13 วิธีแก้วิกฤตโลกร้อนในออฟฟิศ


ทั่วโลกกำลังรณรงค์ให้ทุกคนได้ตระหนักในอันตรายอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ อย่างที่ผ่านไปหมาดๆ กับ “Live Earth” คอนเสิร์ตชีวิตและโลกที่จัดพร้อมๆ กันถึง 9 เวทีทั่วโลกภายใต้การผลักดันของอดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ของสหรัฐอเมริกา

อย่ากระนั้นเลย
แม้เราจะแค่ทำงานอยู่ในออฟฟิศก็สามารถช่วยกันคนละไม้คนละมือในการกู้วิกฤตโลกร้อนได้ ด้วยวิธีที่คัดสรรมาที่ล้วนง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากทั้งนั้น

01. การปิดไฟและปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งานให้ติดเป็นนิสัย ก่อนจะออกไปทำธุระที่กินเวลาค่อนข้างนานข้างนอก แม้แต่ช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน หรือช่วงพักเบรคเพื่อให้สมองปลอดโปร่งก่อนกลับมาลุยงานต่อ

ถ้าพนักงาน 10 ล้านคนปิดไฟที่ไม่ใช้วันละ 30 นาที ก็เพียงพอแล้วสำหรับเก็บพลังงานดังกล่าวไปใช้ในพื้นที่สำนักงานแห่งอื่นๆ อีกตั้ง 50 ล้านตารางฟุต

02. หลายคนอาจเคยได้รับจดหมายหรือแคตตาลอกขายสินค้า เพราะบังเอิญว่าไปสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตการ์ด หรือบัตรส่วนลดช็อปปิ้ง รู้หรือไม่ว่ามีการทำสำรวจจากหลายสถาบันระบุว่าครึ่งหนึ่งของจดหมายขยะมักไม่ถูกเปิดอ่านเลย

นั่นหมายความว่าต้นไม้ 62 ล้านต้นและน้ำอีก 28 พันล้านแกลลอนต้องสูญเปล่าไปกับกระบวนการผลิตกระดาษที่สูญเปล่า ทางที่ดีก่อนที่นำจดหมายขยะไปทิ้งเหมือนทุกครั้ง อย่าลืมโทรแจ้งกับบริษัทต้นทางที่ส่งจดหมายแล้วบอกว่าคุณไม่ต้องการจะรับจดหมายนี้อีกแล้ว และให้เหตุผลเก๋ๆ ไปว่าเพราะต้องการ “ลดปัญหาโลกร้อน” หรือถ้าอยากจะส่งก็ส่งมาทางอีเมล์แล้วกัน

03. กดปุ่มปิดหน้าจอมอนิเตอร์หรือจอคอมพิวเตอร์ หรือปิดเครื่องเมื่อไม่ใช้งาน ส่วนความคิดที่ว่าการใช้ภาพเคลื่อนไหว 3 มิติมาช่วยรักษาหน้าจอขณะไม่ใช้งานนั้นไม่ได้ช่วยลดปัญหาโลกร้อนเท่าไร เพราะภาพกราฟิกที่ใช้พักหน้าจอหรือสกรีนเซฟเวอร์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าช่วยยืดอายุการใช้งานของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้นานขึ้นเท่านั้น เอาไว้ถ้าไปไหนสัก 5 -10 นาทีแล้วจะกลับมาทำงานต่อค่อยใช้ฟังก์ชั่นดังว่าแล้วกัน

04. ใช้คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปจะประหยัดพลังงานกว่าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป

05. หันมาใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์ อันนี้ขึ้นอยู่กับความอึดของแต่ละคน เดินขึ้นลงบันไดชั้นสองชั้นก็น่าจะเพียงพอ เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานยังได้บริหารร่างกายไปด้วย

06. เอกสารภายในสำนักงาน พวกจดหมายเวียนหรือเมโมที่ไม่ค่อยเป็นทางการนัก หากจำเป็นปรินต์ก็อย่าลืมใช้กระดาศรียูส (Reuse) และเปลี่ยนโหมดปรินเตอร์ให้เป็นแบบขาวดำ ไม่ใช่ว่าเน้นนโยบายประหยัด (ซึ่งเป็นนโยบายที่ดีนะจะว่าไปแล้ว) แต่การที่ปรินต์เอกสารโดยใช้หมึกขาวดำจะช่วยลดการใช้น้ำยาปรับสี ส่วนกรณีที่จะปรินต์เอกสารหลายเหมือนๆ กัน ก็เลือกใช้กระดาษที่มีสำเนา

07. ถ้าต้องการซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าออฟฟิศ เลือกชิ้นที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล

