Kaizen กับ KM

             บริษัทญี่ปุ่นในไทยแห่งหนึ่งได้พยายามสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่โดยประกาศเป็นนโยบายของบริษัท นโยบายข้อหนึ่งคือ Continuous Improvement  ใช้เครื่องมือ Kaizen ในการขับเคลื่อนโดยกำหนดให้พนักงานทุกคนส่งเรื่องการปรับปรุงงานของตนเองคนละ 2 เรื่องต่อปี พนักงานมีประมาณ 600 คน ทำให้มีเรื่องปรับปรุงงานปีละไม่น้อยกว่า 1200 เรื่อง มีคณะกรรมการคัดเรื่อง Kaizen ดีเด่นเพื่อนำเสนอบนเวทีช่วงปลายปีเพียง 8 เรื่อง ผู้ชนะจะได้ไปนำเสนอยังบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น Kaizenทุกเรื่องที่ส่งจะถูกนำไปติดที่บอร์ดของแต่ละแผนก พนักงานส่วนใหญ่กลับรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ทำ มีเฉพาะพนักงานส่วนน้อยที่มีโอกาสได้นำเสนอผลงานเท่านั้นที่รู้สึกกระตือรือล้น

             ระหว่างที่บริษัทแห่งนี้ได้เรียนรู้เครื่องมือ KM จากวง ลปรร.ของ KM Workshop พบว่าเรื่องที่ส่วนใหญ่นำมาเล่ามักนำเรื่องมาจากกิจกรรม Kaizen แทบทั้งหมดแต่ทุกคนกลับได้เห็นได้สัมผัสบรรยากาศของความชื่นชมยินดีที่หาไม่ได้ในKaizenแบบเดิม เรื่องKaizenที่เคยติดบนบอร์ดไม่ค่อยได้รับความสนใจแต่พอนำมาเล่าในวง ลปรร.กลับน่าสนใจมีคนซักถามและชื่นชมเจ้าของเรื่องก็ตอบอย่างสนุกสนานภาคภูมิใจจนอยากจะเล่าเรื่องที่สองหรือที่สามอีก หลายคนเริ่มมองเห็นแล้วว่าถ้านำ KM มาต่อยอดกิจกรรม Kaizen เดิมก็จะทำให้พนักงานเต็มอกเต็มใจที่จะค้นหาวิธีการปรับปรุงงานของตนมากขึ้นอย่างมีความสุข

            ผู้บริหารของบริษัทได้มองเห็นแนวทางการนำ KM เข้าไปผสมกับกิจกรรมเดิมเช่น Kaizen , Safety Talk , Small Group Activity , QCC  และกิจกรรมอื่นๆ  ได้กล่าวยอมรับว่า เครื่องมือพัฒนาคุณภาพงานที่ใช้อยู่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งเท่านั้นเพราะเครื่องมือเหล่านี้เน้นผลงานมากไป ดูแข็งๆขาดความมีชีวิตชีวา เมื่อนำKM มาปรับใช้ร่วมกับเครื่องมือเหล่านี้ KM ได้ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย  KM เป็นเครื่องมือที่จะช่วยสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างเป็นรูปธรรม  หากใครมีประสบการณ์หรือความคิดเห็นอื่นๆขอเชิญนำมาแบ่งปันกันครับ