอเชิดชัยได้ช่วยเพื่อนสวมเสื้อ และภูมิใจมากที่ได้ช่วยเพื่อน ในสายตาของผมนี่เป็นการเรียนจริยธรรมระดับเด็กอนุบาลแบบที่เราไม่ต้องสอน
ผมนึกได้แล้ว KM เป็นเครื่องมือเรียนจริธรรมคุณธรรมโดยไม่ต้องสอน
วิจารณ์ พานิช