Optimal health


การมีสุขภาพที่ดีที่สุด

สุขภาพที่ดีที่สุด (Optimal health)

ในหนังสือสุขศึกษา การมีสุขภาพที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ เช่น การกินอาหารครบห้าหมู่ พักผ่อนอย่างเพียงพอ การกำลังกายสม่ำเสมอ และการมีจิตใจแจ่มใส สำหรับ ความคิดของผู้เขียนแล้ว มีดังนี้ การมีสุขภาพที่ดีที่สุด (Optimal health) ขึ้นอยู่กับหลักการ 4 ประการ ได้แก่  ก.โภชนาการที่สมดุล ข.ออกกำลังกายทุกวัน ค.การพักผ่อนทางกายและทางใจ และ ง.การสร้างทัศนคติเชิงบวก  ก. โภชนาการที่สมดุลครอบคลุมไปถึง 1.รับประทานอาหารหลากหลายกลุ่ม 2.รักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ 3.เลือกอาหารที่ไขมันและคอเลสเตอรอลต่ำ มีไขมันอิ่มตัวน้อย 4.รับประทานน้ำตาลพอประมาณ 5.หากดื่มแอลกอฮอล์ ควรจำกัดปริมาณให้เหมาะสม 6.รับประทานเกลือเพียงเล็กน้อย และเลือกอาหารที่มีโซเดียมต่ำ 7.รับประทานผักผลไม้สด และธัญพืช เมื่อเลือกซื้อผักและผลไม้ ให้นึกถึงสีของสายรุ้ง  ข. ออกกำลังกายทุกวันนั้น ควรใช้แรงปานกลางอย่างน้อยที่สุด 30 นาทีทุกวัน โดยแบ่งเวลาออกเป็น 3 ช่วงๆ ละ 10 นาที เช่น จูงสุนัขไปเดินเล่น ทำงานบ้านเบาๆ หรือ เดินย่อยหลังอาหารกลางวัน ทั้งนี้เพื่อ 1. การบริหารหลอดเลือดและหัวใจ 2. การฝึกแรงต้านของอวัยวะส่วนต่างๆ เช่น การเหยียดร่างกาย เพื่อคงความคล่องตัวตลอดชีวิต เป็นต้น  ค. การพักผ่อน หมายรวมถึง การพักผ่อนทางร่างกาย เช่น การนอนหลับ และการผ่อนคลายทางใจ เช่น การหาช่วงพักระยะสั้นจากภารกิจที่ยุ่งเหยิงประจำวัน การพักผ่อนทางใจเกิดขึ้นเมื่อมีอิสรภาพจากสิ่งใดก็ตาม ที่เราสามารถทำให้จิตใจผ่อนคลายได้ หากจิตใจได้รับการพักผ่อนหรือผ่อนคลาย ความคิดก็จะสงบ เยือกเย็นลง เช่น ดนตรี การอาบน้ำอุ่น การทำสมาธิ การอ่านหนังสือ การเดิน และการนั่งเงียบๆ  ง. การมีทัศนคติทางบวกจำเป็นยิ่งต่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดี แต่การมีทัศนคติที่ดีไม่ได้หมายความว่าคุณต้องมีรอยยิ้มตลอดเวลาเพียงแต่คุณควรปรับตัวให้รับมือกับความผิดหวังและรู้จักสร้างความสนุกในชีวิตอย่างเหมาะสม ทั้งยังต้องมีจิตใจสงบและพึงพอใจว่าคุณกำลังทำในสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ การแสดงออกถึงการมีจิตใจในทางบวกจะช่วยให้คุณสามารถประเมินอดีต ยินดีกับปัจจุบัน และวางแผนสำหรับอนาคต   ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การมีทัศนคติทางบวก คุณจะต้องตระหนักว่า
บางครั้งชีวิตก็ต้องเผชิญสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เปรียบเสมือนมีเส้นทางหลายๆ เส้นกีดขวางหรือการจราจรที่แออัด ซึ่งคุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เราควบคุมปฏิกิริยาของเราต่อสิ่งเหล่านั้นได้ เรียบเรียงจาก http://www.nutrilite.co.th/nutrilite/whysupplement/1_1_2.jsp  Krujoe…bk
 
หมายเลขบันทึก: 127178เขียนเมื่อ 11 กันยายน 2007 19:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2012 16:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

 

       มีคำกล่าวว่า  "ชีวิตคนเราเหมือนการขี่จักรยาน  ถ้าจะให้ทรงตัวอยู่ได้ต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา"

วันนี้ ได้แรงบันดาลใจอย่างแรงกล้า จากหัวหน้ากลุ่มสาระฯ ในการเดินขึ้นเขาหลวง จ.สุโขทัย ไปกับ คณะนักเรียนฯที่จะไปเข้าค่ายวิทยาศาสตร์ ในช่วงวันที่ 9-10-11 มค 2551 เนื่องจากว่า ทางวิทยากรที่เขาหลวง ย้ำชัดเจนว่า ต้องมีคุณครูขึ้นไปพิชิตเขาหลวงพร้อมกับ นักเรียน ด้วย จึงรับปากแล้วว่า ยินดีไปด้วยกับนักเรียน จึงจำเป็นต้อง ตรวจสุขภาพ ฟิตร่างกาย เพื่อเตรียมพิชิตเขาหลวง ซึ่งยังมีเวลาเพียง 2 เดือน เลยมีความตั้งใจทันทีว่า จะต้อง ฟิตร่างกาย ให้ได้ก่อนสิ้นปี2550 (แหม...ตอนนี้ รอบเอวก็เกือบจะ 40 นิ้ว, น้ำหนักก็กว่า 75 กิโลกรัม แล้วจะต้อง ฟิตหนักหน่อยนะเนี่ย...

แต่ด้วยแรงบันดาลใจส่วนตัวอันสูงสุด คือ จะต้องรับใบประกาศ ผู้พิชิตยอดเขาหลวงให้ได้ โอเค ก็แปลว่า ตกลง ซินะครับ ....ขอช่วยส่งกำลังใจ ไปให้ด้วยนะครับ .....จาก Ksomchai

ขอโทษด้วยครับที่ห่างหายหน้าไปเกือบ๒ปีเต็ม วันนี้๒๙ ตค.๕๒ได้รับความไว้วางใจจากเพือนครูที่โรงเรียนให้ช่วยรับภาระงานของโรงเรียน เนื่องจากไปพักรักษาตัวมาเกือบ๒ปีด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบตันแต่ก็ยังไม่ปกติดีเท่าใดนักครับฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้เพียง๔๐%นอนป่วยเป็นอัมพฤกษ์ซีกซ้ายครึ่งตัว จะถือว่าเป็นความโชคดีที่ไม่ถึงกับเส้นเลือดแตก ซึ่งคุณหมอพูดให้กำลังใจในช่วงปีแรกๆที่นอนป่วยหมอพูดว่านี่ยังดีนะที่เพียงตีบตันหากเส้นเลือดสมองแตกคงไม่ได้มีโอกาสมานั่งคุยได้หรอกคงไม่ฟื้นแน่ๆเลยเกือบได้นอนยาวๆๆๆๆแบบหายไปจากโลกใบนี้เลยนะเอง แต่ผมกลับได้อะไรๆมากมายกว่าเดิมได้รู้ว่า การทุ่มเทกับงานโดยไม่ห่วงสุขภาพเลยนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งต้องรักษาสมดุลเวลาให้กับร่างกายด้วยนะครับวันหน้าจะเอาข้อมูลมาฝากนะครับวันนี้ทักทายเท่านี้ก่อนนะครับ

ต้องขอขอบคุณครูสุนันท์มากครับที่ติดตามมาอ่าน แต่ผมเพิ่งจะได้กลับเข้ามาหลังจากห่างหายไปกว่า๒ปีเพราะสุขภาพกายที่ไม่สนองตอบกับการสั่งงานของสมองตอนนี้กำลังมีความหวังกลับคืนมาบ้างแล้วครับเพราะเริ่มที่จะใช้สมองได้บ้างแล้วครับ และคราวนี้มีคำยืนยันสาบานต่อตัวผมเองแล้วว่าจะไม่ไปบั่นทอนสุขภาพอีกต่อไปแล้วครับรบกวนครูสุนันท์ช่วยเป็นกำลังใจและคอยตักเตือนผมด้วยนะครับเมื่หากเห็นว่าผมเรื่มไม่รักษสุขภาพ ยินดีเ้ป็นอย่างยิ่งครับที่จะมีผู้คอยช่วยตักเตือน

ซึ้งมากๆแล้วในความหมายคำว่า" เพื่อน" ก้อเมือตอนที่ล้มป่วยในปี๒๕๕๑

เพิ่งจะได้คำตอบไอ้คำว่า เพื่อนสนิทเมื่อได้อ่านข่าาวของคุณ ลินดา ค้าธัญเจริญจากblog OKNATION.NET

จากแหล่งเวบนี้http://www.oknation.net/blog/print.php?id=286703

เลยได้ข้อคิดเปรียบเทียบว่าเพื่อนสนิทของคุณลินดา คือเพื่อนแท้จริงๆ จะไม่ทอดทิ้งยามที่เพื่อนล้มป่วย

แต่เพื่อนสนิทของผมไม่ใช่เพื่อนแท้ มันเป็นเพียงเพื่อนเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น เพราะตอนนี้ผมล้มป่วยและไม่มีประโยชน์ต่อมัน มันเลยไม่เห็นประโยชน์แล้ว แต่มันกลับเป็นคนทำร้ายจิตใจผมแทนมันเคยใช้คำถามแบบไม่ต้องการคำตอบเห่าแบบหมาเห่าใบตองแห้งลอยๆ ไปว่า ..ทำไมผมจะต้องทำกายภาพในเวลาราชการด้วยละ(ผมไม่เชื่อว่าระดับอย่างมันที่จะไม่รู้คำตอบว่าทำไมต้องไปทำกายภาพ....ในที่ทำงานด้วยกันไม่ค่อยมีคนสนใจฟังมันเห่าเท่าใดนัก ผมว่าคนอื่นเขาเข้าใจนะว่าทำไมผมจะต้องไปทำกายภาพในเวลาราชการ.และแล้วมันก็พยายามไปเห่าแถวใกล้ๆบ้านผมอีกนะว่าทำไมทำไมผมจะต้องทำกายภาพแต่ผมโชคร้ายที่คนรับฟังคนนั้นเขานำไปเล่าให้ผมได้ยินกลายเป็นว่า ผทกลับเครียดยิ่งขึ้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าความเครียดเป็นอันตรายต่อตัวผมมาก ก็พยายามปล่อยวาง พยายามฟังธรรมมะมากขึ้นซ้ำๆ ขึ้นจนคิดว่าตอนนี้น่าจะซึ้งในรสพระธรรมและซึ้งคำว่า ..เพื่อน.. แล้วยิ่งปัจจุบันผมได้เพื่อนแท้เพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าก่อนล้มป่วยอีกกนะ เพราะว่าหลังจากปล่อยวางได้ว่า.. ทุกๆคนบนโลกนี่ล้วนแต่มีกรรมเป็นของตัวตนเองและเมื่อใดที่เราอโหสิกรรม ปล่อยวางได้เราก็จะได้มีโอกาสช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากต่อไปในภายภาคหน้าต่อไป ..และด้วยความหวังที่จะต้องมีโอกาสช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากต่อไปในภายภาคหน้ายิ่งเป็นแรงบันดาลใจมากยิ่งขึ้นที่จำต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงที่ดีที่สุดกับวัย๕๐กว่าๆโ้ดยการจะต้องไม่ทำร้ายสุขภาพของตนเอง(เลิกอบายมุข)ทุกประการและต้องสร้างทัศนคติทางบวให้มากยิ่งขึ้นเพื่อโลกที่น่าใบนี้ของมนุษย์เราทุกคนครับ

มาอีกแล้วครับมาติดต่อกันจากวานนี้(๒๔ ตค๕๓) หลังจากที่ได้ปลดปล่อยความรู้สึกเกี่ยวกับคำว่า ไอ้เพื่อน(เคย)สนิทมาจนหมดจนสิ้นแล้ว กลับมีความหวังใหม่ในการอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง ให้ได้เห็นโอกาสลดทอนกรรมส่วนตัวลงบ้างได้ด้วยการไปให้การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่เขายังประสบความตกทุกขตกยากลำบาก เฉกเช่นในช่วงนี้(๒๕ตค๕๓) ยิ่งได้

รับฟังข่าวน้ำท่วมจ.ชัยภูมิ จ นครราชสีมา จ ลพบุรี นี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ลดทอนกรรมส่วนตัวลงได้ด้วยการไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่เกิดการขาดแคลนอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ได้ด้วยการให้การบริจาคช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก ซึ่งก็จะมีเพียงช่วงนี้แหละไม่ต้องรอโอกาสไหนแล้วละ และส่วนครอบครัวผมและผมเองก็เดินทางไม่สะดวกเลยต้องอาศัยการบริจาคเงินผ่านช่อง ๓ แทนเพราะดูแล้วเห็นมีก็เพียงช่อง๓เท่านั้นที่เข้าถึงประชาชนจริง ๆโดยเฉพาะ คุณฐาปนีย์ เอียดศรีชัย ผู้รายงานข่าวช่อง๓ซึ่งผมให้ความรู้สึกที่ดีมากๆต่อเธอที่ไม่ย่อท้อ บ่ยั้นต่อการทำหน้าที่เข้าถึงประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมได้ดีกว่า สส.ผู้ทรงเกียรติบางองค์บางท่านซะอืกนะเช่นวานนี้๒๔ ตค๕๓ คุญฐาปนีย์ แม้นจะป่วยเพราะโดนน้ำท่วมกัดจนเป็นโรคน้ำกัดเท้าก็ยังพยายามหาหนทางรายงานข่าวประชาชนอย่างทั่วถึงดวยการนั่งรายงานข่าวบนเรือช่วยเหลือภัยน้ำท่วม อย่างนี้สิที่จะต้องยกนิ้วหัวแม่มือให้สักล้านๆ ครั้งนะครับคุณฐาปนีย์ เอียดศรีชัย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท