ความทรงจำครั้งหลังในวันที่ฝันล้า


เรียนกฎหมายให้บ้านเมือง

 ๙ ตุลาคม ๒๕๕๐

       วันนี้ผมเป็นหวัดอีกแล้วจากอาการแพ้ฝุ่น เล่นเอาเบลอไปทั้งวันเลย สืบเนื่องจากการเข้าไปค้นเอกสารที่เก็บไว้เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้วในห้องเก็บของ
         บังเอิญมีอาจารย์รุ่นน้องท่านหนึ่งท่านอยากอ่านงานสารัตถะคดีที่ผมเขียนเกี่ยวกับตัวผมเองลงใน วารสารครบรอบสี่สิบปีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เมื่อ ปี ๒๕๔๐   ผมเลยจำเป็นต้องลงไปค้นเอกสารในห้องเก็บของเมื่อคืนนี้ ด้วยเหตุว่ารับปากท่านไว้นานแล้ว ไม่ได้หาให้สักที รู้สึกผิด
          เกือบชั่วโมงที่ใช้เวลาค้นหนังสือจากลังต่างๆ กว่า ๑๐ กล่อง  แล้วพบกับความว่างเปล่า  แต่ ความพยายามก็ให้ผลของมันเช่นเดียวกัน  แม้ผมจะไม่พบวารสารวารสารครบรอบสี่สิบปีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  แต่ผมก็พบต้นฉบับบทความ และพบแผ่นดิสก์ ๓ นิ้ว

 มานั่งอ่านดูบทความที่ตัวเองเขียนเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้วขณะเป็นนิสิตชั้นปีที่ ๓แล้ว ก็เกิดคำถามถึงบทบาทและหน้าที่ของนักกฎหมายและหน้าที่ของตัวเองในฐานะที่เป็นอาจารย์สอนกฎหมายในปัจจุบัน

เราทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีสมกับบทบาทในปัจจุบันของเราหรือยัง ?

เราเติมเต็มฝันของเราหรือยัง และ
เราค้นหาฝันของเราเจอชัดเจนหรือยัง?

คำถามนี้ผุดในหัวผมหลังจากอ่านบทความ

จำเดิมก่อนที่จะมาสวมหัวโขนของความเป็นอาจารย์(หรือที่ผมอยากเรียกว่า "ครู" มากกว่า)   ผมมีฝันที่หลากหลาย ไม่ปฏิเสธว่าการได้เป็นอาจารย์ก็เป็นงานหนึ่งที่ตนเองแอบใฝ่ฝันสมัยเป็นนิสิต ทั้งๆที่ไม่เคยถามว่าทำไมถึงอยากเป็น

เมื่อลองกลับมาคิดดูก็เห็นว่าหนึ่งในเหตุผลที่อยากเป็นอาจารย์นั้นคือ ภาพความทรงจำดีๆเกี่ยวกับคณาจารย์ที่คณะนิติศาสตร์ ณ โรงเรียนเก่าของผมที่ผมเคยได้พบเห็น อาจารย์ที่มีความรู้เต็มเปี่ยม อาจารย์ที่พร้อมจะหยุดคุยกับนิสิตทุกคน ทุกเวลาที่อาจารย์สะดวกและให้คำอธิบาย/ปรึกษาโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อาจารย์ที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรม กล้าพูดวิพากษ์วิจารณ์ในทางวิชาการอย่างตรงไปตรงมาและเหมาะสมโดยไม่เอาอารมณ์และอคติส่วนตัวเข้าไปปน  อาจารย์ที่กล้าแลกเปลี่ยนความเห็นกับนิสิตอย่างเป็นกันเอง อาจารย์ที่มุ่งพัฒนางานวิชาการของตนเองอย่างไม่หยุดยั้งและไม่เห็นแก่ความเห็นเหนื่อยเพื่อนำความรู้มาสอนเด็กนิสิตนักศึกษา และมุ่งสร้างคนให้เป็นคนดีที่มีคุณภาพออกไปรับใช้สังคม

เรายังทำได้ไม่ถึงครึ่งของอาจารย์รุ่นเก่าๆที่ท่านทำไว้เลย....

หมายเลขบันทึก: 136710เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2007 17:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • สวัสดีค่ะ  มาให้กำลังใจค่ะ
  • ทำได้ไม่ถึงครึ่ง ยังดีกว่าไม่ได้เริ่มทำเลยค่ะ

ในฐานะที่เป็นนิสิตรู้สึกดีใจนะคะที่อ.ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว อ.เองถือว่าทำได้ดีที่สุดค่ะ แม้จะไม่เคยเรียนกับอ.แต่สัมผัสได้จากความตั้งใจจริงที่เขียนไปในblogนี้ อย่างน้อยอ.ก็ได้ย้อนถามตัวเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะทุกคนต่างมีความหวังและความฝัน คนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหาความฝัน แต่จริงๆแล้วเรากลับไม่รู้เลยว่ามันอยู่ที่ไหน จะเจอมันเมื่อไร ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เราทำแล้วมีความสุข ความสุขของเราไปมีผลต่อคนอื่นแค่นี้ก็ยิ่งใหญ่กว่าการตามหาความฝันแล้วค่ะ  เราเองก็ต่างทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต่างกันออกไปแต่สิ่งที่ต่างกันจริงๆคือคนนั้นนอกจากจะมีคำว่าหน้าที่เป็นบรรทัดฐานแล้วเค้าคนนั้นได้ใส่หัวใจลงไปในหน้าที่นั้นหรือไม่ อ.เองก็เช่นกันค่ะ จิตวิญญาณของความเป็นครูที่มุ่งหวังที่จะเห็นลูกศิษย์ของตนนั้นเป็นคนดีมีคุณภาพ บางทีอ.รุ่นเก่าๆเองก็อาจเคยคิดว่าอ.รุ่นที่เก่ากว่ารุ่นของท่านย่อมดีกว่า แต่เมื่อท่านมองมาที่อ.แล้วก็จะเห็นคนที่มีคุณภาพอย่างอ.ผู้เป็นลูกศิษย์อยู่ตรงนี้ มันจะดีสักแค่ไหนคะถ้ายังไงเราก็ต้องทำให้ดีที่สุด จนกว่าจะไม่สามารถทำได้ ในเมื่อเราทำได้เราก็ควรจะทำ ดีกว่าอยู่เฉยๆผลของความพยายามไม่ได้อยู่ที่ต้องสำเร็จเสมอไปนะ จริงๆแล้วการสอนนิสิตเนี่ยต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงใครได้แต่มันจะทำให้เราเข้าใจนิสิตมากขึ้นนะคะ...ซึ่งต้องขอยอมรับเลยว่าการเป็นอ.นี่คงจะลำบากไม่ใช่น้อย เพราะการจะสอนคนอื่นได้ก็ต้องสอนตัวเองให้ได้ก่อน ยังไงก็ขอชื่นชม อ.นะคะสำหรับการเป็นผู้ถามคำถามที่ดีต่อตนเอง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท