แนวทางการดูแลเบาหวานแบบพอเพียง


เศรษฐกิจพอเพียง เบาหวานพอเพียง
เบาหวานพอเพียง 10 ประการ คำแนะนำง่าย ๆ สำหรับผู้ป่วย 1.ความพอประมาณ..ไม่มากไป หรือไม่น้อยไป2.ควบคุมอาหารที่มีอยู่ และไม่สรรหาอาหารใหม่มากิน3.กินอาหารอย่างเพียงพอ...และพอเพียง4.พอเพียงด้วยการไม่ต้องใส่เครื่องปรุงในอาหาร5.ดูโฆษณาอย่างพอเพียง.....อย่าดูโฆษณามากไป 6.ขยับบ่อย ๆ จะดีที่สุด 7.ไม่เอาเรื่องงานมาอ้างว่าเป็นการออกกำลังกาย8.เบาหวานของเรา พอเพียงด้วยการต้องดูแลตัวเอง 9.ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากเบาหวานมักไม่มีอาการ 10.  ดูแลเบาหวานอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป  1. ความพอประมาณในการกิน..ไม่มากไป หรือไม่น้อยไป การเดินสายกลางในเรื่องการกินนั้น แนะนำให้ผู้ป่วยไม่กินมากไปในทุก ๆ อย่าง และไม่กินน้อยไปในทุก ๆ อย่าง โดยไม่รบกวนตนเอง และผู้อื่นมากเกินไป เพราะอาหารหนึ่งชนิดก็มีทั้งคุณ และโทษแล้วอยู่ในอาหารชนิดเดียวกัน ดังนั้นหลักการง่าย ๆ คือ ให้คิดซะว่าอาหารต่าง ๆ สามารถกินได้ แต่ต้องมีสติ มีบ่อยครั้งที่เราแนะนำให้ผู้ป่วยกินอาหารแบบนี้แล้วจะดี แต่ในความจริงแล้วผู้ป่วยกลับไม่มีความสามารถในการซื้ออาหารเหล่านี้มากิน เช่นให้กินปลาทะเลเป็นประจำนะค่ะ (แต่ปลามักราคาสูงกว่าเนื้อสัตว์อื่น ๆ ) เป็นต้น  2.      มีเหตุมีผลในการกินอาหารที่มีอยู่ และไม่สรรหาอาหารใหม่มากิน หันมองตัวเอง แล้วพินิจพิเคราะห์ดูว่าสิ่งที่เรากินอยู่คืออะไร เพราะผู้ป่วยชอบถามว่า เป็นเบาหวาน..แล้วดิฉันจะกินอะไรดีค่ะ..แพงแค่ไหนก็จะไปซื้อมากิน หรือผู้ป่วยบางคนถามว่า เป็นเบาหวาน..ห้ามกินอะไรดีค่ะ ความไม่รู้จริงของผู้หวังดีทั้งหลาย ทำให้ผู้ป่วยอาจจะเสียประโยชน์ แถมเกิดโทษในการกินอาหารซะด้วย.. เพราะมีท่านหนึ่งอธิบายว่า สุขภาพเราเหมือนตาช่าง..คนเราเป็นโรคเพราะอาจจะเกิดจากการได้รับสิ่งหนึ่ง(x) มากเกินไป หรืออาจแปลได้ว่าได้อีกสิ่งหนึ่ง(y) น้อยเกินไป ดังนั้นถ้าบอกว่าเป็นเบาหวานให้กินฝรั่งได้...กินส้มได้..คนไข้ก็มักจะไปซื้อกินทุกวัน วันละมาก ๆ  หรือบอกว่าห้ามกินของมันเพราะไขมันในเลือดสูง แต่กลับไปกินขนมปังมาก ก็อาจจะทำให้ไขมันขึ้นได้เหมือนกัน ความมีเหตุผลในการกินอาหารนั้น ไม่ได้ปฎิเสธความรู้ ความก้าวหน้าใหม่ ๆ เกี่ยวกับสุขภาพ แต่เป็นการมองสุขภาพอย่างฉลาด ของบางอย่างเช่น วิตามิน อาหารเสริม เป็นต้นอาจจะมีราคาแพง แต่หากมีกำลังจับจ่ายก็คงไม่เป็นไร แต่ก็อย่าให้มากถึงขนาดไปทำให้ชีวิตลำบาก 3.      กินอาหารอย่างเพียงพอ...และพอเพียงการกินอาหารให้อิ่มพอดี ไม่ต้องถึงขนาดอดมื้อกินมื้อ เพราะในบางครั้งการได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ เรียกได้ว่าแบบ มดกิน อาจจะทำให้ภาวะต่ออินซูลิน(Insulin Resistance) เป็นมากขึ้น ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ นอกจากนี้หัวข้อนี้ยังหมายถึงการไม่กินจุก กินจิก เพราะคนผู้ป่วยหลาย ๆ คนมีอาการเหงาปาก หรือรูสึกหิวตลอดเวลา ซึ่งผมว่าเกิดขึ้นได้เพราะผู้ป่วยบางรายถึงแม้กินอาหารมาก แต่ร่างกายไม่สามารถนำสารอาหารไปใช้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ทำให้รู้สึกไม่มีแรง และหิวเป็นประจำได้ และอีกอย่างคือ ญาติมักไม่ให้ความร่วมมือมักชอบซื้อของมาให้ หรือกระตุ้นความอยากกินเสมอ ๆ ดังนั้นแค่ท่านลดการกินจุก กินจิกก็จะควบคุมเบาหวานได้ดีระดับหนึ่งแล้วครับØ การจำกัดการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำกว่า 130 กรัมต่อวัน เป็นวิธีที่ไม่แนะนำในการรักษาผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินและผู้ที่เป็นโรคอ้วน เนื่องจากผลระยะยาวของการใช้อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำยังไม่ทราบแน่นอน แม้ว่าการใช้อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำจะช่วยลดน้ำหนักตัวได้ในระยะสั้นก็ตาม แต่การที่จะรักษาหรือควบคุมน้ำหนักตัวที่ลดได้อย่างต่อเนื่องก็ไม่แตกต่างไปจากการใช้อาหารที่มีไขมันต่ำ และผลกระทบต่อความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดØ มีหลักฐานข้อมูลมากมายทางด้านคลินิกที่แสดงให้เห็นว่า น้ำตาล หรือซูโครส ไม่ได้เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดมากไปกว่าแป้งซึ่งมีปริมาณแคลอรี่เท่า ๆ กัน ดังนั้นผู้เป็นเบาหวานจึงไม่จำเป็นต้องจำกัดน้ำตาลเพียงเพราะกลัวน้ำตาลในเลือดสูง4. พอเพียงด้วยการไม่ต้องใส่เครื่องปรุงในอาหาร กินอาหารพื้น ๆ Ø ผู้ป่วยจำนวนมากมักติดหวาน หรือติดอาหารที่มีรสจัด กินอะไรก็ต้องปรุง ก็ต้องเติม กินอาหารก็ต้องเพิ่มรสชาดด้วยผงเพิ่มรสชาดอาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้อย่าว่าแต่ผู้ที่เป็นเบาหวานเลย ถ้าเราสร้างนิสัยให้เด็ก ๆ กินอาหารแล้วต้องปรุงบ่อย ๆ เด็กเหล่านั้นก็จะมีอาการติดรสชาดเหล่านั้นจนเมื่อเค้าโต และอาจจะก่อให้เกิดโรคต่อไปได้ครับ ควรส่งเสริมให้รับประทานอาหารที่เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตจากผัก ผลไม้ มากขึ้น ธัญพืช ข้าว-แป้งและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ขัดสี (whole grain) ถั่วเมล็ดแห้ง และนมพร่องไขมัน แต่ต้องไม่ลืมที่จะกินไม่มากเกินไป 5.ดูโฆษณาอย่างพอเพียง.....อย่าดูโฆษณามากไป ธรรมชาติของโฆษณาก็คือ สื่อสารในส่วนดี ๆ ของผลิตภัณฑ์ตนเอง เช่น ไขมันต่ำ, มี Omega-3, มีไวตามินต่าง ๆ, มีแอนตี้ออกซิแดนซ์ เป็นต้น แต่จริง ๆ แล้วในส่วนที่ไม่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์นั้นก็มี แต่ไม่ได้นำเสนอ เช่น น้ำตาลสูง เป็นต้น และยิ่งกว่านั้นที่ไม่ควรมองข้ามคือ สารต่าง ๆ ที่อ้างว่ามีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของตนนั้น บางครั้งปริมาณน้อยมาก จนแทบไม่มีประโยชน์ก็เป็นได้ 6. ขยับบ่อย ๆ จะดีที่สุด ควรหาโอกาสในการขยับร่างกายบ่อย ๆ เมื่อมีโอกาส โดยไม่จำเป็นต้องคิดว่า ออกกำลังกายเฉพาะตอนเย็น ที่จะต้องไปเต้นแอโรบิค เพราะเดี๋ยวจะอ้างว่า ไม่มีคนพาไป ไม่มีรองเท้า ขาเจ็บ ไม่แนะว่าการเดินหลังอาหารซักประมาณ 10 นาที อาจทำให้เบาหวานท่านดีขึ้นก็ได้ และการออกกำลังไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องมือแพง ๆ เพราะเครื่องมือที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง คนไหนที่มีปัญหาในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อาจจะออกกำลังกายโดยการเดินรอบบ้านหลังอาหารทุกมื้อก็ได้Ø ผู้ที่มีน้ำหนักเกินและผู้ที่เป็นโรคอ้วนซึ่งมีความต้านทานหรือดื้อต่ออินซูลิน การลดน้ำหนักตัวสามารถทำให้ความต้านทานต่ออินซูลินดีขึ้น  ดังนั้นการลดน้ำหนักตัวจึงเป็นข้อแนะนำในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน การเคลื่อนไหวร่างกาย /ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การติดต่ออย่างสม่ำเสมอ (participant contact) สามารถลดน้ำหนักในระยะยาวได้ประมาณ 5-7% ของน้ำหนักตัวเมื่อเริ่มต้น , การลดน้ำหนักตัวเพียงเล็กน้อยจะให้ผลดีต่อความดันโลหิต 7.ไม่เอาเรื่องงานมาอ้างว่าเป็นการออกกำลังกายทำงานอย่างพอเพียง ไม่หักโหม และไม่เอาเรื่องงานมาอ้างว่าทำให้ไม่มีเวลาหรืออ้างว่าทำงานก็เหมือนออกกำลัง เพราะหลักการออกกำลังกาย คือการให้ร่างกายได้ออกแรง มีการยืดเหยียด หรือทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ไม่ใช่ทำให้เกิดอาการเมื่อยล้า หลาย ๆ คนชอบอ้างว่าก็ทำงานไม่หยุดไม่เรียกว่าการออกกำลังอีกเหรอ หรือซักผ้าไม่ใช้การออกกำลังอีกเหรอ..อีกส่วนหนึ่งที่เราต้องคิดคือเวลาออกกำลังมักมี สารสุข Endorphin และสารอีกหลาย ๆ ตัวซึ่งช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น ในขณะที่การทำงานได้ออกกำลังก็จริง และมีภาวะเครียดร่วมด้วย ซึ่งหลายงานวิจัยบ่งบอกว่าความเครียดเป็นสาเหตุของ          โรคต่าง ๆ หรืออาจจะทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลแย่ลงอีกด้วย 8.      เบาหวานของเรา พอเพียงด้วยการต้องดูแลเอง ผู้ป่วยทั้งหมดมีความรู้เรื่องการกินยาอย่างดี กินยาครบถ้วน และฝากสุขภาพของตนเองทั้งหมดไว้กับแพทย์ โดยลืมคิดไปว่าควรพึ่งตนเองเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้หมายถึงให้ท่านเลิกกินยา แต่ให้ใส่ในสุขภาพมากขึ้น เช่น ถ้าอ้วน ก็ควรเริ่มรักษาน้ำหนักตนเองอย่างน้อยก็ไม่ให้เพิ่ม อย่างดีก็ให้ลดลง, ถ้าสูบบุหรี่ก็ต้องคิดว่าจะเลิกได้หรือยัง  9.      ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากเบาหวานมักไม่มีอาการ ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่เกิดความชะล่าใจ และมักคิดว่าไม่เป็นอะไร กินยาบ้าง ไม่กินบ้างก็ได้ และที่ท่านควรรู้ก็คือ ผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะโรคหัวใจ และหลอดเลือด ไม่ได้เสียเพราะเบาหวานตรง ๆ เช่นเป็นโรคหัวใจตีบฉับพลัน, เส้นเลือดในสมองแตกฉับพลัน ดังนั้นควรมาพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรละเลย หรือไม่ควรซื้อยากินเอง ที่พูดแบบนี้เพราะผู้ป่วยหลาย ๆ รายมีเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในบ้าน พอตรวจแล้วระดับน้ำตาลไม่เพิ่ม ก็เลยซื้อยาตามร้านขายยา ซึ่งมักจะมีราคาถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชน เพราะไม่ต้องเสียค่าบริการเหมือนโรงพยาบาล และไม่เสียค่าตรวจจากแพทย์ และผู้ป่วยหลายรายที่คิดว่ามาพบแพทย์ แพทย์ก็ดูแค่ระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ต่างอะไรกับการซึ่งยากินเองเหมือนกัน  10.  ดูแลเบาหวานอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ผู้ป่วยจำนวนมาก มักถูกแนะนำให้คุมแบบเข้มข้น พอคุมได้ไม่นาน ก็เกิดความท้อใจ ดังนั้นเบาหวานต้องค่อย ๆ เป็น ๆ ค่อย ๆ ไป ไม่ต้องรีบร้อน และผู้ป่วยควรตั้งเป้าหมายร่วมกับแพทย์ ว่าเดือนนี้จะควบคุมเบาหวานให้ได้เท่าไร แต่ต้องอยู่ในวิสัยที่ทำได้นะครับ เพราะถ้าตั้งเป้าหมายไว้มากเกินไป อาจจะทำไม่ได้จริง แต่ก็อาจจะทำได้ไม่นานเพราะเป้าหมายส่วนใหญ่จะต้องควบคุมอย่างมาก หรือต้องออกกำลังกายอย่างหนักก็เป็นได้ หลักง่าย ๆ 10 ประการนี้ผมหวังว่าจะทำให้ทุกคนที่เป็นเบาหวานได้ลองอ่านทบทวน และลองนำไปปฎิบัติดูนะครับ เผื่อจะเป็นแนวทางที่ทำให้ท่านที่เป็นเบาหวานมีสุขภาพที่ดีขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคตครับ

 

หมายเลขบันทึก: 133807เขียนเมื่อ 1 ตุลาคม 2007 21:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม 2012 22:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ คุณหมอ อยากทราบเรื่องการรับประทานไข่ กับ วัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุค่ะ

                                                                               ขอบพระคุณมากค่ะ

อยากทราบว่า คนไข้เบาหวานถ้าเกิดแผลบริเวณร่างกายแล้ว เราไม่ควรแนะนำให้ล้างแผลด้วย เบตาดีนใช่ไหม ? แล้วอยากทราบว่าทามไม ? ขอกลไกด้วยค่ะ?

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท