การที่เกษตรกรเราทำเกษตรกรรมกันมานั้น....เรามักไม่ได้ทำครบเครื่องครบวงจร อาจจะเป็นผลมาจาก....การเรียนรู้ที่ไม่ได้ให้กันมาแต่เดิม แต่เพิ่งจะเข้ามากับหน่วยงาน เช่น กรมพัฒนาชุมชน หรือกรมส่งเสริมการเกษตร พัฒนาเกษตรกรให้ผลิตผลทางการเกษตรนำไปสู่การแปรรูป.....การพัฒนาผลิตภัณฑ์ สู่การตลาดในชุมชน ระหว่างชุมชน และตลาดภายนอกทั่วไป
จากความที่ไม่เคยคิดเรื่องการทำตลาดมาก่อน ก็จะทำให้เกษตรกรไม่มีความรู้เรื่องต่าง ๆ ที่ควรจะมี เช่น การชั่งตวงวัด หรือ การค้าขาย การบรรจุภัณฑ์ หรือการขนส่งอย่างไร?....ล้วนเป็นปัญหามากสำหรับเกษตรกร ......
เมื่อเกษตรกรไม่มีความรู้เหล่านี้ ผลที่ออกมาคือ การบริหารการจัดการตลาดก็จะตกอยู่ในมือของพ่อค้า คนกลางที่มีความรู้เหล่านี้อยู่แล้ว...
ถ้าเกษตรกรจะต้องเป็นได้แค่แรงงานผลิต ผลผลิตเกษตรราคาถูก ก็ไม่ต้องทำเพื่อไปแข่งกันใคร หรอก ทำไปก็เจ๊งสถานเดียว สู้เขาไม่ได้หรอก.......
แล้วอย่างไร ถึงเป็นการทำธุรกิจชุมชน แบบเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน ก็ทำอย่างที่น้าเลี่ยมทำไหง? ...... ปลูกข้าวหอมมะลิแดง และขาวเอาไว้ คนในบ้านกินปี ละ 3 ไร่ เหลืออีก 7 ไร่ ก็สีข้าวด้วยครกสีมือ (เป็นข้าวกล้อง) แล้วพันธมิตรที่ต้องการมาขอซื้อข้าวกล้องไว้กิน คือ ขายไปในราคามิตรภาพ อีก 7 ไร่ นี่ครับเป็นธุรกิจชุมชน แบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงชุมชน.......ครับผม
ไม่มีความเห็น