เด็ก กับโรงพยาบาล
เด็กในโรงพยาบาล
ฉันค้นพบความจริงที่เคยคิดละเลยอีกข้อหนึ่งว่า “เด็กก็คือเด็ก หากมัวแบ่งแยกประเภทเด็กนั้นเด็กนี่ คงไม่ยุติธรรมสำหรับเด็กๆ นัก เมื่อโลกของเด็กที่ป่วยทางร่ายกายก็อมทุกข์โศกไว้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่เด็กที่ป่วยทางใจ ด้วยเพราะเขาเหล่านั้นยังคงตั้งใจฝันและมุ่งมั่นที่จะ จินตนการถึงโลกที่กว้างใหญ่ภายใต้ห้องสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาด ที่วันนี้ไม่สามารถลุกขึ้นมาทำอะไรได้เลย ด้วยข้อจำกัดของร่างกายที่โดนเชื้อโรคเข้ารุมทำร้ายด้วยความไม่เต็มใจ การนอนอยู่บนเตียงอันนุ่มสบาย ในโรงพยาบาลไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันหรือรับประกันความสุขได้เสมอไป ในอีกมุมหนึ่งความเปลี่ยวเหงาก็เข้ามาแทนที่ความรู้สึกเหล่านั้น บวกกับอารมณ์หดหู่และความปั่นป่วนภายในร่างกาย หลังจากการพักฟื้นจากอาการป่วยไข้ หากยังไม่เห็นภาพชัดเจน ให้ลองนึกถึงในเวลาที่เราเป็นหวัด ไข้ขึ้นสูงและรู้สึกคั่นเนื้อขึ้นตัว เป็นภาวะแห่งความอ่อนแรงของจิตวิญญาณ และความอ่อนล้าทางใจ ในสภาวการณ์เช่นนี้กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าสิ่งใดในโลก
การสัมผัสและแม้แต่แววตาของความเอื้ออาทรคงพอช่วยทำให้ร่างกายที่แห้งแล้งกลับมีพลังขึ้นมาได้อีกครั้ง เมื่อฉันก้าวเท้าเข้าสู่ สถานพยาบาลที่บรรจุโลกจินตนาการขาดๆเกินของเด็กๆที่นอนป่วยซมด้วยพิษไข้ หรือหมดแรงไปด้วยฤทธิ์ของยา กิจกรรมที่หมายถึงกิจกวัตรประจำวันที่ซ้ำเดิมไม่เสริมสร้างให้เกิดแรงบันดาลใจในชีวิตยังคงดำเนินไปอย่างเงียบๆ เมื่อห้องพักในโรงพยาบาลถูกจัดแจงให้อยู่นอกวงโคจรของโลกที่เป็นจริงที่วิ่งวนวุ่นวาย โลกภายในนั้นกลับหยุดนิ่งและจมจ่ออยู่กับความเจ็บป่วย
ครั้นเมื่อชีวิตอยากตั้งคำถามเกี่ยวกับความฝัน คำตอบที่ได้ก็ดูจะเลือนลางเหลือเกิน ฉันพูดคุยกับพี่ๆที่ทำงานกับเด็กๆ จับใจความได้ว่า เด็กที่นี่มีความเหงาเป็นของตัวเองทุกคน แต่ปริมาณผู้คนที่จะสามารถมาแบ่งปันความเหงาเหล่านั้นยังไม่เพียงพอแก่ความต้องการ
การเดินเข้าไปในครั้งนี้จึงมีความหมายมากยิ่งขึ้น เมื่อฉันเริ่มเดินเข้าใกล้แก่นแท้ของความสุขของผู้อื่นมากยิ่งขึ้น นั่นทำให้พบว่าคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ไม่เงียบเหงาและว่างเปล่าอย่างเช่นที่ผ่านมาการทำอะไรบางอย่างที่ดูเล็กน้อยกลับสร้างแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้เบ่งบานในหัวใจของผู้ที่รอคอยสัญญาในวันนั้นอย่างใจจดจ่อแล้วใยฉันจะไม่ทำตามสัญญาที่ว่ากันไว้ผูกมัดไว้ด้วยเงื่อนหลวมๆที่เรียกว่าสัญญาใจง่ายๆ
“โรค” อาจจะทำร้ายร่างกายให้หมดพลังได้ แต่ “โลก” ก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไป ถ้าความห่วงใยเพียงเล็กๆน้อยๆจากผู้คนรอบข้างคงพอช่วยบรรเทาอาการของ “โรค” ให้เบาบางลงบ้าง ทำให้ “โรค”ได้อยู่ใน “โลก”ของจินตนาการที่งดงาม ...เมื่อโรคที่โหดร้าย ปะทะกับ โลกที่งดงาม เหลี่ยมมุมของความรู้สึกโดดเดี่ยวจึงโค้งมนยิ่งขึ้น การดำเนินชีวิตไปบนโรคร้ายจึงมีความน่าอยู่มากยิ่งขึ้นบนโลกแห่งความเป็นจริง...
เล่าเรื่องโดย : นิภาภรณ์ แสงสว่าง
ไม่มีความเห็น