08. บางครั้งการทำงานนอกออฟฟิศ หรือบางอาชีพ เช่นนักเขียนที่บางวันไม่จำเป็นต้องเข้าที่ทำงาน แต่สามารถนั่งทำงานอยู่ในบ้านได้ก็จะช่วยลดการใช้รถใช้ถนน รวมถึงการใช้เครื่องมือสื่อสารเช่นโทรศัพท์มือถือให้เป็นประโยชน์ในกรณีที่ต้องแจ้งกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานโดยที่ไม่ต้องเดินทางเข้าออฟฟิศ ก็จะช่วยประหยัดพลังงานได้เหมือนกัน หรือใครมุ่งมั่นสุดๆ อาจไม่ขับรถมาทำงานในบางวัน แล้วลองหันไปนั่งรถโดยสารสาธารณะ หรือรถไฟใดดิน, รถไฟฟ้า ก็จะลดปัญหาโลกร้อนได้อีกวิธีหนึ่ง

09. แนวคิดนำวัสดุใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ยังใช้ได้อยู่ ในปีหนึ่งๆ ชาวอเมริกันมีขยะกระดาษมากถึง 35 ล้านตัน พวกเขาจึงคิดใช้ประโยชน์จากขยะกระดาษด้วยการนำไปผลิตกระดาษนำกลับมาใช้ใหม่ ช่วยลดการก่อมลภาวะทางอากาศได้ถึงร้อยละ 74 แถมยังลดการตัดไม้ทำลายป่าด้วย

10. เวลาเลือกซื้อสินค้าแต่ละครั้ง ควรตรวจดูว่าสินค้าชิ้นนั้นๆ ผลิตจากวัสดุใช้แล้วกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าของชิ้นนั้นมีวัสดุที่ใช้แล้วมากถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ก็เท่ากับว่าเราไม่ได้ซื้อสินค้าที่โรงงานผลิตต้องนำวัสดุใหม่มาเป็นส่วนประกอบเลย รวมถึงการเลือกซื้อกระดาษที่ไม่ได้ใช้สารคลอรีนฟอกก็จะช่วยลดการก่อมลภาวะได้มากกว่ากระดาษทั่วไป

11. บางออฟฟิศมีแก้วกระดาษเล็กๆ สำหรับผู้รับแขก หรือพนักงาน หากเลี่ยงได้ก็อย่าใช้ ให้นำแก้วส่วนตัวมาจากบ้าน ใช้แล้วล้างก็จะใช้ได้อีกเรื่อยๆ (อย่าลืมว่ากระดาษผลิตมาจากต้นไม้ที่สร้างความร่มเย็นแก่โลกนะจ๊ะ) หรืออย่างที่เมืองนอก ในร้านกาแฟสตาร์บั้ค เขาก็มีนโยบายการนำแก้วกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งจะช่วยลดค่ากาแฟให้ถูกลงด้วย

12. ทำงานโดยอาศัยแสงธรรมชาติบ้าง (ถ้าจุดที่คุณทำงานมีแสงธรรมชาติส่องถึง)

13. ข้อนี้ที่สุดของที่สุดเลย แม้ว่าเราจะปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าไปแล้วก็ใช้ว่าจะไม่สิ้นเปลืองพลังงาน เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่าง อย่างเช่นสายชาร์จโทรศัพท์มือถือหรือจะเป็นอแด๊พเตอร์สำหรับแล็ปท็อปที่ไม่ถอดปลั๊กออก จะกินไฟมากกว่า 20 วัตต์ การสูญเสียพลังงานแบบไม่ได้ถอดปลั๊กนี้ทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กระจายขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมากถึง 12 ล้านตันทีเดียว

รู้อย่างนี้จะอ้างว่าวันๆ ทำงานที่ออฟฟิศ จนไม่มีเวลาออกไปทำกิจกรมปลูกต้นไม้หรือกิจกรรมรณรงค์ลดปัญหาโลกร้อนกับคนอื่นๆไม่ได้แล้วนะ

**ขอบคุณข้อมูลจาก http://women.sanook.com/work/www/www_43223.php

คำสำคัญ (Tags): #โลกร้อน
หมายเลขบันทึก: 130444เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2007 21:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
P

อรณัฐ วิไชยภูมิ

เข้ามาเยี่ยม....

บล็อกสวยงามและน่ารักดี...

น่าจะเขียนอะไรตามความรู้สึกหรือความคิดตัวเองนะ...  

เจริญพร

สวัสดีครับ

  • ตามอ่านดู  หากสนใจเรื่องภาวะโลกร้อน  ไม่ลองค้นคว้าแล้วรวบรวมเป็นของตัวเอง  
  • หรือจะเขียนเป็นร้อยกรองไปเลยก็ได้นี่ครับ  ฐานะเอกภาษาไทย
  • ทุกเรื่องหากทำได้เองเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและน่าภาคภูมิใจด้วยนะครับ
  • ขอบคุณครับ

แวะมาเยี่ยมตามคำเชิญครับ

ก็ดีครับ จะได้ช่วยกันลดภาวะโลกร้อน

ขอบคุณครับ

 

  • ตามมาขอบคุณ
  • ดีใจที่ได้เห็นเด็กรุ่นใหม่ได้เขียนอะไรดีๆๆ
  • สรุปว่าเรียนกับท่านอาจารย์ Handy ด้วยใช่ไหมครับ
  • ลองเขียนเรื่องการเรียน เรื่องที่เราสนใจก็ดี
  • รออ่านครับ

ขอบคุณ คุณณัฐ ที่แวะไปทักทายและเชิญชวนมาเยี่ยม

  • ชอบชื่อบล็อก ตั้งได้ตามสมัยดีมาก
  • สาระตามที่หลายท่านแนะนำ เล่าเรื่องที่ตัวเองชอบก่อนจะเล่าได้ทุกวัน
  • หากจะทำเป็นห้องสมุดตัวเอง คงต้องอ่าน ๆ ๆ แล้วสรุปเป็นสิ่งที่ตัวเองค้นพบ เอาย่อ ๆ สั้น ๆ ให้โดนใจเมื่อคนอื่นมาอ่าน

ความเห็นที่ผ่านมาก่อนนี้ส่งไปแต่ยังสงสัยว่าทำไมไม่ปรากฏชื่อและภาพ ทั้ง ๆ login เข้ามาแล้ว

หนูใช้ภาพเม้าส์วัยรุ่นจัง ผู้ใหญ่ไม่ค่อยถนัดนะ

  • ขอบคุณสำหรับทุกข้อเสนอแนะนะคะแล้วจะนำมาปรับปรุงแก้ไขค่ะ
  • กราบนมัสการพระคุณเจ้า Pขอบคุณนะคะที่แสดงความคิดเห็นให้
  • ตอบคุณP แล้วจะลองแต่งกลอนเกี่ยวกับโลกร้อนตามคำแนะนำนะคะ
  • ตอบคุณPขอบคุณนะคะที่มาแสดงความคิดเห็นให้
  • ตอบคุณPใช่ค่ะหนูเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์Handy ค่ะ
  • ตอบคุณPแล้วจะนำข้อผิดพลาดเหล่านั้นมาแก้ไขนะคะ

สวัสดีครับ
     ดีใจที่เห็นการเปิด Blog ใหม่ใน Gotoknow หลังจากที่ใช้ Learners เป็นแหล่งฝึก เป็นแหล่งเรียนรู้มาแล้วระยะหนึ่ง
     เห็นด้วยกับความเห็นของหลายท่านที่ว่าควรนำเสนอสิ่งที่เรา เขียน มากกว่าการ Copy เรื่องที่พบเห็นมาวาง เพราะหากยังไม่ได้ปรุงเป็นข้อเขียนของเรา แค่ทำ Link ไปหาข้อมูลดังกล่าวก็ OK แล้ว
     ผลงานจากการคิด การสรุป  การปฏิบัติ และความรู้สึกของเราต่อเรื่องต่างๆ ล้วนนำมาเขียนเพื่อแลกเปลี่ยนแบ่งปันได้มากมาย .. ขอให้ลองทำดู
     การตกแต่ง Blog ควรทำแต่พอสมควร อย่าลืมว่า แต่งเพื่อให้ผู้อ่าน ได้รับความสะดวก สบาย เมื่อมาอ่าน จึงควรระวังไม่ให้ เกิดสิ่งรบกวน หรือทำลายสมาธิในการอ่าน อย่าลืมว่า .. สูงสุด สู่ สามัญ หรือ Simple is Best นะครับ.
    

ผมจะลองเอาคำแนะนำมาใช้เพื่อที่จะเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะทำให้โลกเย็นลงนะครับ

 

         สวัสดีคะ น้องณัฐ เห็นด้วยอย่างยิ่งกับวิธีการที่แนะนำมา โลกจะได้เบาบางภาวะร้อนลง โลกร้อนลดลง ใจคนก็จะได้ลดร้อนตาม จะได้อยู่กันอย่างมีความสุขกันถ้วนหน้า ร่วมด้วยช่วยกันต่อไปคะ

  • ขอขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะแล้วณัฐจะเอาไปปรับปรุงแก้ไข
  • ทุกข้อเสนอแนะเป็นความคิดที่ดีมากเลยค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท