คุณธรรมแห่งการเลือกตั้ง part2

อันดับที่ 2 วันอาทิตย์ที 16 กันยายน 2550

คุณธรรมแห่งการเลือกตั้ง”

ตัวอย่าง มีผู้ต้องการคะแนนเสียง 1 เสียงจากเรา ซึ่งเราเองได้รับมอบจากสถาบันกษัตริย์ตั้งแต่พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกเป็นต้นมา อันที่จริงคะแนน 1 เสียงของเราเป็นของมีค่าประเสริฐและศักดิ์สิทธิ์ในฐานะเป็นของพระราชทาน ทุกคนมีสิทธิจะขอจากเราหากเขาตั้งใจนำเอาไปใช้ตามพระปณิธานของล้นเกล้าฯ คืออยากได้มีโอกาสรับใช้ประเทศชาติอย่างเสียสละ ถ้าอย่างนี้ก็ถูกต้องตามพระปณิธานของราชวงศ์จักรีที่ทรงมอบอำนาจที่ทรงมีแก่ปวงชนชาวไทยแต่เป็นไปได้ว่ามีคนอยากได้ 1 คะแนนเสียงของเราอย่างไม่ซื่อ เขาอยากได้จริงๆ เพราะมองเห็นว่า งบประมาณของชาติปีละล้านล้านบาทเป็นอาหารอันโอชา นอกนั้นยังมีประโยชน์ทับซ้อนอีกมากมาย

คำนวณดูแล้วหากคนไทยเจ้าของประเทศคิดไม่เป็นรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การซื้อประเทศไทยไม่ยากเลย ลงทุนน้อย กำไรมหาศาล ลองคิดดู ถ้าใครคิดชั่วร้ายลงทุนซื้อเสียงเพียงเสียงละ 1,000 บาท หากซื้อได้ 10,000,000 เสียง (สิบล้านเสียง) ก็จ่าย 10,000,000,000 (หมื่นล้านบาท) เท่านั้น ถ้าประเทศไทยโชคร้าย มีผู้ยอมขายเสียงสัก สิบล้านคน ก็จ่ายเพียงหมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเศรษฐีไทยมีเงินขนาดนี้กันอยู่หลายคน คำนวนแบบบ้าๆก็เห็นได้ชัดว่า ลงทุนเพียงหมื่นล้านจะมีโอกาสใช้งบประมาณของชาติถึงปีละล้านล้านบาท ถ้าคิดไม่ซื่อไม่ กลัวบาปกลัวกรรม ไม่กลัวนรก ก็จะเห็นชัดว่าเป็นธุรกิจที่ให้ผลกำไรทันตาเห็นอย่างเป็นกอบเป็นกำ

ถ้าใครคิดจะลงทุนเพื่อถอนทุนอย่างนี้ ชาติจะไม่ล่มจมหรือ นั่นเป็นเรื่องชั่วร้ายทางการเมืองที่แม้แต่คิดก็ไม่ควรคิดแล้ว ก็แล้วแต่ว่าจะเล่นการเมืองเพื่อรับใช้ประเทศชาติอย่างมีคุณธรรม หรือจะเล่นธุรกิจกับประเทศชาติแบบลงทุนหวังกำไรเกินควร ที่ไม่หวังกำไรเกินควรก็คือตั้งใจได้อำนาจบริหารประเทศเพื่อความเจริญของชาติโดยตนเองขอรับค่าตอบแทนตามกฎหมาย ซึ่งก็กำหนดไว้อย่างสมน้ำสมเนื้อแล้วสำหรับผู้มีตำแหน่งสูงในชาติ

แต่ถ้าคิดจะเข้าไปถอนทุนและกอบโกยอย่างต่อเนื่องแล้วเท่าไรก็ไม่พอ คราวนี้มาคิดถึงคุณธรรมของผู้ขายเสียง สำหรับผู้ขายเสียงเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็น่าเห็นใจ มีของมีค่าอยู่ในมือแต่ไม่รู้ว่ามีคุณค่าระดับไหน ยอมขายไปง่ายๆด้วย ราคาเพียง 100 บาท 1,000 บาท 10,000 บาท แม้ 100 ล้านก็ไม่คุ้ม เพราะเท่ากับราคาของแผ่นดินไทยของคนไทยทั้งชาติก็ว่าได้ เหมือนอย่างที่เล่ากันว่า ตอนที่โคลัมบัสและพรรคพวก ไปขึ้นฝั่งทวีปอเมริกาช่วงแรกๆนั้น เห็นเด็กๆและผู้หญิงเอาก้อนทองคำโยนเล่นกันบนชายหาด ก็เอาลูกปัดไปขอแลก ก็ได้อย่างใจทองคำก้อนเท่ากำปั้นยอมแลกกับลูกปัดสายเดียวก็เอา เพราะพวกนั้นไม่รู้คุณค่าของสิ่งที่ตนถืออยู่ในกำมือ

เหมือนผู้กำชะตากรรมของชาติไว้ในมืออย่างไม่รู้คุณค่า ยอมขายไปด้วยธนบัตรเพียงใบเดียวแต่อย่างที่ว่าจะตำหนิชาวบ้านของเรานักก็ไม่ถูก ก็ไม่เคยมีใครไปบอกเขานี่ว่าคะแนนเสียงมันคืออะไร คนไทยเราแต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นผู้ทรงคุณธรรมเรื่อยมาตามประสาซื่อๆ น่ารักแบบไทยๆ มีความกตัญญูรู้คุณแบบไทยๆ ซึ่งก็เป็นคุณธรรมที่น่ายกย่องสรรเสริญ เพียงแต่ให้เฉลียวใจสักนิดว่าการตอบแทนบุญคุณนั้นควรคิดถึงผลที่ตามมาสักหน่อยว่ามีผลข้างเคียงอะไรบ้าง และอาจจะขยายผลไปถึงไหนบ้าง

ก่อนอื่นให้ทำความเข้าใจกันเสียก่อนให้ได้ว่า การกาเบอร์ลงคะแนนเสียง ควรใช้เป็นของตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชวงศ์จักรีได้เพียงอย่าเดียวเท่านั้นเพราะกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีเท่านั้นที่ประทานสิทธิกาเบอร์ออกเสียงให้แก่ปวงชนชาวไทย จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยทุกคนที่จะต้องตอบสนองพระราชปณิธานที่จะให้ประชาชนได้ใช้สิทธิอันมาจากพระอำนาจของพระองค์ด้วยความกตัญญูรู้คุณ โดยกาเบอร์ให้ใครก็ได้ที่ไม่ซื้อเสียง หากมีหลายคนที่ไม่ซื้อเสียง ก็ใช้การคาดคะเนดูว่าใครน่าจะบริหารประเทศตอบสนองพระราชปณิธานได้ดีที่สุด คนไหนก็ได้ที่ไม่ซื้อเสียงก็ปลอดภัยทั้งสิ้น เพราะเมื่อเขาไม่ซื้อเสียงเขาก็ไม่จำเป็นต้องคิดถอนทุนจริงไหม เมื่อข้าราชการการเมืองไม่คิดถอนทุนก็จะคุมการใช้งบประมาณของชาติได้ดี เงินก็จะมีเพียงพอสำหรับใช้พัฒนาประเทศ ความสมบูรณ์พูนสุขก็จะหวนกลับมายังท่านและเพื่อนพี่น้องชาวไทยทั้งชาติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตรงไปตรงมาไม่ต้องมีเส้น ไม่ต้องยักยื้อ ไม่ต้องใช้กลเม็ดเด็ดพราย ไม่ต้องคอยฤดูเลือกตั้ง

ตรงกันข้าม หากท่านขายเสียง 1 เสียงของท่าน ท่านคิดว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณแก่ผู้เอื้อเฟื้อต่อท่านด้วยเศษเล็กเศษน้อยนิด ซึ่งปิดหูปิดตาท่าน ไม่ให้ท่านมองเห็นว่าท่านกำลังปฏิเสธหน้าที่กตัญญูที่สำคัญกว่ามาก ท่านกำลังขาดความกตัญญูต่อราชวงศ์จักรีที่มอบอำนาจลงคะแนนแก่ท่านเพื่อช่วยกันดูแลประเทศชาติ ท่านกำลังขาดความกตัญญูต่อผืนแผ่นดินไทยโดยมอบการใช้รัพยากรทั้งผืนแผ่นดินแก่ผู้ที่ลงทุนทำคุณแก่ท่านด้วยราคาค่างวดเพียงนิดเดียว จะว่าดูถูกภูมิปัญญาของท่านก็คงไม่ผิด เพราะเขาตีราคาผืนแผ่นดินไทยด้วยราคาค่างวดเพียงเรือนหมื่นล้านบาท โดยท่านได้ส่วนแบ่งเพียง 1,000 บาท เงินจะอยู่ในมือเขาปีละล้านล้านบาท ซึ่งหมายความว่าผืนแผ่นดินไทยทั้งผืนจะอยู่ในมือเขาให้เขาถอนทุนได้ตามอัธยาศัย

ผลขยายไปถึงว่า ท่านมีส่วนช่วยเอาคนทั้งชาติไปฝากผีฝากใข้ไว้กับผู้ตั้งใจถอนทุนและหากำไรไว้ลงทุนต่อ ขยายผลไปถึงว่า ตัวท่านเองและลูกหลานจะต้องฝากผีฝากไข้ไว้กับเขาคนนั้น ซึ่งจะมีทุนเพื่อลงทุนซื้อชาติต่อๆไปอย่างไม่สิ้นสุดด้วยทฤษฎีทุนต่อทุน ซึ่งมีหลักค้ำประกันมั่นคงว่าจะมีทุนต่อทุนได้ต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่ขาดสาย ยากที่ใครในอนาคตจะตัดวงจรอุบาทว์ลงได้ ซึ่งถ้าคิดทำจริงก็อาจจะต้องเสียเลือดเสียเนื้อของคนไทยด้วยกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ไม่แน่ว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ ที่แน่ๆก็คือ เขาจะมีทุนมาซื้อเสียงต่อไปในการเลือกตั้งครั้งหน้าและครั้งต่อๆไปอย่างยากที่จะหาใครมาลงแข่งขันกับเขาได้

กระผมชำแหละคุณธรรมตามหลักวิชาการ ผมไม่มีใครหรือพรรคการเมืองใดอยู่ในใจ ผมเป็นนักวิชาการและต้องการเป็นนักวิชาการเป็นกลาง จะได้พูดวิชาการได้อย่างมีน้ำหนัก ผมไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ขอฝักใฝ่คุณธรรมจริยธรรมตามหลักวิชาการเท่านั้น เพื่อจะพูดได้เต็มที่ตามหลักวิชาการ หลักจริยศาสตร์ที่สรุปได้ในวันนี้ก็คือ การลงคะแนนเสียงอย่างมีคุณธรรมก็คือ ไม่ลงคะแนนเสียงให้แก่ผู้ซื้อเสียงไม่ตอบแทนบุญคุณใดๆแก่ใครด้วยการมอบคะแนนเสียงอันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ที่ได้รับจากสถาบันกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ในพระนามของสมเด็จพระปกเกล้าฯ ซึงในปัจจุบันมีองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯทรงสืบทอดการมอบอำนาจอยู่ท่านรู้ว่าใครไม่ทวงบุญคุณท่านด้วยการกาเบอร์ ท่านเลือกได้ทั้งนั้น ได้คนดีและเก่งจริงก็โชคดีไป ได้คนดีแต่ไม่เก่งจริงก็ไม่เสียหายมาก เราช่วยกันประคับประคองและแก้ปัญหาได้ไม่ยาก ท่านมีใครอย่างนี้อยู่ในใจ กาเบอร์ไปเลย นั่น คือคุณธรรมแห่งการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ต้องการชำแหละในวันนี้

อยากรู้มากกว่านี้ เชิญเยี่ยม www.kirti.bunchua.com

ปรัชญาคติประจำสัปดาห์

นาทีนี้ มีค่าสุด ฉุดชีวิต

This very minute is the most precious of your life.

ศาสตราจารย์กีรติ บุญเจือ

ประธานอนุกรรมาธิการคุณธรรมและจริยธรรม

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