หน้าแรก
สมาชิก
ธเนศ ขำเกิด
สมุด
ธเนศ ขำเกิด
รายงานการติดตามสถ...
ธเนศ ขำเกิด
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
รายงานการติดตามสถานการณ์ทางสังคมไทย:การปรับปรุงการมัธยมศึกษา โดย DR. LUIS BENVENISTE(ตอนที่ 3)
4.ประสิทธิภาพของระบบการศึกษาของไทย
4.ประสิทธิภาพของระบบการศึกษาของไทย
รัฐบาลไทยจัดสรรงบประมาณกว่าหนึ่งในห้าของบประมาณรวมของชาติให้กับการศึกษา ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 4 ถึง 5
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
ระดับการจัดสรรนี้ยังคงที่แม้ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศในช่วงปี พ.ศ. 2540 งบประมาณทางการศึกษามากกว่าสองในสามส่วนมีการจัดสรรให้กับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โดยระดับก่อนประถมศึกษาและระดับประถมศึกษาได้รับงบประมาณเป็นสัดส่วนที่มากที่สุด ในปี พ.ศ. 2546
รัฐบาลไทยได้จัดสรรงบประมาณให้การศึกษาระดับมัธยมศึกษาประมาณร้อยละ 28
ของงบประมาณทางการศึกษาทั้งหมด หรือ ร้อยละ 1.13 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำกว่าประเทศที่มีภาคการมัธยมศึกษาที่เข้มแข็งใช้จ่ายกันโดยทั่วไป โดยเฉลี่ยแล้วประเทศที่มีรายได้ปานกลางขั้นต่ำจะจัดสรรงบประมาณร้อยละ 40 ของงบประมาณทางการศึกษาทั้งหมด หรือร้อยละ 1.86 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศให้กับระดับมัธยมศึกษา สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือค่าใช้จ่ายต่อหน่วยสำหรับการมัธยมศึกษาในประเทศไทยต่ำกว่าค่าใช้จ่ายต่อหน่วยสำหรับการประถมศึกษา นอกจากการได้รับทรัพยากรที่จำกัดจากภาครัฐแล้ว
การมัธยมศึกษายังได้รับทรัพยากรจากภาคเอกชนในสัดส่วนสนับสนุนการศึกษาเพียงร้อยละ 0.06
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
หรือเท่ากับร้อยละ 5 ของการเงินภาครัฐเท่านั้น
ส่วนการปกครองท้องถิ่นต้องพึ่งพาเงินอุดมหนุนจากหน่วยงานกลางในการอุดหนุนการศึกษา รัฐบาลไทยมีการส่งเสริมการกระจายอำนาจในการบริหารจัดการการการศึกษาเพื่อปรับปรุงการมีส่วนร่วมและการเป็นเจ้าของในระดับท้องถิ่น
การกระจายอำนาจยังครอบคลุมไปถึงการเพิ่มสัดส่วนของทรัพยากรของส่วนการปกครองท้องถิ่นที่ใช้จ่ายในด้านการศึกษา
อย่างไรก็ดี ทรัพยากรจากส่วนการปกครองท้องถิ่นเป็นเพียงร้อยละ 20
–
30 ของค่าใช้จ่ายทางการศึกษาเท่านั้น
ในขณะที่การศึกษาได้รับงบประมาณเป็นสัดส่วนมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับภาคส่วนอื่น ๆ ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าทรัพยากรเหล่านั้นมีการกระจายอย่างเท่าเทียมและอย่างมีประสิทธิภาพสู่กลุ่มคนที่มีรายได้แตกต่างกันหรือไม่ ประชากรยากจนที่สุดร้อยละ 40 ได้รับงบประมาณร้อยละ 56
ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการจัดสรรทรัพยากรที่คำนึงถึงประชากรที่ยากจนก่อนกลุ่มอื่น อย่างไรก็ดีการกระจายทรัพยากรสำหรับระดับการมัธยมศึกษาในประชากรกลุ่มรายได้ทั้งห้ากลุ่มค่อนข้างเท่าเทียมกัน
ในขณะที่งบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับการอุดมศึกษาเห็นได้ชัดเจนว่าตรงกันข้าม
ประชากรกลุ่มที่ร่ำรวยที่สุดร้อยละ 20 ได้รับการจัดสรรทรัพยากรถึงร้อยละ 53
ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติระบุวิสัยทัศน์ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานแบบให้เปล่าสำหรับการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี นอกจากนั้นพระราชบัญญัติฯยังเสนอเป้าหมายที่ท้าทายสำหรับการให้บริการทางการศึกษา ซึ่งรวมถึงการปรับสัดส่วนนักเรียนต่อครูเป็น 25 ต่อ 1 โครงสร้างการให้ค่าตอบแทนครูแบบใหม่ การเพิ่มและการบูรณาการในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
และการเพิ่มแหล่งเงินทุนเพื่อส่งเสริมให้เด็กเข้าสู่ระบบการศึกษามากขึ้น
เป้าหมายเหล่านี้ล้วนมีค่า แต่ปณิธานเหล่านี้ต้องการเงินสนับสนุนล่วงหน้าทั้งจากภาครัฐเองหรือจากภาคเอกชน
เงินค่าใช้จ่ายในการมัธยมศึกษาปัจจุบันไม่เพียงพอในการบรรลุพันธกิจเหล่านี้ การเพิ่มประสิทธิผลค่าใช้จ่ายและผลสำเร็จของภาคการศึกษาจำเป็นต้องมีการส่งเสริมผลลัพธ์สุดท้ายและควบคุมค่าใช้จ่าย หากไม่มีการพิจารณามาตรการประสิทธิภาพอย่างจริงจัง พันธกิจที่ตราไว้ภายใต้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติก็ไม่อาจจะบรรลุได้
(โปรดติดตามตอนสุดท้าย)
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ธเนศ ขำเกิด
ใน
ธเนศ ขำเกิด
คำสำคัญ (Tags):
#การมัธยมศึกษา
#การวิจัย
#การปฏิรูปการศึกษา
#คุณภาพการศึกษา
หมายเลขบันทึก: 137175
เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2007 20:24 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:56 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ธเนศ ขำเกิด
สมุด
ธเนศ ขำเกิด
รายงานการติดตามสถ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท