สัปดาห์ที่ผ่านมารู้สึกว่าชีวิตมีเรื่องให้ทำที่ไม่เป็นระบบระเบียบต่างไปจากช่วงก่อนๆ แต่ก็จัดการทุกอย่างที่ต้องทำให้ลุล่วงไปได้ตามสมควร รู้สึกว่าตัวเองไม่วุ่นวาย เคร่งเครียดมากเท่าที่เคยเป็น เรียนรู้ที่อยู่กับปัจจุบันขณะได้มากขึ้น กังวลและคาดหมายกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงน้อยลงมาก และไม่วุ่นวายย้อนคิดถึงสิ่งที่ผ่านมาแล้วไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ (แต่ก็เก็บสิ่งที่ควรแก้ไขเอาไว้ในใจเพื่อใช้ในอนาคต) ทำให้รู้สึกว่าชีวิตจิตใจค่อนข้างสงบราบเรียบ มีความสุขกับสิ่งที่เห็นและเป็นไป
คิดว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการได้อ่านหนังสือ เดินสู่อิสรภาพ ของอ.ประมวล เพ็งจันทร์ ที่มีความหนา 500 หน้าอย่างละเอียดทุกตัวอักษร สมัยที่มีเวลามากๆกว่านี้ คงจะนั่งอ่านรวดเดียวจบเป็นแน่ เพราะความดีของตัวอักษรที่บรรจุอยู่ภายใน ที่สื่อให้รู้สึกถึงความตั้งใจที่จะบอกเล่าสิ่งที่อาจารย์ประมวลได้รับ จากการละ เลิกยึดมั่นในวัตถุสิ่งของ ดำเนินชีวิตแต่ละวันด้วยความไม่คาดหวัง และเชื่อมั่นในจิตใจที่ดีทั้งของตนเองและผู้อื่น แต่คราวนี้ใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้มาทุกวัน ทุกเวลาที่พอมีเวลาว่าง จนกระทั่งมาถึงหน้าสุดท้ายในวันนี้ ในหลายๆวรรคตอน เกิดความรู้สึกตื้นตัน จนน้ำตาไหลเอง เป็นความซาบซึ้งในความรู้สึกและความดีของจิตใจคนที่สื่อสารผ่านตัวอักษรออกมา
ถึงตอนนี้ สิ่งที่ยังคงติดอยู่ในในใจ นอกจากความเชื่อมั่นในการคิดดี ทำดีแล้ว ก็ยังมีอีก 2 เรื่องคือ เรื่องปรัชญาที่ดีที่สุดสำหรับใช้เพื่อการดำรงชีวิต และการอยู่กับปัจจุบันขณะ
อ.ประมวลพูดถึงเรื่องปรัชญานี้เอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจว่า
"...ความหมายและความสำคัญของปรัชญาอยู่ที่ตัวเราที่จะครุ่นคิดให้เกิดความคิดความเชื่ออันเป็นข้อกำหนดการตัดสินใจเลือกที่จะรับหรือปฏิเสธสิ่งต่างๆที่เข้ามาสู่ชีวิตเรา การรับหรือการปฏิเสธนี้ก่อให้เกิดเป็นความหมายในการมีชีวิตอยู่ พวกเราแต่ละคนมีความหมายชีวิตที่แตกต่างกัน ก็เพราะเราเลือกที่จะรับหรือปฏิเสธแตกต่างกัน นี่คือความหมายของปรัชญา และปรัชญาที่ผู้อื่นคิดไว้ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก แต่ปรัชญาที่เราคิดยึดถือเป็นตัวของเราเองมีบทบาทและความหมายต่อตัวเรายิ่งนัก...." และ
"ไม่มีลัทธิปรัชญาใดดีที่สุด หากแต่ปรัชญาระบบใดก็ได้ ที่เมื่อเรานำมาใคร่ครวญพิจารณาแล้วสามารถทำให้เรารักผู้อื่นได้ รักผู้อื่นเป็น ปรัชญานั้นแหละคือปรัชญาที่ดีสำหรับเรา การมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ สิ่งมีค่าและงดงามที่สุดคือ ความรัก ความรักไม่ใช่ความปรารถนาที่จะครอบครองและได้จากผู้อื่น แต่ความรักคือความรู้สึกเป็นสุขที่ได้ทำให้คนที่เรารักมีความสุข"
และสำหรับการอยู่กับปัจุบันอาจารย์ ได้พูดไว้กับเยาวชน 2 คนที่ท่านผ่านพบว่า
"...ถ้าหนูนั่งอ่านหนังสืออย่างมีความสุขทีละหน้า หนูสามารถอ่านหนังสือทั้งหมดในห้องสมุดของโรงเรียนจบภายในเวลาไม่นาน และถ้าหนูเรียนหนังสือแต่ละวันอย่างมีความสุข หนูจะเรียนจบปริญญาได้โดยง่าย ถ้าหนูเดินทีละก้าวอย่างมีความสุข หนูสามารถเดินรอบโลกใบนี้ได้ภายในเวลาไม่นาน"
อาจารย์เขียนไว้ก่อนหน้าท่อนนี้ด้วยว่า
"...และด้วยการก้าวเดินทีละก้าวอย่างมีความสุขนี้แหละ ถ้าหากจะมีถนนจากโลกนี้ไปสู่ดาวดวงไหนก็ตาม เราก็สามารถก้าวเดินไปสู่ดาวดวงนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะการก้าวเดินทีละก้าวอย่างมีความสุขในทุกๆย่างก้าว สามารถทำให้เดินไปที่ใดก็ได้"
เป็นถ้อยคำง่ายๆแต่อ่านแล้วทำให้คิดได้ถึงการมีสติกับปัจจุบันขณะซึ่งส่งผลดีอย่างยิ่งเช่นที่ตัวเองกำลังรู้สึกอยู่นี้เอง
บอกไม่ถูกว่าอะไรที่ทำให้คิดถึงคุณหมอรวิวรรณ หาญสุธิเวชกุล ผู้ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์ท่านหนึ่งที่ได้รู้จักผ่าน GotoKnow ได้ติดตามตัวตนและการทำงานของท่านมาอย่างสม่ำเสมอด้วยความชื่นชมและศรัทธา อยากแนะนำให้ใครๆตามไปอ่านเรื่องที่คุณหมอหน่อยเขียนเล่าสิ่งที่ทำทั้งในบล็อก pedaids ChiangRai และ ร่วมกันสร้างหมอใหม่หัวใจเต็มร้อย ความท้าทายอันยิ่งใหญ่ รวมทั้งตัวตนที่น่ารักและมีความสุขกับการใช้ชีวิตทุกๆวันของคุณหมอในบล็อก ชีวิตที่มีความสุข ซึ่งนำพาความสุขมาสู่ใจเราเสมอ เพราะสิ่งดีๆที่ท่านพยายามทำด้วยความรักที่มีต่อผู้อื่นซึ่งมีโอกาสน้อยนิดในสังคมทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ
บอกเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมจึงเชื่อมโยง คนดีๆ เรื่องดีๆ 2 เรื่องนี้ถึงกัน รู้แต่ว่าท่านทั้ง 2 ทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอมกับการมีชีวิตอยู่ และอยากขอบคุณด้วยการกระทำอะไรสักอย่าง สำหรับบันทึกนี้เขียนเพื่อขอบคุณอ.ประมวล เพ็งจันทร์ และตั้งใจไว้ว่าจะซื้อหนังสือเล่มนี้ส่งไปให้คุณหมอหน่อยเพื่อขอบคุณจากใจค่ะ
และต้องขอบคุณ GotoKnow ที่ทำให้ได้มีโอกาสเผยแพร่เรื่องดีๆคนดีๆ ไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ
สวัสดีค่ะคุณโอ๋
อาจารย์ โอ๋ ที่รัก (รักทั้งที่ยังไม่พบ ประสบพักตร์)
อ่านเรื่อง อาจารย์ประมวลแล้วซาบซึ้งค่ะ เคยอ่านรวดเดียวจบ ดื่มด่ำทุกตัวอักษรที่อาจารย์ เขียน
อ่านแล้วอ่านอีก พูดถึงอาจารย์ให้คนที่รู้จัก ฟังจนคนรอบๆตัวเหมือนรู้จักอาจารย์ ไปด้วย และไป ซื้อเพิ่มให้คนที่เรารัก อีกหลายเล่มค่ะ
บางท่านก็มีแล้ว แต่ก็ ดีใจที่ได้ และท่านก็เอาไปให้คนที่รัก ต่อ ต่อไปอีก
อาจารย์โอ๋ให้กำลังใจมาเต็มเปี่ยม เต็มหัวใจ ขอคารวะ หัวใจ เอื้อเฟื้อ และรักผู้อื่นของ อ โอ๋
ในความเป็นจริงนั้น
แอบเอาอาจารย์โอ๋ เป็น ต้นแบบชีวิตอยู่ค่ะ
สวัสดีค่ะ
ได้ไปอ่านบันทึกของคุณหมอรวิวรรณแล้วพร้อมมอบช่อดอกไม้เป็นกำลังใจด้วย
ชื่นชมและประทับใจมากค่ะ
รักษากายเด็กๆ ด้วยยาต้าน ด้วยระบบโรงพยาบาล เท่านั้นไม่พอ
ต้องรักษาจิดใจที่มีบาดแผล ที่โหยหาความรักความอบอุ่น จิตใจที่รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าของเด็ก
โดยส่วนตัว ก็ปรารภกับคนใกล้ชิดหลายๆคนว่า เห็นเด็กๆตามสถานสงเคราะห์แล้ว สงสารมากค่ะ
เด็กทุกคนต้องการความรัก ความอบอุ่น ยิ่งตัวเอง มีหลานเล็กๆที่รักเขามาก ก็ยิ่งคิดถึงเด็กๆเหล่านั้น มีโอกาสก็ได้ไปเยี่ยม เสมอค่ะ
คิดถึงคุณโอ๋นะคะ
เอาภาพธรรมชาติมาฝากหลานๆด้วยค่ะ
แวะมาเป็นกำลังจายแห่งความดี
ประทับใจด้วยความดี แต่ก็หนี้ความชั่วลำบากเหมือนกันในสังคมปัจจุบันนี้