ในสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์กรของข้าพเจ้ามีการปรับรูปแบบ ปรับเปลี่ยนภารกิจความรับผิดชอบกันใหม่ มีการรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกทุกคนขององค์กร นำข้อมูลมาพิจารณาปรับกันใหม่ ซึ่งก็มีหลายประเด็นที่ข้าพเจ้าเห็นว่าเหมาะสมที่จะปรับเปลี่ยนไปอย่างนั้น แต่ก็มีบางประเด็นที่ข้าพเจ้าไม่ค่อยเห็นด้วย
จากบรรยากาศในการประชุม ทำให้ได้ข้อคิดหลายอย่าง
บางท่านเสนอแนวคิดจากมุมมมองของตนเองเป็นที่ตั้งและพยายามที่จะยืนยันความคิดตนเองอยู่อย่างมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง
บางท่านเสนอมุมมองของตนเองแต่ปรับเปลียนไปบ้างเมื่อได้ฟังการอภิปรายข้อดีข้อด้อย
บางท่านฟังแล็วเก็บประเด็นในการประชุมมาเสนอเป็นแนวคิดของตนเอง
บางท่านตลอดการประชุมฟังอย่างเดียว
มุมมองของบางท่านมองในแนวราบ มองในมิติของตนเองกับงานที่ตนเองรับผิดชอบ มองผลของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง กับงานที่ทำพวกนี้มักเป็นนักปฏิบัติ
บางท่านมองในแนวดิ่ง มองในมิติของการบังคับบัญชาตามสายงาน มองว่าการเปลี่ยนแปลง จะมีผลกระทบอะไรกับตนเองกับสายการบังคับบัญชา พวกนี้มักเป็นนักจัดการ
บางท่านมองในแนวผสม มองเป็นสองมิติ พิจารณาทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตนเองทั้งในแนวราบและแนวดิ่ง พวกนี้เป็นนักปฏิบัติที่มีทักษะการจัดการที่ดี
จากมุมมองที่กล่าวมา มักเป็นการมองด้วยมุมมองของตนเอง มองจากจุดที่ตนเองอยู่ เป็นการมองด้วยสายตาของตนเองไปรอบๆตนเองตามลักษณะการมอง ซึ่งมักไม่ได้มองตนเองหรือมองไม่เห็นตนเอง แต่เห็นคนอื่นๆ ไม่ค่อยเห็นความสัมพันธ์ของตำแหน่ง (position) ของตนเอง ที่มีต่อคน งาน และองค์กร จึงมักขาดการคิดไปว่า เมื่อตำแหน่ง (position) เราเปลี่ยนไป จะมีผลกระทบต่อคน งาน และองค์กร อย่างไร เหมือนเราหยิบอิฐก้อนหนึ่งออกจากกองที่เรียงซ้อนกันโดยอาศัยซึ่งกันและกันอยู่ อาจทำให้อิฐทั้งกองพังลงมาได้
แต่ถ้าเรามองแบบนกมอง (มองกองอิฐ) มองให้เห็นตนเองด้วย เราจะเห็นว่าเราเป็นก้อนอิฐที่อยู่ตรงตำแหน่งไหน มีความสัมพันธ์ สำคัญกับกองอิฐนั้นอย่างไร การเปลี่ยน position ของเรา มีผลกับกองอิฐอย่างไร
มองต่อด้วยว่า ถ้าเราเปลี่ยน position แล้ว จะต้องเอาอิฐก้อนอื่นมาแทน position เราหรือไม่ อย่างไรและก้อนไหน
ไม่มีความเห็น