ค่าย ...งานหนักไม่เคยฆ่าคน


ค่าย คือความมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยพลัง

18  ตุลาคม  2550 ...

แปลกแต่ก็จริง ,  วันนี้ทั้งวันผมเพลียมาก   เพราะชีวิตต้องเดินทางตั้งแต่ไก่ยังไม่กู่เสียงขัน  ระยะทางแห่งการเดินทางจากอุดรธานีมายัง อ.พยัคภูมิพิสัย (มหาสารคาม)  ล่วงเข้ามหาชีวาลัย (อ.สตึก จ.บุรีรัมย์)  ก็ไกลโขพอสมควร  แต่ผมก็ดูประหนึ่งสดชื่นอย่างไม่ปรากฏริ้วรอยของความโรยล้าเลยแม้แต่น้อย

   

ทั้งหลายทั้งปวงไม่มีอะไรมากไปกว่าความสุขที่เกิดขึ้นกับตัวเอง   .. ความสุขที่เพียงแค่เสี้ยววันเดียวแต่สามารถพาหัวใจไปพบกับ คนของความรัก  มากมายก่ายกอง   ทั้งท่าน ผอ.เม็กดำ   พ่อครูบา  น้องออต  รวมถึงนิสิตชาวค่ายแห่งรักษ์ทางไทยและอาสาพัฒนานั่นเอง

   

  

ขากลับออกมาจากมหาชีวาลัย   ท่าน เม็กดำ 1 (ดร.ศักดิ์พงศ์  หอมหวน) ได้กรุณาพาผมได้เข้าไปเยี่ยมน้องนิสิตชมรมอาสาพัฒนาที่ออกค่ายอยู่ ณ โรงเรียนบ้านหารฮี  ต.เม็กดำ  อ.พยัคฆภูมิพิสัย  จ.มหาสารคาม  ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงเรียนเม็กดำเท่าใดนัก

  

ระยะทางตัดจากถนนใหญ่เส้นพยัคฆภูมิพิสัย พุทไธสง  เข้าสู่ตัวหมู่บ้านน่าจะอยู่ในราว ๆ  ไม่เกิน 10  กิโลเมตร  ตลอดเส้นทางผ่านทุ่งนาเวิ้งใหญ่ที่บางห้วงข้าวเริ่มตั้งท้อง  แต่กลับดูเหมือนว่ายังคงต้องรออีกนานอยู่เหมือนกัน

  

  

ถนนที่ทอดตัวเข้าสู่หมู่บ้านแคบเล็กและเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่ค่อนข้างมาก   ส่วนใหญ่เป็นถนนลูกรังที่อัดแน่นความกันดาร    ริ้วรอยพิษภัยของการถูกน้ำท่วมปรากฏอยู่อย่างชัดแจ้ง     กระทั่งใกล้ตัวหมู่บ้านนั่นแหละจึงสัมผัสได้กับถนนคอนกรีตสั้น ๆ  แต่ก็โรยทับไปด้วยฝุ่นทรายอันมหาศาล

   

ผอ.ศักดิ์พงศ์ฯ  ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า  หมู่บ้านนี้จัดได้ว่าทุรกันดารพอตัว  ครั้นฤดูฝนย่างกรายมาเยือน  หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็ถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก  เส้นทางที่เชื่อมระหว่างหมู่บ้านกับถนนใหญ่ถูกขังท่วมและเจิ่งนองไปด้วยน้ำ  และเช่นเดียวกัน  พืชผลไร่นาจำนวนมาก   ก็หนีไม่พ้นสภาพอันต้องบอบช้ำจากพิษภัยของน้ำท่วม

   

โรงเรียนบ้านหารฮี  เป็นโรงเรียนชั้นประถมศึกษาขนาดเล็ก  มีนักเรียนไม่ถึง  50  คน  มีอาคารเรียนสองชั้นเพียง 1  หลัง ไม่มีสนามกีฬาคอนกรีตเอนกประสงค์  เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นผลพวงของจำนวนนักเรียนที่มีอยู่อย่างน้อยนิด  จึงไม่สามารถได้รับการจัดสรรงบประมาณให้นำมาดำเนินการสร้างสิ่งเหล่านั้นได้ 

  

อย่างไรก็ดีโรงเรียนดังกล่าว   ก็ยังต้องทำการเรียนการสอนต่อไป  เพราะไม่มีนโยบายให้ยุบเลิก  และถึงมีก็เชื่อเหลือเกินว่าชุมชนคงไม่ยอมให้โรงเรียนถูกสั่งยุบเป็นแน่  ...

   

การมาของชมรมอาสาพัฒนาในครั้งนี้  จึงอาจเรียกได้ว่ามีความหมายกับเด็กนักเรียนและชาวบ้าน  หรือแม้แต่คณะครูอยู่มากเหมือนกัน    เพราะเมื่อสังเกตจากสภาพการณ์แล้วก็เห็นชัดว่า  ลานดินอันเป็นสนามกีฬาที่มีอยู่นั้น   ไม่เอื้ออำนวยต่อการเล่นกีฬาเท่าใดนัก  และยิ่งถึงหน้าฝนก็ยิ่งดูจะเป็นอุปสรรคต่อการเล่นกีฬาเป็นที่สุด !    

 

การมาเยี่ยมคนค่ายครั้งนี้ของผมเป็นการมาแบบไม่ได้นัดหมาย    และการมาคราวนี้   ผมก็ไม่ได้มานิเทศค่าย  เป็นแต่เพียงการมาเยี่ยมแบบส่วนตัวเท่านั้น 

ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่เจาะลึกด้วยคำถามใด ๆ  แต่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเดินชมและประเมินงานด้วยสายตาของตัวเองแบบคร่าว ๆ   โดยยกภาระการประเมินอย่างเป็นทางการให้ทีมงานของผมที่จะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้า -

       

 

แต่จากการประเมินอย่างคร่าว ๆ  ดูเหมือนงานค่ายครั้งนี้จะรุดหน้าไปเยอะมาก  สนามถูกอัดพื้นเป็นที่เรียบร้อย  รอก็แต่กระบวนการเทพื้นเท่านั้นเอง    และหากฟ้าฝนเป็นใจไม่ตกกระหน่ำลงมาอีกรอบ  ก็เป็นที่แน่ชัดว่า  งานค่ายจะแล้วเสร็จได้ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน    

ถึงแม้การมาค่ายครั้งนี้จะไม่ใช่การมานิเทศค่าย  แต่โดยวิถีของผมก็อดที่จะซักถามและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวในค่ายไม่ได้  และดูเหมือนประธานค่ายก็ประหนึ่งจะพยายามบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังอยู่อย่างไม่ขาดห้วง  

    

ค่ายครั้งนี้ดูเหมือนนิสิตหญิงจะมีเยอะกว่านิสิตชาย  ซึ่งนั่นก็เป็นปกติที่พบเจอมาแทบทุกค่าย   นิสิตส่วนหนึ่งถูกแยกให้ทำงานเกี่ยวกับการดาหญ้าในบริเวณโรงเรียน   กลุ่มหนึ่งปักหลักกับการทำสนามกีฬา  ขณะที่อีกกลุ่มประจำการในโซนของการทำอาหาร     และอีกกลุ่มก็ระดมสมองเขียนบทละครเพื่อเป็นการแสดงในค่ำคืนนี้อย่างไม่ลดละ

     

ผมไม่รู้แน่ชัดว่าในกระบวนการเรียนรู้วัฒนธรรมชุมชน  หรือแม้แต่กิจกรรมอื่น ๆ  คืบหน้าไปเช่นใดบ้าง  แต่ก็พอรู้มาบ้างว่ากิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้อื่น ๆ  ก็ทยอยปรากฏออกมาเป็นระยะ ๆ  เช่น  การสอนหนังสือเด็กนักเรียน  การพานักเรียนออกไปรณรงค์เรื่องต่าง ๆ  ต่อชาวบ้าน  ...    

เหนือสิ่งอื่นใด,  ผมไม่รู้จะบอกเล่าเรื่องราวอันเป็นสารัตถะใดดีในบันทึกนี้  เพราะต้องการมาค่ายแบบสบาย ๆ  ไม่เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ทางการงาน  แต่มาด้วยสายสัมพันธ์ของความเป็นพี่น้องที่มีต่อชาวอาสาพัฒนาของ มมส    

 

และผมก็ไม่ผิดหวัง

ในค่ายครั้งนี้  ผมสัมผัสได้ถึงสายใยของคนค่ายที่มีต่อกันย่างแน่นแฟ้น  งานค่ายไม่เพียงแต่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างนิสิตกับชาวบ้านเท่านั้น  แต่มิติการเรียนรู้กันและกันในหมู่นิสิตก็ถือว่าสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

  

ผมเชื่อมั่นอย่างไม่เสื่อมคลายเสมอมาว่า  งานค่ายอาสาพัฒนา  คือกระบวนการอันทรงพลังที่ทำให้คนค่ายรักและผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง 

  

งานหนักไม่เคยฆ่าคน ..และงานหนักในค่ายก็ไม่เคยเป็นอุปสรรคขวางกั้นมิตรภาพระหว่างคนค่าย  ตรงกันข้ามงานหนักในค่ายกลับกลายเป็นสายใยอันเหนียวแน่นที่ร้อยรัดให้คนค่ายเกี่ยวพันและเชื่อมโยงกันและกันอย่างสนิทแน่น   ...

เรื่องราวความรัก  ความอบอุ่นและสายใยอันเหนียวแน่นอันยาวนานเช่นนี้   ผมคงบอกเล่าไม่ได้ด้วยอักษรเพียงไม่กี่บรรทัด    คนที่ผ่านห้วงเวลาในค่ายเท่านั้นที่จะสัมผัสได้ว่า งานค่าย  คือความมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการหลอมรวมคน  ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน    

  

และปรากฏการณ์ของการไปค่ายครั้งนี้ผมก็เป็นปลื้มอย่างมาก  เพราะค่ายนี้มีอดีตประธานชมรมอาสาพัฒนามาช่วยงานน้อง ๆ  มากถึง  3  คน   รวมถึงรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว  หรืแม้แต่กำลังจะจบการศึกษาหลายท่านก็สัญจรกลับมาช่วยน้อง ๆ อย่างอบอุ่น

   

 

ในบางมุม,   หากมองผิวเผินอาจมองได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ของคนค่าย   แต่ก็น่าจะเป็นภาพสะท้อนที่ยืนยันได้ว่ามันคือปรากฏการณ์แห่งความรัก ความผูกพันของคนค่ายที่มีต่อกันและกันอย่างสุดซึ้ง  และระยะทางอันแสนไกลก็ไม่อาจขวางกั้นความผูกพันของ คนค่าย  ที่มีให้กันอย่างน่ายกย่อง    

 

และนั่นเพียงพอหรือไม่สำหรับการย้ำเตือนของวาทกรรมที่ว่า  คนสร้างค่าย   ค่ายสร้างคน..   ซึ่งผมรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ ...    

ก่อนการเดินทางกลับออกจากค่าย   ...   แดดบ่ายโรยแสงอย่างอ่อนโยน   ขณะที่ลมทุ่งพัดพาความหนาวเย็นอันโหยแห้งมาเยือนเป็นระยะ ๆ  ทำให้รู้สึกราวกับว่า  จากนี้ไปอีกไม่นาน   ลมหนาวกำลังจะหวนกลับมาเยือนอีกครั้ง !  

  

หมายเลขบันทึก: 140986เขียนเมื่อ 22 ตุลาคม 2007 20:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 02:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)
  • สวัสดีค่ะ  พี่แผ่นดิน
  • มิมรู้สึกชื่นชอบบันทึกนี้มากๆ ด้วยส่วนตัวแล้วชอบกิจกรรมค่ายอาสาแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วและเมื่อมาทำงานก็ได้มีโอกาสกับเพื่อนๆ หาทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียน รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไปช่วยนักเรียนที่ยังขาดแคลน  เช่นบันทึกนี้ของมิม ลองอ่านนะคะhttp://gotoknow.org/blog/mim-kpt/140320
  • อีกประการหนึ่งการเล่าเรื่องในบันทึกน่าสนใจ ตรงที่การใช้คำที่น่าอ่าน ไม่รู้ว่ามิมต้องฝึกอีกนานแค่ไหนถึงจะเขียนบันทึกได้ดีอย่างนี้ ชอบจริงๆ ค่ะ
  • ขอบคุณนะคะสำหรับบันทึกดีๆ

อ้ายที่คิดฮอด

  • เดินหน้าต่อไปครับ
  • มหาวิทยาลัยมหาสารคามกับงานนิสิตเดินมาสู่ทางที่ถูกแล้ว งดงามและคืนสู่รากเหง้าของบ้านเราเมืองเรา
  • เพื่อบ้านเมืองเรา เพื่อคนรุ่นใหม่ของเรา
  • ก้าวเดินอย่างสง่างามอย่างที่สุด

เรียนท่าน แผ่นดิน

  • ตามมาให้กำลังใจ ฅนตัวจริง ชัดเจน
  • ไม่เคยมีใครตายเพราะทำงาน(ที่สุจริต หนัก)
  • แต่จะตายเพราะ
  • ไม่มีงานทำ
  • สวัสดีค่ะ อ.แผ่นดิน
  • มาให้กำลังใจคนทำงานค่ะ
  • -----
  • ป้าแดง เห็นด้วยอย่างมากเลยค่ะ ว่าค่ายสร้างคน
  • นักศึกษาพยาบาลบางสถาบัน จะได้อยู่กับชุมชนน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่จะดูแลคนไข้ในโรงพยาบาล การไปออกค่าย ก็ไม่มีโอกาสได้ทำ
  • จึงมักจะเห็นว่า พยาบาล เข้าสังคม ทำงานกับคนวิชาชีพอื่นไม่ค่อยเป็น
  • เมื่อครั้งที่ป้าแดง ดูแลนักศึกษา จึงต้องพาไปงานบุญต่างๆของชาวบ้าน เพื่อให้เขาเรียนรู้สังคม
  • -------
  • และอะไร ก็ไม่รู้ มาถึง ยุคนี้ ก็รณรงค์กันใหญ่ เรื่องการแพทย์/การดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์  ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับวงการงานของป้าแดงค่ะ
  • เฮ้อออ......เลยกลายเป็นว่า ป้าแดง มายึดพื้นที่ใช้บ่นซะงั้น....

สวัสดีค่ะอาจารย์

อ่านบันทึกของอาจารย์แล้วรู้เลยค่ะว่าอาจารย์มีความสุขกับงานค่ายอาสา

ขอร่วมเป็นกำลังใจให้อาจารย์ทำประโยชน์แก่สังคมค่ะ 

อากาศเริ่มเย็นแล้วใช่ไหมคะที่กรุงเทพสองสามวันที่ผ่านมาก็มีอากาศเย็นช่วงเช้าค่ะแต่ก็อดคิดถึงต่างจังหวัดไม่ได้ค่ะอากาศคงจะดีมากเลย

ขอบคุณค่ะ

ผมเชื่อมั่นใจจิตใจของชาวค่ายอยู่เสมอครับ

          แต่กระนั้นก็อธิบายให้น้อง ๆ อย่างลำบากว่าเกิดอะไรขึ้นกับความขาดแคลนล้มเหลวและปัญหาที่เราชาวค่ายต้องเข้ามาร่วมรับรู้และแก้ไขบางส่วน

           ทั้งต้องตอบในเรื่องของความยั่งยืนและเข้มแข็ง

          ทั้งต้องอธิบายถึงการให้และรับอย่างรู้คุณค่าและไม่สูญเปล่า

            แต่ทั้งนี้กระบวนการค่ายจะคงอยู่ต่อไปและจะแจ่มชัดในความตั้งใจและคำตอบของสังคมได้มากขึ้นครับ

  • แวะมาทักทายครับ
  • กิจกรรมค่ายอาสาพัฒนาฯ  เป็นกิจกรรมที่จะช่วยหล่อหลอมจิตใจของคนหนุ่ม คนสาว  ก่อนที่จะออกไปทำงานเพื่อสังคมได้ดี
  • ขอบคุณมากครับที่นำเรื่องราวดีๆ มาแบ่งปัน

สวัสดีครับ  ครูมิม

P
  • ยินดีที่ได้รู้จักและทักทายกันอีกหน
  • และยินดีที่ได้รู้ว่าในโลก G2K  มีคนที่เคยเป็นคนค่ายอยู่อย่างมากมาย
  • ค่าย สร้างคนของสังคมมากมายมหาศาล   และผมก็เรียนรู้มุมมองที่ดีจากค่ายมาหลายเรื่อง  ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็ส่งผลมายังจุดยืนของวันนี้
  • ....
  • เขียนบ่อย ๆ  นะครับ
  • อะไรต่อมิอะไรจะดีขึ้นเอง
  • ผมก็ยังต้องพัฒนาอีกหลายเรื่องและหลายอย่าง .....
  • ....
  • จะเป็นกำลังใจและติดตามอ่าน  ต่อไป

 

ขอบคุณน้องออตมากครับ

P

ระยะหลัง ๆ มีน้องนิสิตมาแชร์ความคิดในเรื่องค่ายมากขึ้น

และทุกครั้งที่แชร์กัน  เราต่างก็มีแรงใจที่จะทำอะไรเพื่อคนอื่นอย่างแทบไม่น่าเชื่อ

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ

P
JJ 
 

ผมมีความสุขกับการทำงาน  เพราะรู้สึกตัวเสมอว่าได้ทำในสิ่งที่เรารัก  และที่สำคัญก็คือ  การรู้สึกว่า  เราได้ทดแทนบุญคุณของมหาวิทยาลัย ฯ   ซึ่งผมเองแน่ชัดแก่ใจตนเองเสมอมาว่า  ส่วนหนึ่งของตนเองถูกหลอมรวมจากความเป็นมหาวิทยาลัย นั่นเอง

ขอบพระคุณครับ

สวัสดีครับ  ป้าแดง

P

  • จึงมักจะเห็นว่า พยาบาล เข้าสังคม ทำงานกับคนวิชาชีพอื่นไม่ค่อยเป็น
  • เมื่อครั้งที่ป้าแดง ดูแลนักศึกษา จึงต้องพาไปงานบุญต่างๆของชาวบ้าน เพื่อให้เขาเรียนรู้สังคม
  • ผมนับถือในมุมมองที่ป้าแดงมองวิถีของนักศึกษาพยาบาลอย่างถ่องแท้นั้นมาก 

    การเข้าใจภาวะ หรือเงื่อนไขต่าง ๆ  อย่างแจ่มชัด  ทำให้ป้าแดงมีทางเลือก  หรือทางออกสำหรับการพัฒนานักศึกษาพยาบาลให้ไม่หลุดไปจากการสัมผัสผู้คนด้วยหัวใจโดยผ่านกระบวนการสัมผัสจากกิจกรรมของชุมชน

    ผมเชื่อเหลือเกินว่า  ลูกศิษย์ ลูกหาของป้าแดง  เติบโตเป็นทรัพยากรที่ดีของสังคม  หรือเป็นนางฟ้าที่แสนดีของสังคมด้วยเช่นกัน

    ...

    ผมเป็นกำลังใจต่อกระบวนการที่ป้าแดงขับเคลื่อนนะครับ

     

     

    สวัสดีครับ...

    P

    ตอนนี้แถวชนบทอีสานลมหนาวล่องมาถึงแล้ว   ยิ่งในค่ายที่ผมมาเยี่ยมนี้นั้นยิ่งมีลมหนาวพัดผ่านอยู่อย่างต่อเนื่อง

    ตอนนี้ข้าวในท้องนาก็เริ่มตั้งทองกันแล้ว   เข้าใจว่ากลางเดือนธันวาคมนี้ก็น่าจะเหลืองเรืองรองทั่วท้องทุ่ง   ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า  ... ชาวนา  จะมีรอยยิ้มอย่างเป็นสุข

    กระนั้นก็คงมีบ้างที่ส่วนหนึ่งต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตนี้เปลื้องหนี้สินด้วยเหมือนกัน

     

    สวัสดีครับ

     

    P

     

    ตอนนี้ถ้ามีโอกาสได้พูดคุยในเรื่องค่ายกับน้องนิสิต  ผมก็มักกล่าวย้ำอยู่กับประเด็นว่า  การ "ให้"  ที่สามารถนำพาไปสู่ความยั่งยืนของชุมชนนั้นคืออะไร  และถึงแม้อาจจะไม่ใช่ความยั่งยืนเสียทั้งหมด  แต่ก็ต้องตอบความต้องการอันแท้จริงของชุมชนให้ได้

    และในฐานะของการเป็นนิสิตก็คงต้องแจ่มชัดในกระบวนการของการเรียนรู้ด้วยตนเอง  แต่ต้องมิใช่การเรียนรู้แบบแยกส่วน    ,  แยกส่วนทั้งจากชาวค่ายและแยกส่วนทั้งกับชาวบ้าน

    การใช้ชีวิตอย่างละเอียดอ่อน  จะช่วยให้นิสิตเกิดประสบการณ์ชีวิต  หรือผลึกแห่งชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง 

    และถึงแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนผ่านไปเช่นใด  ผมก็ยังเชื่อมั่นและศรัทธาว่า ... ค่าย  ยังคงเป็นเวทีแห่งการเพาะบ่มความดีให้เกิดขึ้นในตัวของนิสิต

    ....

    ขอบคุณครับ

     

    สวัสดีครับ

    P

     

    กิจกรรมค่ายอาสาพัฒนาฯ  เป็นกิจกรรมที่จะช่วยหล่อหลอมจิตใจของคนหนุ่ม คนสาว  ก่อนที่จะออกไปทำงานเพื่อสังคมได้ดี

    ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับประเด็นข้างต้นนั้น..

    เพราะโดยส่วนตัวก็มองว่า  "ค่ายอาสาพัฒนา"  คือกระบวนการในการเตรียมความพร้อมให้กับนิสิตนักศึกษา  หรือคนหนุ่มสาว ...ที่สังคมให้การยอมรับและฝากความหวังไว้ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็น "คนของอนาคต"

    สังคมปัจจุบันในวันนี้นี่แหละครับ  คือ  วัตถุดิบที่จะกลายสภาพเข้าไปหลอมรวมอยู่ในตัวของหนุ่มสาว ... ขึ้นอยู่กับว่าคนหนุ่มสาวจะมีศักยภาพในการเรียนรู้มากแค่ไหน  และสามารถสังเคราะห์ได้อย่างมีกระบวนการ หรือไม่เท่านั้นเอง ...

    ...

    ขอบคุณครับ

     

     

     

     

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท