กิจกรรมรับน้อง : วัฏจักรแห่งการสูญเสียในวงการศึกษา


ผมไม่เชื่อว่า รายนี้จะเป็นอุทาหรณ์รายสุดท้าย ผมเชื่อว่าต้องเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกปี ตราบใดที่ไม่แก้ไขระบบการรับน้องในสถาบันการศึกษาอย่างจริงจัง

   

เหยื่อรับน้องสิ้นลม 

เหยื่อรับน้องโหด นร.ปี 1 ไทยวิจิตรศิลป์ สิ้นลมอย่างสงบแล้ว ที่โรงพยาบาล หลังนอนรักษาตัว อยู่นานเดือนเศษ แม่และญาติระบุทำใจ เพราะหมอบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว วอนขอให้เป็นรายสุดท้าย ขณะที่ตำรวจเตรียมส่งผลชันสูตรศพ ให้โรงพักทับสะแก ท้องที่เกิดเหตุ แจ้งข้อหาเพิ่มร่วมกันฆ่าเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 28 ต.ค. ที่โรงพยาบาลชลประทาน จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพนธ์ หรืออั้ม โตสิงห์ อายุ 16 ปี ชั้น ปี 1 นักเรียนไทยวิจิตรศิลป์ ย่านพหลโยธิน ที่ถูกรุ่นพี่พาไปรับน้องที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับเพื่อนคนอื่น จากนั้นโดนรุ่นพี่ สั่งให้กระโดดหัวทิ่มบนทราย เอาช้อนกับส้อมลนไฟ แล้วนาบบนลำตัว และสั่งให้ถอดเสื้อ กลิ้งบนกองไฟ ที่กำลังใกล้มอด จนเนื้อตัวพุพอง ซึ่งนายนิพนธ์ได้นอนพัก รักษาตัวอยู่นานเดือนเศษ ในที่สุดได้สิ้นใจ ลงแล้วอย่างสงบ ท่ามกลางแม่บุญธรรมและญาติพี่น้อง

เดลินิวส์ออลไลน์ / 29 ต.ค. 50

 .......................................................................................................... 

 

               ผมนำข่าวอันน่าเศร้าสลดมาบันทึกไว้ให้ท่านอ่าน ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของสถาบันการศึกษาและสังคมที่ไม่อาจพัฒนาคนให้เป็นคนดีมีคุณภาพ นั่นคือ กิจกรรมรับน้อง ที่สถาบันการศึกษาจัด  ไม่สามารถสร้างและหล่อหลอมคนรุ่นใหม่ให้เกิดพฤติกรรมดีงาม  เป็นปัญญาชนที่ดีที่จะเป็นกำลังของชาติในอนาคตได้

             กิจกรรมรับน้อง  กลายเป็นช่องทางหรือโอกาสให้มีการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล  ล่วงละเมิดทางเพศ  อย่างน่าเกลียดที่สุด  ปีแล้วปีเล่า คนแล้วคนเล่า ที่กลายเป็นเหยื่อของนักศึกษารุ่นพี่จอมโหด ต่ำช้าสามานย์  จนนักศึกษาดีๆ ต้องบาดเจ็บ ตั้งแต่เล็กน้อย ไปจนถึงบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่ชีวิตอย่างที่เป็นข่าว   ไม่นับการโดนรุ่นพี่ข่มขู่ ว้ากใส่ด้วยถ้อยคำภาษาอันหยาบคาย และกระด้าง ให้เกิดความเจ็บใจ  บางรายถูกขู่เข็ญ รีดไถทรัพย์สิน   ถูกบังคับให้กระทำอันอุจาดน่าทุเรศ เช่นท่าเต้นร่วมเพศ  ถอดเสื้อผ้าถ่วงอวัยวะเพศ และอื่นๆ อีกมากมายตามที่สรรหามากระทำกับรุ่นน้อง  ใคร  ขัดขืนก็ต้องเจ็บตัว

           สถาบันการศึกษา ไม่สามารถปกป้องนักศึกษารุ่นน้องไม่ให้ถูกกระทำอันชั่วร้าย ต่ำทราม ดังที่กล่าวมานี้ได้เลย  ทั้งๆ ที่เป็นความรับผิดชอบโดยตรง  แต่ไม่เคยคิดป้องกันแก้ไขอย่างจริงจัง  และเมื่อเกิดเรื่องสลดใจเช่นนี้ ก็มักบอกปัดความรับผิดชอบ ปัดโบ้ยความผิดทั้งหมดไปให้รุ่นพี่ต่ำทรามเหล่านั้น  สถาบันการศึกษาต่างออกตัวว่าสั่งห้ามแล้วบ้าง  เป็นความคิดของนักศึกษาตามลำพังบ้าง  นักศึกษาสมยอมกันเองบ้าง ฯลฯ  แต่แท้จริงแล้ว   สถาบันการศึกษาโดยเฉพาะผู้บริหารและอาจารย์ที่รับผิดชอบสามารถยกเลิกและเปลี่ยนแปลงกิจกรรมรับน้องนั้นได้  สามารถใช้กฎเหล็กหรือมาตรการเข้มที่ควบคุมนักศึกษาเลวทรามเหล่านั้นได้ แต่กลับไม่ยอมทำ  เพราะกลัวนักศึกษาประท้วง  ทั้งๆ ที่ กิจกรรมรับน้องลักษณะนี้ไม่ได้ทำให้เกิดมรรคผลในทางที่ดีแก่นักศึกษาที่ตนรับผิดชอบได้เลยแม้แต่น้อย   ตรงกันข้าม  กลับเป็นการเพาะบ่มความชั่วร้ายให้เกิดขึ้นสืบทอดรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็น ธรรมเนียมอันเลว  ฝังตัวอยู่ในสถาบันการศึกษาแห่งนั้นๆ

            น่าสงสารพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องสูญเสียบุตรหลานอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ  ผมไม่เชื่อว่า  รายนี้จะเป็นอุทาหรณ์รายสุดท้าย   ผมเชื่อว่าต้องเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกปี ตราบใดที่ไม่แก้ไขระบบการรับน้องในสถาบันการศึกษาอย่างจริงจัง 

            ผมใกล้ชิดกับนักศึกษา และเฝ้าดูพฤติกรรมอันแสนน่ารังเกียจต่ำทรามจากบรรดานักเรียนนักเลงรุ่นพี่จอมโหดเหล่านี้  โดยผู้บริหาร ผู้รับผิดชอบ ได้แค่ออกปากเตือน แต่ไม่ลงไปกำกับหรือหามาตรการรองรับเลย   ผมไม่ทราบว่า  การรับน้องโดยให้รุ่นพี่ปีสองรับน้องปีหนึ่ง เป็นความคิดใคร  แต่เท่าที่เห็น  เด็กปีสองเป็นวัยคะนอง มีความเจ็บแค้นโดนกระทำมาตั้งแต่ปีหนึ่ง จึงคิดจะเอาคืนกับรุ่นต่อไป กลายเป็นวัฏจักรอันเลวทรามต่ำช้า  ทั้งๆ ที่เด็กปีสองยังไม่ค่อยรู้จักสถาบัน อาจารย์ เลย  บางคนก็ยังปรับตัวไม่ได้เสียด้วยซ้ำ  แต่กลับนำไปหล่อหลอมรุ่นน้อง

            เขียนบันทึกเรื่องนี้แล้วก็ได้แต่ระบายความรู้สึกออกมา  อาจไม่ก่อเกิดผลกระทบใดๆ เลย  แต่อย่างน้อยก็เป็นการสะท้อนของผู้เป็นอาจารย์อย่างผมที่จะกระทำได้ว่า  ไม่เห็นด้วยเลยที่สถาบันการศึกษาจะให้มีกิจกรรมรับน้อง  ถ้าไม่มีมาตรการกำกับป้องกันที่ดีพอ  พอที่จะประกันว่า  สิ่งเลวร้ายในกิจกรรมรับน้องจะหมดไป

  
 
 
หมายเลขบันทึก: 142947เขียนเมื่อ 30 ตุลาคม 2007 08:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 18:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

สวัสดีค่ะ

  เห็นด้วยกับการกระทำรุนแรงทุกชนิด เหมือนเป็นศัตรูกันมาก่อน น่าสงสารเหยื่อและญาติๆ กับเหตุการณ์ ไม่คาดฝัน สังคมต้องช่วยกันต่อต้าน ก่อนเกิดเหตุ ดักทางกันไว้ก่อนน่าจะดี

- สวัสดีครับอาจารย์ ผมก็มีลูกชายวัยนี้  รู้สึกสะเทือนใจมากครับ....

น่าสงสารลูกหลาน

จากคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์

รุมทรมานรุ่นน้อง

จึงต่อแต่นี้

ผู้ยังมีชีวีเราต้อง

ให้สติมินิ่งเฉยมอง

เพื่อให้ผองเยาวชนพ้นภัย

ในโลกอันสาโหด

เหมือนมีโทษมาอยู่ใกล้

ความสุขมากับทุกข์ฉันใด

ความสนุกจึงมีภัยคอยตาม

หลับเถิดน้องนิพนธ์

หลับเพื่อให้คนไต่ถาม

ว่ากิจกรรมอันต่ำทราม

ให้สิ้นสุดหยุดทำแต่แค่นี้.

 

สวัสดีครับอ.กรเพชร

ผมก็รู้สึกสะเทือนใจมากๆเมื่อมีข่าวการรับน้องแล้วน้องต้องเสียชีวิต

เขียนยังไม่ทันเสร็จเลยมันไปก่อนแล้ว อิอิ ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ที่ว่าสถาบันการศึกษาต้องมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ต้องใช้ทั้งไม้แข็งและไม้นวม ต้องให้รุ่นน้องสามารถแจ้งข่าวให้อาจารย์ทราบได้ และต้องพูดให้รุ่นน้องเข้าใจว่าการรับน้องที่ไม่ชอบมาพากล เช่น ไม่ให้บอกอาจารย์ ควรจะต้องรีบแจ้งอาจารย์ทันที ใช้กฎเหล็กของสถาบันที่ห้ามเด็ดขาด หรือให้สถาบันจัดให้มีการรับน้องโดยเรียบง่าย และให้ถือว่าการรับน้องจบ และแจ้งให้นักศึกษาใหม่รู้ด้วยว่าการรับน้องอื่นใดอาจทำให้รุ่นน้องได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ก็คงจะแก้ไขปัญหาได้บ้างครับ

สวัสดีครับP

          ยอมรับสารภาพว่า ผมเขียนบันทึกนี้ด้วยความโกรธปนเศร้าจริงๆ ครับ  ทั้งๆ ที่นักศึกษาคนนี้ก็ไม่ใช่ญาติ แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาตอนนั้น เขาคงจะเจ็บปวด ทรมานมาก 

สวัสดีครับครูP

             ครับ  หัวอกครูบาอาจารย์อย่างเรา เห็นนักศึกษาเหมือนลูกหลาน ถูกกระทำซ้ำเติมทรมาน  สงสารต้องมาจบชีวิต  หัวใจผู้กระทำเป็นคนหรือเป็นสัตว์  หรือปีศาจสิงซัดจนป่าเถื่อน  จึ่งกระทำราวสติเลอะเลือน  คะนองจนเพื่อนๆ ล้มตาย  ...เสียดายอนาคตของเด็กคนนี้จริงๆ ครับ

สวัสดีครับP

           ครับ ถ้าสถาบันเอาจริงเอาจัง เรื่องอย่างนี้ไม่เกิดแน่ครับ  ผมต่อต้านเรื่องกิจกรรมรับน้องรุนแรงในมหาวิทยาลัยมาหลายปี แต่ไม่สำเร็จ เพราะผู้รับผิดชอบเขาไม่เห็นด้วย  แต่ผมจะสู้ต่อไปครับ

สวัสดีค่ะ

น่าเศร้ามากค่ะ

อย่างนี้ก.ม.เอาผิดไม่ได้หรือคะ น่าจะโทษหนักนะคะ

หนูก็เคยถูกรับมาเหมือนกัน เรียนอาร์ตใครๆ ก็รู้ว่ารับนานเป็นเดือนๆ และพิสดารขนาดไหน โดนหิ้วถังสีเกลอนใหญ่ไปกลับบ้านมหาวิทยาลัยอยู่เกือบเดือน ตอนนั้นรถเมล์ก็แน่นได้เหยียบแค่บันได ไปเรียนก็ต้องหิ้วไป มีรุ่นพี่คุมเช้าเย็น ไร้สาระมาก เกือบจะเลิกไปเรียนแต่ที่บ้านให้กำลังใจว่าทนอีกหน่อย คือหนูว่าไม่มีเหตุผลเลยที่ทำ ไม่ก่อประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ไม่มีคำตอบที่สามารถอธิบายได้อย่างจริงจัง ได้แต่บอกว่ารับน้องเพื่อความสามัคคี จะได้รักกัน รู้จักรุ่นพี่ไว้จะได้ช่วยเหลือตอนเรียน

เพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน ทุกวันนี้มีเหลือไม่กี่คนที่ยังติดต่อกัน ส่วนมากเป็นเพื่อนที่ไม่รับน้องด้วยซ้ำ พวกนี้ก็โดนกันออกจากกิจกรรมแทบทุกอย่าง เขาก็เรียนจบได้ และเราก็ยังคบกันสนิทสนมดี ช่วยเหลือกันจนถึงทุกวันนี้

รุ่นพี่บอกว่าจะช่วยได้นี่โกหกทั้งเพ ตัวเองยังเอาตัวเองไม่รอดตอนเรียน แล้วจะเอาปัญญาอะไรมาช่วยน้อง ทั้งหมดทำเพื่อความสะใจทั้งนั้น คือกิจกรรมถ้าสอนน้องร้องเพลง ทำอะไรที่มีประโยชน์จะไม่ว่าเลย นี่มีแต่เรื่องบ้าอำนาจ มาตะคอกใส่หน้า บ้าๆ บอๆ

พอหนูเป็นรุ่นพี่ไม่ยอมแตะเรื่องรังแกน้องเลย ไม่ชอบรังแกคนอื่น คือขอสมัครอยู่ฝ่ายเอนเตอร์เทน ช่วยสอนร้องเพลง สอนเต้น และไม่เคยอ้างตอนช่วงรับน้องว่าจะช่วยน้องในการเรียน แต่หนูนี่ล่ะช่วยน้องตัวจริงไม่ต้องแอบอ้าง พวกที่อ้างสารพัดไม่เคยสักนิดที่จะลงมาสอนหรือช่วยน้องทำงาน น้องไม่มีตังค์ซื้ออุปกรณ์พี่คนนี้ก็เจียดแบ่งให้ใช้ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ค่อยมีตังค์ อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่ารักน้องจริง ไม่ใช่รักแต่ปาก เอาแต่มันส์อย่างเดียว ตอนเป็นซีเนียร์ปี 4 เหน็บเพื่อนที่พูดแอบอ้างประจำว่า "เอาตัวเองให้รอดไม่ต้องของให้ตรูช่วยก็บุญถมแล้ว อย่าไปโกหกน้องมันเลย มันรู้แล้วจะอายเปล่าๆ ว่ะ"

อาจารย์คะปีนี้พวหหนูรับน้องเบาอย่างมากที่สุด คือหนูเอาความสมัครใจใครอยากรับให้เขามา แต่กลับไม่วายเมื่อรุ่นพี่อีกปีหนึ่ง มาแทรกแซง ใช้คำไม่สุภาพ ตะโกน ว่ารุ่นน้อง หวังว่าหากปีหน้ามีการรับน้องอยากให้อาจารย์ช่วยคุยด้วยค่ะ เพราะกิจกรรมที่พวกหนูจัดคือแรลลี่ เล่นเกม ในปีนี้ไม่สัมฤทธิ์ผล เนื่องจากสาเหตุดังกล่าว ทำให้การรับน้องมันดูคล้ายกับการกดขี่ จิตใจรุ่นน้องมากกว่า พอทางมหาวิทยาลัยคาดโทษพวกรุ่นพี่ก็ไม่รับผิดชอบ เพราะรายชื่อผู้คุมการรับน้องเป็นของพวกหนู ก็เลยซวยไป

สวัสดีครับคุณP

          ๐ไม่ได้พบกันนานครับ เปลี่ยนรูปนี้แล้วสดใสขึ้นมากครับ  

          ๐เรื่องรับน้องรุนแรงนั้น ถ้าญาติแจ้งความเป็นคดีอาญายอมความกันไม่ได้ครับ  คงต้องถูกลงโทษตามกฏหมาย แต่โทษบัญญัติไว้อย่างไรคงต้องถามต่อไปที่คุณ อัยการชาวเกาะ Pน่าจะได้รับรู้ร่วมกันซึ่งจะเป็นประโยชน์มากครับ คุณอัยการชาวเกาะ ช่วยแจ้งแถลงไขเรื่องกฏหมายหน่อยเถิดครับ 

สวัสดีครับP

            อารมณ์เดียวกันกับผมครับ  คือผมเกลียดชังพฤติกรรม "ถ่อย"  "เถื่อน"  "ต่ำ"   "หยาบช้า"  "ไม่สร้างสรรค์"   ของคนที่บางทีก็ไม่น่าจะใช่คน    เท่าที่วิเคราะห์  คนพวกนี้มีปัญหาในครอบครัว เป็นพวกสำมะเลเทเมา ติดอบายมุข  มีปัญหาทางจิต เป็นทุนเดิม  แต่มหาวิทยาลัย กลับยอมให้พวกถ่อยพวกนี้ไปกระทำย่ำยีกับเด็กดีๆ และเปิดโอกาสให้ความถ่อย เถื่อน แพร่กระจายไปในมหาวิทยาลัย   วอนผู้บริหารและอาจารย์ผู้รับผิดชอบ ช่วยวิเคราะห์ปัญหาและแก้ปัญหาอย่างจริงจังด้วย

หนูสุนิษาP

          เรื่องนี้อาจารย์ต้องคุยแน่ๆ ปีหน้าอาจารย์จะไม่ยอมให้เรื่อง "ถ่อย" เกิดขึ้นในสาขาวิชาภาษาไทยของเราเป็นแน่  เพราะเราเรียนสาขาภาษาไทย  การพูดการใช้ภาษาต้องมีวัฒนธรรมอันดีงาม ถ้าไม่เชื่อกันต้องลงโทษสถานหนัก  

ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์กรเพชรที่เข้าใจหัวอกของผู้รับผิดชอบโครงการนี้ และยินดีจะให้ความร่วมมือด้วยวิธีการรับน้องอย่างสันติวิธี เน้นการเรียนรุ่นน้องให้คำแนะนำมากกว่ารุ่นพี่ปีที่ผ่านมา และในปีนี้เด็กรุ่นน้องที่สนใจการเรียนมักเข้ามาปรึกษาเรื่องการเรียนกับหนูทำใหผลการเรียนเป็นที่น่าชื่นใจ แต่ยังมีบางคนที่เป็นเด็ดซิ่วไม่สนใจ ผลการเรียนที่ออกมาก็คงต้องซิ่วอีกต่อไป หนูอยากให้ปีหน้ามีการรับน้องโดยนำเกมส์ที่เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับวิชาภาษาไทยมาประยุกต์ เพื่อกระตุ้นให้รุ่นน้องเข้าใจในภาษาไทยขั้นพื้นฐาน หวังว่าอาจารย์คงเห็นด้วยเช่นเดียวกัน

  อีกเรื่องหนึ่งที่หนูอยากถามนะคะว่าการจัดกิจกรรมวันเด็กที่รุ่นพี่ปี2ต้องพารุ่นน้องปี1ออกนอกพื้นที่เป็นนโยบายของเอกหรือเปล่าคะ เพราะตอนนี้รุ่นพี่กำลังให้พวกหนูจัดโครงการนี้ขึ้น แต่หนูคิดว่าหาเป็นกิจกรรมของเอกจะขอจัดร่วมกับมหาวิทยาลัย หรือ ชมรมสำนึกรักบ้านเกิดได้ไหมค่ะ

P

เรื่องกิจกรรมวันเด็ก  เป็นกิจกรรมที่นักศึกษาจะตกลงจัดกันเองในฐานะที่เรียนสายครู  แม้สายศิลป์เองก็อาจจัดได้เหมือนกัน ไม่ได้ถูกกำหนดจากสาขาวิชา  แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสาขาวิชา และต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการไปคอยกำกับดูแล 

       การจัดกิจกรรมวันเด็กที่ผ่านมา มีทั้งจัดในมหาวิทยาลัย ร่วมกับมหาวิทยาลัย และมีจัดข้างนอก  โดยมากนักศึกษาก็ชอบที่จะไปจัดข้างนอก เพราะอาจถูกใจบางกลุ่มที่จะออกไปมีอิสระ ได้เปิดหูเปิดตาสนุกสนานไปพร้อมกันด้วย แต่บางกลุ่มก็รู้สึกเห็นใจเด็กๆ ในถิ่นทุรกันดารที่ไม่มีโอกาสได้เที่ยวงานวันเด็ก ก็มีเหตุผลน่าสนับสนุนกันทั้งนั้น  ขึ้นอยู่กับว่าจะตกลงพร้อมใจเสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไร อาจใช้โหวตตัดสิน เพราะมีข้อคิดเห็นขัดแย้งกันทุกปี  แต่ไม่ควรมีการบังคับกัน

       ต้องคำนึงว่า การจัดข้างนอกต้องใช้กำลังมาก ทั้งกำลังกาย กำลังใจร่วมแรงสามัคคี  กำลังสติปัญญาในการวางแผน การจัดการเรื่องกิจกรรมที่คุ้มค่า สมเป็นปัญญาชนจัด  กำลังทรัพย์ ซึ่งต้องใช้ในเป็นค่าเดินทาง ซื้อของ ค่าอาหาร และอื่นๆ อีกมาก คงต้องวางแผนหาเงินเข้าโครงการแต่เนิ่นๆ

       สำคัญที่สุดคือผู้นำ ที่ต้องทำงานหนัก รู้ประสาน รู้จักใช้คน รู้แผน รู้โครงการ และสั่งการได้อย่างเด็ดขาด อาศัยความร่วมมือจากทีมงาน ฯลฯ

       อาจารย์จะเข้าไปดูแลอีกครั้ง  

ทำไมต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นด้วยนะ ได้ดูได้รู้แล้วมันน่าสลดใจยิ่งนัก ความเป็นมนุษย์ยังพอมีในตัวมั้ยหนะ  หรือที่ทำลงไปมันออกมาจากสัญชาตญาณของเดียรัจฉาน   หรือมันเป็นเพราะอะไรคะอาจารย์ หนูกลัวค่ะ ดีนะคะที่ราชภัฏของเราไม่มีแบบนี้เกิดขึ้น

คุณพรพิมล

          เรื่องแบบนี้ไม่อยากให้เกิดที่ราชภัฏของเรา ถ้าเราเข้มงวดกวดขัน มีระบบ มีมาตรการดี ผู้บริหารเอาจริงเอาจัง และพวกเรามีสำนึกที่ดี

อาจารย์ ของอย่างนี้มันเกิดเพราะเด็กรู้ว่าผู้บริหารไม่เอาจริง ลองไล่ออกหัวโจกซักคนที่นอกแถว รับรองว่าปีต่อๆ ไปก็จะไม่มีใครกล้าแล้ว ถ้ามีการเตือนก่อนแล้วเอาจริงเชือดไก่ให้ลิงดูสักคน ดูสิว่าใครอยากจะเป็นคนต่อไป

หนูเคยใช้วิธีนี้กับเด็กที่บริษัท มีหัวโจกคนนึงเรียกร้องอยากเข้างานตามอิสระ ไม่ต้องลงเวลา ทำให้คนอื่นเริ่มพลอยเกิดอาการไปด้วย พอเขามาคุยหนูก็บอกว่าไม่ได้ ไม่ต้องมาคุยอีก หรืออย่าให้ได้ยินเรื่องนี้อีก หลังจากนั้นก็มีกระแสไม่พอใจเกิดขึ้นจากบางแผนก หนูก็เรียกคนต้นเรื่องมา บอกให้ไปรับเงินเดือนล่วงหน้า 3 เดือนที่ฝ่ายการเงิน แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาทำงานแล้ว เขาก็โอดโอยขอโอกาส หนูก็บอกว่าไม่ได้หรอก น้องเป็นตัวอย่างที่ต้องจัดการให้คนอื่นดู พี่เตือนแล้ว บริษัทมีกฎที่ให้คนไว้ปฎิบัติไม่ใช่ไว้ละเมิด ถ้าพี่จัดการเรื่องเล็กๆ แบบนี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องปกครองคนแล้ว จากนั้นเรื่องนี้ก็เงียบสนิทเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

คุณซูซานP

          ถูกต้องครับ  เคยมีกรณีเสนอลงโทษรุ่นพี่ไล่ออกถึง 30 คน แต่อย่างที่คุณซูซานพูด  ข้างบนไม่ทำครับ  เพราะฉะนั้นวังวนชั่วร้ายจึงเกิดซ้ำซาก 

            "คนที่มีสันดานเถื่อน  อย่างไรก็เถื่อน " พระพุทธเจ้าตรัสว่า  อเวไนยสัตว์ - สัตว์ที่ไม่สามารถสั่งสอนได้   ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะสอนให้รู้ธรรม   โจรเข้าเส้น  ไม่สามารถสอนให้รู้สำนึกได้  เพราะโจรเหล่านี้  ไม่ว่าจะเป็นเด็กขนาดไหน หากมีสันดานอาชญากรแล้ว ตกนรกแล้ว  กฏหมาย ระเบียบของบ้านเมืองเท่านั้นที่จะจัดการคนเหล่านี้ได้ และต้องจัดการอย่างรุนแรงและเฉียบขาดด้วย เพื่อป้องกันคนดีๆ ไม่ให้ต้องตายหรือเจ็บไปมากกว่านี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท