ต่อเนื่องมาจาก บันทึกที่แล้ว นะครับ . . . ผมนั่งนึกถึง “คำใบ้” แล้วในที่สุดก็คิดว่าน่าจะนำคำนิยมมาลงไว้ให้อ่านตรงนี้เลย . . . อาจจะทำให้นึกไปถึงท่านที่เขียนได้ . . . ข้างล่างนี้คือบางส่วนของคำนิยมครับ
. . . หนังสือของท่านสามารถหยั่งลงในจิตสำนึกของชนรุ่นใหม่ที่ใฝ่รู้ เป็นแสงสว่างที่นำไปสู่คุณค่าที่สำคัญในชีวิต . . . ผู้แต่งหนังสือเรื่อง Tao : The Pathless Path มีประสบการณ์ความเข้าใจที่ลึกซึ้งในศาสนาสำคัญของโลก ตลอดจนศาสดาสำคัญ และนักคิดที่ยิ่งใหญ่ อาทิ ขงจื่อ เหล่าจื่อ กฤษณามูรติ นิชเช่ โดยสามารถนำแนวคิดทั้งหลายมาเปรียบเทียบและทำความเข้าใจได้อย่างมีคุณค่า เพื่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ในศตวรรษนี้ได้เป็นอย่างดี
เต๋าคือ สรรพสิ่ง การมีชีวิต ความรัก ความสุข ความว่าง ความสงบนิ่ง ความตาย นับเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้เขียนได้นำเสนออย่างลึกซึ้ง เอื้อให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงเต๋าในแง่ที่น่าสนใจ อาทิ เกี่ยวกับความว่างที่ว่า
“…เมื่อใดก็ตามที่ท่านอยู่คนเดียว นิ่งเฉย เงียบ ไม่พูดไม่จา
ทันทีทันใดท่านจะเป็นศูนย์กลาง ติดดิน
ท่านจะรู้สึกร่าเริงมีความสุขอย่างมากกับการไม่ดำรงอยู่
กับการไม่เป็นใครเลย ความว่างเปล่าของท่านจะโชติช่วงชัชวาล
มันจะเต็มไปด้วยแสงสว่าง กลิ่นหอม การเฉลิมฉลอง และความงดงาม”
น้อยคนนักที่จะเข้าใจในความว่างและคุณค่า แต่สำหรับเต๋าถือเป็นวิถีสำคัญในการเข้าถึงแก่นแท้ของตนเอง
หรือในกรณีของการดำรงอยู่ ผู้เขียนได้บรรยายไว้ อย่างน่าสนใจ
“…จงมีชีวิตเพื่อตัวท่านเอง แล้วท่านก็จะมีชีวิตเพื่อคนอื่นๆ
แต่ต้องไม่ใช่การเสียสละ จงทำตัวอย่างแท้จริง
นั่นเป็นวิถีของธรรมชาติ ท่านดูแลความสุขของท่าน
การพักผ่อนของท่าน ชีวิตของท่าน และท่านก็จะประหลาดใจ
เมื่อพบว่า ถ้าท่านมีความสุข ท่านจะช่วยให้คนอื่นมีความสุขได้
เพราะท่านเข้าใจแล้วว่า ถ้าคนอื่นมีความสุข ท่านก็จะยิ่งมีความสุขมากยิ่งขึ้น
ความสุขดำรงอยู่ได้ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งความสุขเท่านั้น
มันไม่สามารถดำรงอยู่ได้ตามลำพัง”
ความสุขจาก ความละเอียดอ่อนของการไตร่ตรองดังกล่าว เรามักมองข้ามและไม่อาจเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้ หากเราแยกไปจากสรรพสิ่งทั้งปวง
เต๋า เอื้อให้มนุษย์ตระหนักในความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่งที่โยงใยต่อกันอย่างลึกซึ้ง การปล่อยวาง วิถีทางและเป้าหมายเป็นสิ่งเดียวกันที่สะท้อนให้เห็นถึงทุกขณะของชีวิต ที่มีความงามและคุณค่าในตัวเอง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ที่วุ่นวายในศตวรรษที่ 21นี้ แนวคิดเต๋า นำสู่ความเรียบง่าย ถือเป็นพลังอันสำคัญของชีวิต ยังให้เกิดการเรียนรู้ที่สำคัญภายในตนเอง เกิดความสงบ-นิ่ง-ว่าง-เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง และอาจเลื่อนไหลไปในปัจจุบันกาลได้ อย่างเต็มเปี่ยม การเดินโดยไม่ต้องเดิน การทำงานโดยไม่ต้องทำ เพราะทุกขั้นตอนคือการกระทำอันสมบูรณ์แบบและเป็นอิสระ ไม่มีอัตตา พร้อมที่จะเรียนรู้ ดังในย่อหน้าสุดท้ายของเล่ม
“…ชีวิตต้องสดใสใหม่เสมอ ต้องคงไว้ซึ่งการเป็นผู้เรียน
ไม่ใช่เป็นผู้ที่รู้แล้ว ต้องเปิดกว้างอยู่เสมอ ไม่เคยปิด
คงไว้ซึ่งความไม่รู้ โยนความรู้ที่สะสมไว้ทิ้งไปเสมอ
ในแต่ละวัน ในแต่ละขณะ ทำตัวท่านให้เป็นอิสระจากสิ่งที่เคยรู้มาทั้งหมด
จงเป็นเด็กอีกครั้ง เป็นสิ่งที่ไร้เดียงสาเหมือนกับเด็ก
นั่นเป็นหนทางแห่งการมีชีวิต เป็นการใช้ชีวิตอย่างเหลือล้นและท่วมท้น”
. . เป็นยังไงบ้างครับ อ่านแล้วพอจะเดาได้หรือยัง? . . . ให้เวลาทาย 1 สัปดาห์นะครับ . . . ขอให้ทุกท่านโชคดี และมี Creativity เยอะๆ ครับ
ขอเดาว่าเป็นผู้ชายอายุสี่สิบกว่าๆ เคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ตอนหลังมาเขียนเรื่องธรรมะ ทายว่าเป็นคุณดังตฤณค่ะ
อืม ใช่เลย น่าจะเป็นคุณดังตฤณ
สุภาพ เรียบร้อย กว่า ผมเยอะเลย
อาจารย์วีณาเริ่มแบบกว้างๆ แต่ก็เปรี้ยงปร้างเข้าจุดเลยนะครับ ...ยังไม่เฉลยหรอกครับ ให้เวลาอีก 5 วัน
ท่าน "คนไร้กรอบ" ไม่ต้องเชียร์คำตอบนี้หรอกครับ ...ถึงอย่างไรท่านก็ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร!! แต่ท่านก็ "ได้ใจ" คนหลายๆ คน ซึ่งผมมองว่านี่คือต้นทางของการสร้างการเปลี่ยนแปลง
พูดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลง เมื้อกี้ขณะที่ประชุมอยู่ มือเขียนไปเขียนมา ได้ข้อความบางอย่าง กำลังจะเอาไปลงในบันทึกของวันนี้ครับ
ถ้าพูดถึง การคิดจากความว่าง ก็นึกออกได้ท่านนี้ท่านเดียวนี่แหละค่ะ
ไม่เคยสอนหนังสือเลยค่ะ เรียกว่า ครูส้ม ก็ได้ค่ะ
ตอบที่บันทึกนี้ก็ได้ ...รับพิจารณาทั้งหมดครับ
"ครูส้ม" คือใครครับ?
คือคนที่ตอบว่าคุณดังตฤณ ในความคิดเห็นที่ ๑ ข้างบนนี้ค่ะ
เดาไว้ 2 คนค่ะ
1. ชายสูงวัย ประมาณ 70-80 ปี มีความรู้หลากหลาย ทั้งวิทยาศาสตร์และศาสนา มีเครือข่ายโยงใยกลับกลุ่มสถาบันขวัญเมือง เชียงราย
2. นักแปลอิสระ ชาย วัยกลางคน 40-50 ปี แปลหนังสือของนักคิดโลกตะวันออกไว้ในบรรณพิภพไทย หลายเล่ม บุคลิกส่วนตัวเหมือนศิลปิน ไว้ผมยาว ศิษย์เก่าอัสสัมชัญ
ไม่ทราบกับการมาของข้อความ แต่ทราบถึงข้อความที่น่ารื่นเริงน่ะคร้าบ โชคดี