206 ชีวิตต้องสู้ของชาวเวียต


ผมเชื่อว่าทุกประเทศย่อมมีมุมที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้คล้ายๆกัน นั่นคือชีวิตต้องสู้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศโลกที่สาม โลกอุตสาหกรรม หรือแม้แต่กลุ่มประเทศที่เจริญสูงสุดในปัจจุบันก็ตาม ผมเก็บภาพมาดูกันให้เห็นวิถีชีวิตเหล่านี้ มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น อีกจำนวนมากเรายังไม่มีโอกาสได้รู้ได้เห็นครับ 

ภาพชีวิตต้องสู้เหล่านี้ผมเพียงเดินผ่าน นั่งรถผ่านแล้วก็ยกกล้องขึ้นเก็บเอามา  ไม่มีโอกาสปรับแต่งองค์ประกอบภาพ มุมกล้อง หรือคุณสมบัติอื่นๆเลย จึงออกมาแบบตรงๆ 

ภาพแรกเป็นชีวิตชาวเวียตนามปกติที่ใช้มอเตอร์ไซด์กับจักรยานเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งบีบแตรกันเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว  ว่ากันว่าประชากรทั้งประเทศมี 84 ล้านคน จำนวนมอเตอร์ไซด์ก็นับสิบล้านขึ้นไปครับ จากจีนราคาถูกมาก แต่พูดกันเล่นๆว่าเมื่อซื้อของจีนแล้วแถมถุงพลาสติกให้ด้วยเพราะคอยเก็บน๊อตที่จะหลุดออกมา ราคาจากจีนประมาณ 15000 บาท แต่จากประเทศไทยนั้นราคา 3-4 หมื่นบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายของทุกคนเพราะแข็งแรงกว่าครับ 

ผมได้ภาพนี้หลังกลับออกจากไปดูอุโมงค์ครับ เด็กน้อยช่วยครอบครัวทำงานตั้งแต่เล็กขนาดนี้ เธอมาเก็บน้ำยางพาราแล้วก็เอาไปให้แม่ต่อไป อายุของเธอไม่น่าเกิน 5 ขวบครับ นี่คือเด็กเวียต นามที่ต้องทำงานตั้งแต่เด็ก  ชีวิตการทำงานมันสั่งสมมาตั้งแต่เด็ก  ว่ากันว่าเมื่อชาวเวียตตื่นขึ้นมาจะทำสามอย่างคือ อ่านหนังสือพิมพ์  กินกาแฟ และติดตามข่าวอุตุนิยมวิทยา ชาวเวียตจึงเป็นคนที่รับรู้ข่าวสารมากที่สุด และข่าวสารคือส่วนสำคัญในการตัดสินใจต่างๆในชีวิต 

   

สตรีท่านนี้ใช้เวลาหลังเลิกงานมาเล่นไวโอลินในร้านอาหารซึ่งผมฟังฝีมือของเธอก็ไม่ใช่จะรื่นไหล แต่ผมสนับสนุนการทำงานพิเศษและเห็นว่าทางร้านอาหารก็ให้โอกาสแก่สตรีท่านนี้ทำงานและมีรายได้ 

ยังมี อาชีพเก่าแก่คือสามล้อนั่งแรงคน แม้ค่ำคืนก็ยังมีหนุ่มชาวเวียตมาจอดรถสามล้อคอยรับจ้างนักท่องเที่ยว ซึ่งก็คอยเรียกผู้เดินทางผ่านไปมา แต่ก็ไม่ทำให้ถึงกับรำคาญเหมือนกลุ่มขอเงินตามถนนที่มีอยู่บ้าง 

คุณป้า หรืออาซิ้มท่านนี้มานั่งขายสิ้นค้าจำนวนนิดหน่อยอยู่ที่มุมถนน โดยมีไฟเล็กๆตั้งอยู่หนึ่งดวง แต่หลักๆคืออาศัยไฟฟ้าจากถนนมากกว่า 

สองหนุ่มนี้แทนที่จะไปแข่งมอเตอร์ไซด์แบบบ้านเราก็เข้ามารับจ้างร้านแกะสลักไม้เป็นรูปต่างๆอย่างมีฝีมือ เด็กหนุ่มขนาดนี้ ทำงานระดับฝีมือได้ขนาดนี้  ผมเห็นด้วยกับบางท่านที่ตั้งข้อสังเกตว่าชาวเวียตนามนั้นมีศิลปะอยู่ในสายเลือด 

แม่ค้าคานหาบขายสินค้าส่วนใหญ่เป็นขนมของท้องถิ่น และเป็นของชาวจีน อาชีพแบบนี้แต่ก่อนผมเห็นในตลาดบ้านเรา เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้วครับ 

การทำงานยังใช้แรงงานคน เครื่องมือเดิมๆ เช่น ล้อเลื่อนขนทรายนี้ ท่านนึกซิครับว่าถ้าเป็นบ้านเราจะใช้เคลื่อนย้ายทรายด้วยวิธีไหน 

คุณลุงสองท่านนี้ หรืออาแป๊ะ ยื่นมือมาขอเงินพร้อมยิ้มๆ จริงๆท่านเชิญชวนให้เช่าเรือพายนั่งชมบ้านเมืองของเขา  ซึ่งมีบริการแบบเรือใช้เครื่องจักร และแบบพายอย่างนี้  

ตลาดสดยามเย็นแบกะดิน แบบเดิมๆที่เราเห็นในบ้านเรามานานแสนนาน ซึ่งเดี๋ยวนี้ยกระดับเป็นแบบมีร้านที่ที่วางขายสินค้าที่ถูกสุขลักษณะมากกว่า  ภาพแบบนี้ก็ต้องไปหาดูที่ชนบท  แต่นี่เป็นตลาดที่เมือง ฮอยอัน ซึ่งหมายถึง ชุมชนสงบสุข 

ชายท่านนี้ผมไม่ทรายรายละเอียดชีวิตของท่าน แต่วันนี้เขามาเดินขายสิ่งของจักรสานที่มีลวดลายใช้ได้ เขามาคอยตามภัตตาคารที่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่มาใช้บริหาร เท่าที่ผมสังเกตดูเขาขายไม่ได้เลย 

ท่านนี้ผมประทับใจมาก ชีวิตต้องสู้จริงๆ อดีตทหารเวียตกง ที่ต้องตัดขาทั้งสองข้าง แต่ชีวิตต้องดิ้นรนต่อไป ไม่ท้อถอย ไม่ฟูมฟายในชะตาชีวิต แต่ยิ้มสู้  เพียงรู้ว่ามีนักท่องเที่ยวมาพักที่โรงแรม อดีตทหารท่านนี้ก็โยกสามล้อคู่ชีพเข้ามาจอด แล้วก็กางแผ่นโปสเตอร์รูปของเมืองในมุมต่างๆที่ผมเชื่อว่าเขารับมาจากร้านเอามาขายเพื่อแบ่งรายได้กัน เขาพูดเชิญชวนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มิได้มีความโศกเศร้าแต่อย่างใด หากใครซื้อ Postcard ก็จะแถมนกหวีดดินเผา 1 อัน 

ชีวิตต้องดำรงต่อไป ด้วยการทำงาน ใครมีช่องทางใดๆ ก็ทำสิ่งนั้น  สร้างสรรค์สิ่งที่ตนเองถนัดและทำได้ มิใช่เพียงรอคอยความช่วยเหลือ หรือเรียกร้องเอาจากรัฐ

คำสำคัญ (Tags): #vietnam#hue#hoi an#danang
หมายเลขบันทึก: 136451เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2007 01:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 22:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีค่ะพี่บางทราย

มา welcome home ! ค่ะ

อ่านแล้วถูกใจจนต้องรีบเข้ามาโดยไม่ล็อคอิน

เพราะเวลาที่เบิร์ดเห็นภาพของการไม่นั่งรอโชคชะตา ไม่รอฟ้ารอฝน หรือคนอื่นมาลิขิต เบิร์ดจะมีความสุขและปลื้มมากๆเลยล่ะค่ะ และชอบคำว่า " ชีวิตต้องสู้ " ที่พี่บางทรายเอามาเป็นชื่อบันทึกที่สุดเลยค่ะ

อุปสรรค ความทุกข์ยากคือบทพิสูจน์ความอดทนและกล้าหาญนะคะพี่บางทราย

ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆที่ทำให้เกิดกำลังใจในเช้าวันใหม่วันนี้ค่ะ...ไปเที่ยวซะหลายวันเหนื่อยมั้ยคะ ^ ^

 

 

ขอบพระคุณค่ะพี่บู๊ท

ประทับใจความใจสู้ ของคนเวียตนามมากค่ะ 

ใช่ค่ะ  หนิงเองก็เคยเจอคนพิการของเวียตนามหลายคน  แต่ละคน ใจสู้ สุดๆค่ะ  ต่อสู้มามากจนเมื่อได้เจอ  แล้วรู้สึกอายตัวเอง  และ เฮ้อ...ทำไมเมืองเรา  ได้แค่นี้กันน๊อ...

  • พี่องุ่นทึ่งในความขยัน  อดทน  ของคนเวียตินามมานานแล้วค่ะ
  • แปลกใจว่า  คนไทยไม่ค่อยเรียนแบบเลย
  • ตะกร้า  เค้าสวยจังค่ะ

 

สวัสดีน้องเบิร์ดครับ

  • เพิ่งจะมีโอกาสตอบบันทึกครับ พอกลับมาก็รีบจัดการงานที่คั่งค้างด่วน และเรื่องอื่นๆที่ด่วนอีกเหมือนกัน
  • โดยรวมเอาเท่าที่เราเห็นนะครับ เขาทำงานกันจริงๆ คงเป็นอย่างเพื่อนที่เป็นเจ้าของทัวร์ที่จัดไปว่า ชาวเวียตตื่นเช้ามาต้องดูข่าว กินกาแฟ และฟังข่าวอุตุนิยม มิเช่นนั้นตกข่าว หรือพลาดเรื่องสำคัญ
  • ธรรมชาติที่แปรผันมากเช่นนั้นอาจเป็นสาเหตุที่สำคัญให้เขาต้องสู้ชีวิตสู้ธรรมชาติมากกว่าเพื่อนบ้านครับ
น้องหนิง พี่เห็นด้วยว่าเขาอดทนและสู้จริงๆ มิเช่นนั้นไม่สร้างประเทศมาได้ขนาดนี้ เห็นเขาก็มองย้อนมาตัวเราเองครับ

สวัสดีพี่องุ่นคนสวย

  • นั่นนะซี เราไม่เหมือนเขาเลย
  • แถมไม่รู้ตัวอีกนะว่าเราแค่ไหน อย่างไร
  • มัวทะเลาะกันอยู่นั่นแหละ

อ้าว คุณบู๊ท ทำไปทำมากลายเป็น Trip เดียวกันเข้าแล้วซิครับ ต่างกันเพียงเวลาเท่านั้นเอง เป็นอันว่าประทับใจสุด ๆ แน่เลย  ผมยังอยากกลับไปเที่ยวตามหมู่บ้าน  กิน คุย และนอนกันในหมู่บ้านสักพักด้วยซ้ำไป  จะได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาย

คิดเสียว่าเป็นสะเมิง ในอดีตก็ยังได้เลยนะ

เออ  นัดกันซักวันก้ได้นา อยากอยู่เหมือนกัน
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท