ยมกปาฏิหาริย์




ไข่ตุ๋นซื้อหนังสไปเดอร์แมนมานั่งดูที่บ้าน พร้อมกับกินข้าวโพดคั่วหอมเนยไปด้วย เพื่อให้เหมือนไปดูหนังที่โรงฉาย แต่สบายกว่าเพราะนอนเอกเขนกดู คำชื่นเข้ามาตอนหนังจบพอดี ไข่ตุ๋นเล่าให้ฟังพร้อมกับฉายใหม่ตอนที่พระเอกกำลังโลดแล่นไปตามตึกต่างๆ เหมือนเหาะไปเลยไข่ตุ๋นว่า แค่เหมือนเหาะนะ แล้วตอนถ่ายทำก็ยังเอาสลิงผูกเอวทำแต่ท่าเหาะด้วยอ้าวไข่ตุ๋นเข้าข้างพระเอก ก็มันหนังอ่ะ ดูแล้วมันดีพระที่ท่านได้อภิญญาท่านก็เหาะได้นะ เหาะเองไม่ต้องมีอะไรช่วยคำชื่นบอกไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นทำท่าเหาะ รู้ เคยได้ยิน แต่ท่านไม่แสดงให้ใครรู้ใช่มั้ยใช่ พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ไม่ให้อวดแต่เคยไปที่โบสถ์ เห็นมีรูปพระพุทธเจ้าแสดงอภินิหารไข่ตุ๋นเอ่ยเป็นเชิงถาม อ๋อ เรื่องยมกปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้วอะไรทำให้ท่านต้องแสดงล่ะไข่ตุ๋นอยากรู้ คำชื่นจึงเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นมา

มีเศรษฐีคนหนึ่ง เขาได้ไม้จันทน์แดงมาท่อนหนึ่ง ลอยน้ำมาตอนเขาไปอาบน้ำ เขาไม่รู้จะเอาไม้จันทน์แดงไปทำอะไร เศรษฐีคนนี้เขายังไม่ได้นับถือศาสนาอะไร เลยได้ความคิดขึ้นมาว่า ในโลกนี้มีคนอ้างตัวว่าเป็นอรหันต์อยู่มาก ไม่รู้ว่าใครเป็นอรหันต์จริงหรือไม่ได้เป็น

เศรษฐีเลยให้กลึงท่อนจันทน์ทำบาตร แล้วเอาไปแขวนสูงตั้ง ๖๐ ศอก แล้วประกาศว่า ใครเหาะขึ้นไปเอาได้แสดงว่าเป็นอรหันต์ จะขอนับถือศาสนานั้นแล้วมีคนไปเอาบาตรเยอะมั้ยไข่ตุ๋นสนใจ

มีคนอยากได้เยอะ แต่เหาะไม่เป็น คนที่เป็นอาจารย์มีลูกศิษย์เยอะ ก็มาขอกับเศรษฐีว่าให้ตัวเองเถอะ แต่ตัวเองไม่อยากเหาะโชว์ แต่เศรษฐีไม่สนใจ จะให้เหาะขึ้นไปเท่านั้น มีอาจารย์คนหนึ่งชื่อ นาฏบุตร อยากได้ นัดแนะกับลูกศิษย์ว่าถ้าอาจารย์ทำท่าเหาะ ให้ฉุดแขนฉุดขาไว้นา แล้วไปหาเศรษฐี เศรษฐีบอกให้เหาะก็ทำท่าจะเหาะ พวกลูกศิษย์รีบเข้าไปฉุดไว้ บอกว่าอาจารย์แสดงคุณวิเศษไม่ได้นะ อุตส่าห์ปกปิดเป็นความลับมานาน จะมาแลกเอาของเล็กน้อยแค่บาตรไม้จันทน์มันไม่คุ้ม นาฏบุตรบอกเศรษฐีให้ยกบาตรให้ เศรษฐียืนยันให้เหาะขึ้นไปเอาเอง

จน ๗ วันไปแล้ว ยังไม่มีใครได้ไป วันนั้นพระมหาโมคคัลลานะ กับพระปิณโฑละภารทวาชะ กำลังยืนห่มจีวรอยู่ ตั้งใจจะเข้าไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ ได้ยินพวกนักเลงพูดกันว่า ๗ วันแล้วยังไม่มีใครไปเอาบาตรได้เลย แสดงว่าไม่มีพระอรหันต์อยู่ในโลกนี้แหม สรุปกันง่ายๆ ยังงี้ได้ยางงายฮะไข่ตุ๋นบ่น คำชื่นหัวเราะ หยิบข้าวโพดคั่วมากินไปเล่าไป ใช่ พระมหาโมคคัลลานะ ท่านเลยบอกให้พระภารทวาชะไปเอาบาตร ให้คนเห็นว่าโลกนี้มีพระอรหันต์

ภารทวาชะเลยเหาะไปปรากฏอยู่ที่ยอดเรือนของเศรษฐี เศรษฐีเห็นแล้วหมอบลงทำความเคารพ แล้วบอกว่า ลงมาเถิดพระคุณเจ้า บาตรเป็นของท่านพระภารทวาชะลงมา เศรษฐีเอาบาตรมาใส่อาหารแล้วถวาย ท่านก็รับไป เกียรติคุณเล่าลือไปอย่างรวดเร็วเลย คนที่อดดูมาขอให้ท่านแสดงให้ดู ท่านก็แสดงให้ดู จนพระพุทธเจ้าทรงทราบ ถามภารทวาชะว่า ไปแสดงจริงหรือ ท่านรับว่าจริง ทรงติเตียน แล้วรับสั่งให้ทำลายบาตร เอาไปแจกจ่ายแก่พระให้เอาไปบดผสมทำยาหยอดตา แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามพระสาวกทำปาฏิหาริย์อีกเลยอดดูเลยไข่ตุ๋นเสียดาย กินข้าวโพดคั่วอีกคำโตแก้เสียดาย ทีนี้พวกเดียรถีย์ได้ข่าวแล้ว เที่ยวไปบอกต่อๆ กันว่า พระพุทธเจ้าห้ามแสดงฤทธิ์แล้ว อย่างนี้พระสาวกไม่กล้าขัดคำสั่งพระพุทธเจ้าหรอกเราจะท้าแข่งแสดงฤทธิ์กัน เลยเที่ยวไปประกาศป่าวร้องว่า พวกเรารักษาคุณของตนจึงไม่แสดงแก่มหาชนเพียงเพราะบาตรไม้จันทน์ที่เป็นของเล็กน้อย บัดนี้พวกเราจะทำปาฏิหาริย์แข่งกับพระสมณโคดม พระเจ้าพิมพิสาร แคว้นมคธ ทราบข่าวนี้ จึงเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าว่า พวกเดียรถีย์ไปป่าวประกาศอย่างนี้แล้ว พระพุทธเจ้าจะทรงทำอย่างไรแหม พวกนี้มาหาเรื่องจริงๆ นะไข่ตุ๋นโวยวาย รู้สึกฉุน อยากจะปีนเพดาน แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราทำปาฏิหาริย์ได้เหมือนกันอ้าวไข่ตุ๋นงง ตกจากเพดาน ก็พระพุทธเจ้าห้ามเองว่าไม่ให้พระสาวกทำไงคำชื่นหัวเราะ พยักหน้า เออ นั่นแหละ พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระองค์บัญญัติสิกขาบทไว้สำหรับพระสาวก ไม่ใช่สำหรับพระองค์เอง เปรียบเหมือนผลไม้ในอุทยานหลวง ใครเอาไปกินก็มีความผิด แต่พระราชาเองเป็นเจ้าของอุทยาน เพราะฉะนั้นกินได้เออจริงไข่ตุ๋นเห็นทางสว่าง ไม่งั้นต้นมะม่วงในบ้านไข่ตุ๋นก็อดกินน่ะซีนะ ใช่แล้ว ไข่ตุ๋นกินเองได้ แต่คนนอกบ้านมาเอาไปกิน ไม่ได้ไข่ตุ๋นสนุกสนาน เอ๊ะ ยังงี้พวกเดียรถีย์ก็หงายเก๋งซี ตัวเองเหาะเป็นซะเมื่อไหร่คำชื่นรับคำ ใช่แล้ว ตกใจกันใหญ่ วุ่นไปเลยล่ะ พระราชาก็ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า จะแสดงปาฏิหาริย์เมื่อไหร่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า วันเพ็ญ เดือน ๘ คือรอไปอีก ๔ เดือน ที่เมืองสาวัตถี เพราะเป็นเมืองที่ทำปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และที่รอเวลาเพื่อให้ชาวเมืองได้มาชุมนุมกันทัน พวกเดียรถีย์ตกลงกันว่า จะคอยตามพระพุทธเจ้าไปทุกแห่งเลย ถ้ามีใครถามจะตอบว่า ตกลงจะทำปาฏิหาริย์แข่งกับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ากำลังหนีไป ชาวบ้านชาวเมืองก็ติดตามไปเพื่อจะดู จนพระพุทธเจ้าเสด็จไปถึงเมืองสาวัตถี พวกเดียรถีย์เรี่ยไรเงินสร้างมณฑป แล้วประกาศว่า พวกเราจะทำปาฏิหาริย์ที่นี่ ที่เมืองสาวัตถีนี่ เจ้าเมืองคือ พระเจ้าปเสนทิโกศล เข้าเฝ้าแล้วทูลว่าจะสร้างมณฑปถวาย พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ ตรัสว่าจะแสดงปาฏิหาริย์ที่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่โอ้โหไข่ตุ๋นร้อง ยังงี้พวกนั้นต้องถอนต้นมะม่วงทิ้งแหงเลยใช่แล้ว ถอนหมดเลย แม้แต่ต้นที่เพิ่งงอกวันนั้นก็ถอนด้วยแหม แสดงว่ากลัวมากเลยเนี่ยไข่ตุ๋นหัวเราะ พอถึงวันเพ็ญเดือน ๘ มีคนสวนของพระราชาคนหนึ่งชื่อนายคัณฑะ ไปเห็นมะม่วงสุกลูกหนึ่งซ่อนอยู่ในใบไม้ที่มดแดงมันทำรังไว้ เขาเลยเก็บมะม่วงเพื่อจะไปถวายพระราชา ระหว่างทางคิดว่า ถวายแล้วคงได้เงินนิดหน่อย แต่ถ้าเอาไปถวายพระพุทธเจ้าจะได้บุญมาก เลยเอาไปถวายพระพุทธเจ้าไข่ตุ๋นตบมือดีใจ พระพุทธเจ้าทรงรับมะม่วงจากนายคัณฑะแล้ว ทรง แสดงอาการให้พระอานนท์รู้ว่าจะประทับตรงนั้น พระอานนท์ปูจีวรถวาย แล้วพระอานนท์ก็กรองน้ำ เอามะม่วงทำเป็นน้ำ ปานะถวาย พระพุทธเจ้าเสวยแล้ว รับสั่งให้นายคัณฑะคุ้ยดินขึ้นปลูกมะม่วงตรงนั้น ทรงล้างพระหัตถ์บนหลุมมะม่วง มะม่วงก็งอกโตขึ้นทันทีเลยสูงประมาณ ๕๐ ศอก มีกิ่งใหญ่ ๕ กิ่ง แผ่ไป ๔ ทิศ ทิศละกิ่ง แล้วชูขึ้นไปบนฟ้าอีกกิ่งหนึ่ง แต่ละกิ่งยาวประมาณ ๕๐ ศอกเหมือนกัน มะม่วงนั้นมีช่อมีมะม่วงสุกเยอะแยะไปหมดเลย พระที่ตามพระพุทธเจ้ามาทีหลัง ก็ได้ฉันมะม่วงพวกนี้ด้วย พระราชาได้ทราบว่ามีต้นมะม่วงใหญ่ที่พระพุทธเจ้าจะใช้แสดงปาฏิหาริย์ จึงให้ทหารมารักษาต้นมะม่วงนั้น ไม่ให้ใครมาตัดได้ มะม่วงต้นนั้นได้ชื่อว่าคัณฑามพฤกษ์ เพราะนายคัณฑะ ปลูกไว้ พวกนักเลงก็มากินมะม่วง แล้วเอาเมล็ดมะม่วงปาพวกเดียรถีย์ไข่ตุ๋นหัวเราะหึหึ ตำนานเล่าว่า ท้าวสักกะบันดาลให้เกิดพายุใหญ่ หอบเอามณฑปพวกเดียรถีย์ไปทิ้งกระจายเลย มีเทวดาชื่อ วาต-วลาหกเทพบุตร โปรยฝุ่นลงบนตัวของพวกเดียรถีย์ แล้วฝนเม็ดใหญ่ๆ ก็ตกลงมา เนื้อตัวของพวกเดียรถีย์เลยดูกระดำ- กระด่างไปเลย วิ่งหนีกันใหญ่ มีอาจารย์คนหนึ่งของพวกเดียรถีย์ชื่อ ปูรณกัสสป วิ่งหนีไป พอดีไปเจอลูกศิษย์คนหนึ่ง เป็นชาวนาหอบหม้อข้าวต้มกับเชือกมา กำลังจะมาดูอาจารย์แสดงปาฏิหาริย์ พอวิ่งสวนกันอาจารย์เลยขอหม้อขอเชือกจากลูกศิษย์ แล้ววิ่งไปที่แม่น้ำผูกหม้อแล้วผูกคอตัวเอง กระโดดน้ำตายไปเลยโอ๊ย เลยไม่ได้ดูพระพุทธเจ้าแสดงด้วยตอนบ่ายพระพุทธเจ้าเสด็จออกจากพระคันธกุฎี คือที่พักของพระพุทธเจ้า มาประทับยืนที่หน้ามุข พระสาวกขอแสดงปาฏิหาริย์แทนเพื่อแสดงว่าขนาดสาวกยังทำได้มากเท่านี้ พระพุทธเจ้าจะทำได้มากเท่าไหร่ เช่นสาวกจะทำแผ่นดินให้เป็นทะเล แล้วดำน้ำลงไป ชำแรกภูเขาให้คนดู เคี้ยวกินภูเขา ม้วนแผ่นดิน เป็นต้น แต่พระพุทธเจ้าปฏิเสธข้อเสนอหมด จะทรงแสดงพระยมกปาฏิหาริย์คืออะไรหรือจ๊ะ ยมกปาฏิหาริย์นี่ไข่ตุ๋นสงสัย คำชื่นอธิบาย ยมกปาฏิหาริย์นั้นแปลว่า ปาฏิหาริย์ที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำเป็นคู่ๆ พระสาวกอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ เช่น 1. ท่อไฟ ไหลออกจากพระกายเบื้องบน ท่อน้ำ ไหลออกจากพระกายเบื้องล่าง 2. ท่อไฟ ไหลออกจากพระกายเบื้องล่าง ท่อน้ำ ไหลออกจากพระกายเบื้องบน 3. ท่อไฟ ไหลออกจากพระกายเบื้องหน้า ท่อน้ำ ไหลออกจากพระกายเบื้องหลัง 4. ท่อไฟ ไหลออกจากพระกายเบื้องหลัง ท่อน้ำ ไหลออกจากพระกายเบื้องหน้า ฯลฯ ในทำนองเดียวกัน ท่อไฟและท่อน้ำ ไหลออกจากพระกายเบื้องซ้าย เบื้องขวา จากพระโสต (หู) พระนาสิก (จมูก) พระอังสะ (บ่า) พระหัตถ์ (มือ) พระองคุลี (ข้อนิ้ว) ขุมพระโลมา (ขุมขน) แต่ละขุม ทรงเปล่งพระฉัพพรรณรังสี คือสีเขียว เหลือง แดง ขาว หงสบาท (แดงเหมือนดอกหงอนไก่) และประภัสสร (ลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก) ท่อไฟที่ไหลออกมานั้น เพราะทรงเข้าเตโชกสิณสมาบัติ (กสิณไฟ) ท่อน้ำที่ไหลออก เพราะทรงเข้าอาโปกสิณสมาบัติ (กสิณน้ำ) ทรงแสดงปาฏิหาริย์บ้าง ทรงแสดงธรรมให้ประชาชนที่มาชมบ้าง มีผู้ฟังแล้วได้เห็นธรรมขึ้นมากมาย ในขณะที่ทรงแสดงธรรม พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นว่า ไม่มีใครสามารถถามปัญหาพระองค์ได้ จึงทรงเนรมิตพระพุทธนิมิตขึ้นองค์หนึ่ง สำหรับถามและตอบปัญหา ทรงผลัดเปลี่ยนกันแสดงธรรมกับพระพุทธนิมิตตลอดเวลาชื่นใจจัง บรรยากาศคงมหัศจรรย์มากเลยนิไข่ตุ๋นชื่นชม ยิ่งใหญ่มากกกกเลยเนี่ยคำชื่นก็ชื่นชมด้วย เมื่อนึกถึงภาพเรื่องราวที่กำลังเล่า ในขณะนั้น พระพุทธเจ้าทรงดำริว่า พระพุทธเจ้าในอดีต เวลาท่านแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้ว ท่านเสด็จไปจำพรรษา ณ ที่ใด ทรงทราบว่าเสด็จจำพรรษา ณ ภพดาวดึงส์ ดังนั้น พอพระพุทธเจ้าทำปาฏิหาริย์เสร็จ ท่านจึงเสด็จไปดาวดึงส์ ด้วยอานุภาพของพระองค์ ไปจำพรรษาอยู่ดาวดึงส์ ในพรรษานั้นท่านก็เทศนาโปรดพระมารดา ที่ดาวดึงส์นั้นด้วยไข่ตุ๋นซาบซึ้งพระพุทธเจ้ามากมาย เก็บหนังสไปเดอร์แมนเข้าลิ้นชัก บอกคำชื่นขำๆ ว่า เอาเข้าลิ้นชักก่อน สไปเดอร์แมนตัวนี้ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ เป็นแค่ปาหี่ แหะ แหะ

จบบริบูรณ์

จากหนังสือธรรมะเอกเขนก (ขวัญ เพียงหทัย)



หมายเลขบันทึก: 128710เขียนเมื่อ 16 กันยายน 2007 11:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท