เรื่องราวที่เห็นและรู้สึก


เรื่องราวที่เห็นและรู้สึก

  เรื่อง'ภิกษุสันดานกา     

      เป็นเรื่องและภาพที่น่าสนใจมาก  โชคดีที่เห็นรายละเอียดที่มาที่ไป  ทำให้เข้าใจเรื่องราวความเป็นมา

    เรื่องของภาพที่มีความคิดหลากหลาย  การแสดงออกต่างๆนาๆ  ก็เป็นธรรมชาติ

    เหตุผลที่มาของภาพนั้นถ้ามาจากจิตที่บริสุทธิ์และเป็นห่วงพระพุทธศาสนาจริงๆก็เป็นการสะท้อนภาพทีน่าสนใจมากๆ

   แต่ก็พอจะสะท้อนตัวตน  จิตใจของเรา  หรือของแต่ละคนได้

 

 เรื่องการประท้วงของประเทศเพื่อบ้าน

      ภาพที่พระภิกษุโดนทำร้าย  เรื่องราวที่พระภิกษุ ออกมา

    ไม่รู้เหตุผลจริงๆอะไรบ้าง  แต่สิ่งที่เห็นก็รู้สึก อ่อนไหว  จนต้อง

   แบบว่าไม่เคยน้ำตาซึม..มานาน

 

ได้เรียนรู้หลายอย่างทั้งภายนอก  ภายใน  จากสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่รับรู้

 

 

คำสำคัญ (Tags): #ภิกษุสันดานกา
หมายเลขบันทึก: 132329เขียนเมื่อ 27 กันยายน 2007 15:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2550 เวลาราว 19.30 . รายการรู้ทันประเทศไทย ที่ช่องASTV ที่มีการเอาใครคนหนึ่งมาสัมภาษณ์ที่ทางพิธีกรเรียกใครคนหนึ่งนั้นว่าอาจารย์ นานาทัศนะครับผมว่าใครคนหนึ่งที่ว่านี่ไม่ควรค่าคำว่าอาจารย์เลย ก็การให้ข้อมูลที่ให้นั้นหากมองด้วยความเป็นกลางแล้วท่านเอาความคิดที่ติดไปในทางทิฐิมานะมากไปในเรื่องภาพที่ชื่อ ภิกษุสันดานกา ความจริงมีว่า                 1. ที่ท่านที่ว่านั้นกล่าวว่า ท่านที่เป็นผู้เขียนภาพเขียนภาพบนจีวรนั้นไม่เหมาะสม ความจริงผ้าที่ท่านผู้เขียนภาพบอกว่าเป็นจีวรนั้นท่านอาจกล่าวผิดเพี้ยนไปเป็นไปได้หรือไม่ หากข้อมูลไม่ผิดพลาดจีวรนั้นหมายถึงผ้าที่มีขนาดขนาดหนึ่ง เป็นไปในลักษณะหนึ่งคล้ายๆผืนแปลงนา 2.ที่ท่านที่ว่านั้นกล่าวว่า ท่านที่เป็นผู้เขียนภาพบอกว่าคนที่ดูภาพไม่รู้เรื่องเป็นพวกบัวใต้ตม ที่จริงผู้เขียนภาพเพียงแต่กล่าวว่าคนเรามีหลายประเภทเสมือนบัวสี่เหล่าเท่านั้น คนที่จะเข้าใจในภาพเป็นแบบไหนก็ตามแต่บุคคล3.ที่ท่านที่ว่านั้นกล่าวว่า ท่านที่เป็นผู้เขียนภาพเขียนภาพพระซึ่งเป็นเพศที่สูงไม่ควรทำแบบนี้ ที่จริงท่านเองไม่มีใจปรามาสก็น่าจะยอมรับได้ ท่านที่เป็นนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ หรืออื่นใด(ที่มีใจในความเป็นคนชาวพุทธที่ดี)ท่านเหล่านั้นย่อมสามารถเอาความถนัดของตนมาช่วยเคาะไม้ให้เป็นเสียงพอให้ท่านที่บวชได้เดินในทางที่งดงามตามธรรม   ตามแต่ความรู้ความสามารถของท่านนั้นๆ4.ที่ท่านที่ว่านั้นกล่าวว่า ท่านที่เป็นผู้เขียนภาพเขียนภาพพระมีปากเป็นกานั้นไม่เหมาะสม ผมเองก็ว่ามันตีความได้ในหลายมุมครับนี่คือภาพสะท้อนครับ การอุปมาอุปมัยครับ5. ที่ท่านที่ว่านั้นกล่าวว่า ไม่เคยมีใครที่ไหนเขาวาดภาพพระที่มีไฟเผาไหม้ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมนั้น ให้ท่านดูที่หนังสือไตรภูมิ ครับ แล้วจะรู้ว่ามีไหม ใครๆก็ลงนรกได้ครับไม่เลือกว่าพระหรือโยม   

สวัสดีครับ

  ขอบคุณคุณสันต์มากครับที่เขามาแบ่งปันและให้มุมมองเพิ่มครับ

 คือ อ่านเรื่องนี้มาพอสมควรจากการเป็นข่าว จริงๆแล้วทุกวงการ  ทุกสังคม ล้วนแต่มีดีและก็มีชั่ว แต่ถ้ามีชั่วขึ้นมาเมื่อไหร่ มันเหมือนกับว่าความดีมันถูกทำลายหมดแล้ว ยกตัวอย่างเช่น หมอ ครู ตำรวจ ทหาร ศาสนา ถ้าทำดี พวกคุณก็บอกว่า มันเป็นหน้าที่ของคุณอยู่แล้ว แต่ถ้าชั่วเมื่อไหร่ พวกเลว พวกไม่มียางอาย พวกแอบแฝง แต่คุณรู้มั้ย มันยังมีสังคมหนึ่งที่ไม่เคยเป็นข่าว ไม่เคยถูกวิพากย์วิจารณ์ในแง่ที่เสียหายอย่างมาก อะไรเอ่ย มันคือ วงการของสื่องัยครับ เป็นไปได้หรือ ที่นักข่าวจะไม่กินสินบน ไม่สนใจผลประโยชน์ แต่ไม่เห็นว่าจะเป็นข่าวเลย ดังนั้น ถ้าวงการสื่อขาวสะอาดจิงอย่างที่ผมคิด ผมอยากเชิญชวนให้เข้ามาเป็นคนช่วยแก้ปัญหาให้กับทุกวงการหน่อยนะ ท้ายที่สุดแล้วผมขอฝากผู้เขียนด้วยว่า ถ้าเราเอาแต่เรื่องดีๆมาลง ผมว่าสังคมบ้านเราก็จะดีกว่านี้แน่นอน เพราะว่าวันๆหนึ่ง 90 % ของข่าวล้วนแต่เป็นเรื่องชั่วทั้งนั้น แสดงว่าบ้านเราไม่มีเรื่องดีเลยเหรอครับ ขอฝากไว้เท่านี้

มองสองด้านครับ ธรรมดาหากมีแต่เรื่องดีๆออกมาคนรับทราบข่าวสารก็ยินดีตาม แต่หากไม่มีอะไรให้สะกิดสะเกากันบ้างคนเลวมันยิ้มครับ

 บางอย่างเป็นแง่คิดทัศนะครับ คนกลุ่มไหนมันกล้าเลวคงต้องให้ไปตามกิเลสค่อยมาเช็คบิลกันวันที่กรรมตามทันนั่นหละครับ

ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกนี้มีจริงขอจงเป็นผู้ตัดสินในสิ่งที่เกิดขึ้น

เถิด  ในเรื่องภิกษุสันดานกา  เป็นภาพที่แสดงถึงความ

เสื่ิอมในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง  แต่กลับดูเป็นเรื่อง

ของศิลปะ  เรื่องที่น่าชื่มชมของคณะกรรมการผู้ตัดสิน

แล้วก็ได้รางวัลดังกล่าว***แล้วสะท้อนถึงสภาพจิตผู้มีความ

ศัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่งดงามมากมายในพระพุทธศาสนามีอยู่มากมาย  ทำไม่ท่านไม่สื่อให้รู้ล่ะ  แต่กลับสื่อในสิ่งที่เลวร้ายแค่น้อยนิด  เรื่องความดี ความงามอีกมากมาย  ทำไมท่านไม่สือออกมา  

คณะกรรมการที่ตัดสินเอง

ท่านก็มองเป็ฯแต่ในเรื่องของศิลปะ  แต่หารู้ไม่ว่าท่านได้ลบพระพุทธศาสนาเป็นอย่างที่จะหาประมาณมิได้

สมแล้วหรือที่เป็นกรรมการ**น่าจะเป็นคนที่ตามืดบอดไม่มีสติปัญญามากกว่า

ไม่สมเป็นที่น่าเคารพด้วยช้ำ  ***

อา**ผ้ากาสาวพัต**เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากที่พระพุทธเจ้าประกาศในพระพุทธศาสนา

แต่ดูท่านเอามาแสดงสิ  ***แพ้ทั้งนั้นๆๆ

สิ่งศักดิ์ในศากลโลกนี้จงดูเถิด**มนุษย์ได้ทำอะไรแล้วลงไป**

นี่คือเหรียญทองล่ะหรือ***

.......พระพุทธ...พระธรรม...พระสงฆ์ 

นี่เป็นอีกครั้งที่พระพุทธศาสนาถูกย่ำยีอย่างร้ายแรง  ถ้าเรายังจำกันได้ คุณแอ๊ดคาราบาวเคยแต่งเพลงมีเนื้อหาไปเกี่ยวข้องกับศาสนาอื่นยังถูกให้แบนและขอโทษออก tv และมี ส.ว. ท่านหนึ่งบอกวิธีแก้ปัญหาที่ตะวันออกกลางว่าให้เอาน้ำมันหมูใส่เครื่องบินไปโปรยแค่นี้ทุกอย่างก็จะสงบ ผลก็คือท่านถึงกับต้องลาออกจากหน้าที่ ถามว่าศาสนาอื่นมีคนไม่ดีหรือไม่? ทำไมเขาช่วยกันปกป้อง และทำไมพระพุทธศาสนาช่างอาภัพนักพอมีเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาชาวพุทธกับช่วยกันออกมาซ้ำเติมกันเองช่างน่าละอายใจนัก

        การที่เอาผ้าเหลืองที่บอกว่าเป็นจีวรมาคลุมหมาถามว่าหลบลู่หรือไม่เพราะผ้าเหลืองแสดงถึงผ้ากาสาวพักต์อันเป็นธงชัยของพระอรหันต์

ระดับการรับรู้ของคนต่างกันครับ
ไม่แปลกที่ต่างประเทศเค้าเจริญกว่าเรา
เพราะเค้าเอาศิลปะวัฒนธรรมเป็นตัววัด
มิใช่วัตถุ

สันดานกา หมา-นุษย์

ตะบี้ตะบันมั่นมุ่งแท้   แน่ใจ
ทีท่าเหิมเริงไฟ         ใฝ่สะท้อน
ประชาธิปไตยไง       ฉันมั่น กมลแฮ
มีสิทธิ์ใช้สิทธ์อ้อน    สิทธิ์ใช้ ไฉนทราม ฯ

งามสุนทรีย์พร่างพร้อย      ภาพงาน
งามยิ่งแล้อุดมการณ์         เหล่าข้า
ศิลปะแห่งชาติตระการ      จรุงจิตต์
งามสะท้อนสัจจ์กล้า         เหล่าข้า มั่นผดุง ฯ

งามศิลป์ค่าเลิศล้ำ        ย้ำยิน
งามค่าควรแผ่นดิน       สยามหล้า
ควรเทิดเปิดแสดงสิ้น    เสพทั่ว กันนา
มากหลากรางวัลท้า      จึ่งกล้า การันตี ฯ

กระท้อนทุบทุบเถิดถ้า     รสดี ท่านเอย
แก้วหากคือเลิศมณี         รัตน์ล้ำ
เนิ่นกาลนับพันปี              ชนนอบ นบเฮย
มิใฝ่ ปาคูถซ้ำ                  ปิดกั้น แสงมณี ฯ

เวทนาปลาเต่าน้อย         หอยปู
หากว่ายหมายชื่นชู         ฝั่งแพร้ว
กระแสซัดสาดกราดกรู    เกยหาด
มิปรารถนาอีกแล้ว            เหือดสิ้น ศรัทธา

ร้อยร้อยโจรว่าร้าย       ยังดี ท่านเอย
ปล้นปอกลอกไปที       แค่เสี้ยว
ศรัทธาถูกย่ำยี              ปล้นนิ่ม
วายวอดวนหม่นเถี้ยว   โศกสิ้น กัปกัลป์ ฯ

ผดุงปริยัติไว้           ยืนยง
ภิกษุหนึ่งธำรง        มั่นไว้
คันถธุระคง             เพียรมั่น สืบแล
ท่ามยุคศรัทธาไร้     บากหน้า ผดุงเดิน ฯ

*คูถ = อุจจาระ
เถี้ยว = เที่ยว

**หลังจากได้ดู จับเข่าคุย ช่อง3 หลายวันก่อน**
หมายเหตุ
๑.ผลจากสิ่งที่ศิลปินสะท้อนโดยเหมารวมคณะสงฆ์   ก็ได้เห็นคนจำนวนหนึ่ง โพสเข้าไปด่าพระอย่างครึกโครม    ตามเวปที่มีข่าวลงโดยไม่กระดากปาก
มีความแตกแยกทางความคิดอย่างชัดเจน
(สงสัยว่า ศาสนิกศาสนาอื่น ๆ ไม่เห็นลุกมาสะท้อนแง่มุมเสีย ๆ ของศาสนาตนเองเลย   ...งานนี้ไม่รู้ใครได้ ใครเสีย )

๒. เห็นเรือด่วนเจ้าพระยาจากท่าน้ำนนท์บางลำ เอาป้ายข้อความที่นั่งสำหรับภิกษุ-สามเณรออกแล้ว(ทาสีกลบ)   ถึงไม่ทำอย่างนั้น ปกติคนที่ไปนั่งตรงนั้นก็ไม่มีใครลุกอยู่แล้ว 
   (พระผู้ใหญ่ ท่านบารมีมาก  เกิดอะไรขึ้น ท่านจะไม่ได้รับ   ผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้นท่านไม่ต้องขึ้นรถลงเรือไม่ต้องบิณฑบาต สัมภาษณ์อะไรท่านต้องให้เป็นกลางที่สุด อยู่แล้วต้องเซฟตัวเอง )

๓.ประเทศ สถาบัน หรือสมาคมไหน ที่ถูกประณามหยามเหยียด ถูกรังเกียจ ถามว่าใครอยากเข้าไปอยู่ ไปเป็นส่วนหนึ่งในสถาบันนั้นบ้าง  ถามเรา ๆ ก็
     คงบอกว่า no thanks  คนจะสืบทอดศาสนาก็คงน้อยลงเรื่อย ๆ ทุกวันนี้
     เห็นบวชกันแค่ ๗ วัน ๑๕ วันยังไม่ทันได้เรียนรู้อะไรเลย...

๔.ชาวพุทธที่เคยรู้เกี่ยวกับพุทธประวัติตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์เป็นต้นมารู้เรื่องราวเกี่ยวกับผ้ากาสาวพัสตร์ จะไม่กล้าหมิ่นน้ำพระทัยพระพุทธเจ้าเลย
    จะไม่กล้าแม้แต่จะคะนองคิด  นี่เล่นเอาจีวรพระมาขึงเขียนภาพอุดจาด แทนที่จะใช้ผ้าอย่างอื่น...ศิลปินน่าจะศึกษาพุทธให้มากขึ้นกว่าคนทั่วไป

๕. พระบางรูปมีพร้อมทั้ง ศีลาจารวัตร บางรูปแม้ อาจาระ(มารยาท) หรือ 
 วัตร (ข้อปฏิบัติ) อาจดูไม่เข้าตาชาวบ้าน (เช่นออกมาประท้วง )
     แต่มิได้หมาย ความว่า ท่านไม่มีศีล(ในส่วนวินัยข้อห้าม)  เพราะฉะนั้น
     อยากด่าพระควรระวังให้มากไว้ก่อน....(ไม่ใช่ของฟรีอย่างที่คิด)
      เราจะได้ปลอดภัย...(เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รอง
      ยังจะเอากะทะทองแดงห้อย  คออีก)

๖.สมัยพุทธกาลมีภิกษุชั่วบาปหยาบร้ายกว่านี้เยอะ (ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก วินัยปิฎก จะมีตัวอย่างพระทำอะไร ๆ อย่างที่เราคาดไม่ถึง ) พระพุทธเจ้า
   ทรงยอมรับจุดนั้น ได้วางโทษไว้เป็นระดับ ๆ และข้อแก้ไขไว้เป็นระดับ ๆ หนัก เบา

๗.พระพุทธเจ้าเคยเสด็จไปปกป้อง พระญาติศากยวงศ์ถึง สามครั้งสมัยถูกพระเจ้าวิทูฑะภะ ยกทัพไปเข่นฆ่า  ..ถึงกรุงกบิลพัสด์  จนวอดวายสูญสิ้นศากยวงศ์ ในสมัยนั้น    ในที่สุดห้ามไม่ได้ ท่านก็จึงวางเฉย
     สถาบันที่ควรปกป้องพระองค์ก็ทรงปกป้อง ไม่ทอดทิ้งธุระเสีย....

     เรื่องที่ควรเฉยจึงเฉย เช่น ถูกนางมาคันทิยา จ้างคนไปตามด่าเวลาเข้าไปสู่คาม  นิคม หรือบิณฑบาต เป็นต้น...
    .ถ้าอุบาสกอุบาสิกา เข้มแข็ง พระคงไม่ต้องออก
     มาประท้วงจีวรปลิวอย่างในไทยหรือในพม่า ฯ  

๘. เงินทอง บุตรธิดา ฯลฯ เป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจ
      ได้ในชาตินี้ชาติเดียว เท่านั้น แต่ศรัทธาเป็นอริยทรัพย์ ๑ ใน
      ๗ อย่างที่ตามไปอำนวยสุขให้ได้ใน ทุกภพทุกชาติ    
       ขอให้พี่น้องผองเพื่อนรักษาไว้ให้มั่น.......        
                          
     ผู้ใดห้ามคนอื่นทำบุญ ทำกุศล หรือทำประโยชน์ ต่าง ๆ
       ( ด้วยวาจาตรง ๆ ก็ดี ด้วยการ ทำลายศรัทธาเขาวิธีใดวิธีหนึ่งก็ดี )        
       ผู้นั้นชื่อว่า ปล้นบุญของผู้จะให้ทาน  ปล้นลาภของผู้จะได้รับ
                  พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่าเป็น  มหาโจร ฯ

ประพันธ์โดย แสงเหนือ คัดลอก จากเวปบ้านกลอนไทย...........
การฆ่าคนจะเจตนาหรือไม่ก็ดี ตั้งใจหรือประมาทก็ดี ล้วนมีโทษทั้งสิ้น....
ผู้ใดในโลกนี้ แม้เพียงคนเดียว เห็นภาพที่ศิลปินเขียนแล้ว เสื่อมศรัทธาในสงฆ์ โทษหนักไม่อาจประมาณได้

ทานที่ให้ในสงฆ์นั้น แม้เราจะรู้ว่าในสงฆ์นั้นมีภิกษุทุศีลรวมอยู่ แต่เราระลึกถึงคุณของพระสงฆ์แล้วถวาย ด้วยความยำเกรงสงฆ์ เคารพสงฆ์ ศรัทธาในหมู่สงฆ์ ปราศจากปฏิฆะ (จิตนึกรังเกียจ)
ทานนั้นมีผลมากกว่าทานที่ให้เจาะจง
พระอรหันต์รูปใดรูปหนึ่ง ทีเดียว ดังพระบาลีว่า...

(สงฺเฆ จิติการํ กาตุง สกฺโกนฺตสฺส หิ ขีณาสเว
ทินฺนทานโต อุทฺทิสิตฺวา คหิเต ทุสฺสีเลปิ ทินฺนํ มหปฺผลตรเมว ฯ  ...)
จากหนังสือมังคลัตถทีปนี ทานกถา

ข้อ ๒๒ หน้า ๑๕-๑๖ 

ศิลปิน และคณาจารย์ผู้สนับสนุน ควรศึกษาพุทธศาสนาให้ลึกซื้งพอ เท่าที่ศึกษาเรื่องบุญกรรมมานานคิดว่า ศิลปินและคณาจารย์ที่สนับสนุน ควรไปบวชล้างซวยตลอดชีวิต โทษจะเบาบางลงบ้าง

วานผู้หวังดี หรือเป็นเพื่อนเป็นญาติฝากไปบอกพวกเขาด้วย ...เป็นห่วงในฐานะชาวพุทธด้วยกัน หวังว่าพวกท่านศิลปินคงไม่ใช่พวกแอบแฝง..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท