โดยเฉพาะลูกหลานที่ไปทำงานมีรายได้เป็นรายเดือนนั้น จะถูกนับได้ว่า “มีฐานะ” มากกว่าเกษตรกรทั่วไป ที่ต้อง “แสดง” “น้ำใจ” ให้คนอื่นเห็นตาม “ฐานะ” ที่สมมติว่าสูง ที่ต้องจ่ายตามนั้น
เช่นเดียวกับ การได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน หรือ อบต. ก็ต้องจ่าย “ใส่ซอง” ในงานต่างๆ มากกว่าชาวบ้านทั่วไป มิเช่นนั้น ก็จะถือว่า ไม่รักษาหน้า ไม่รักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง “ตามสมควร” ตามความคาดหวัง ของสังคม
นี่คือที่มาของความจำเป็นที่จะต้องดิ้นรน และวิ่งเข้าหาจุดที่มีกับดัก อยู่มากมายในระบบ “ธุรกิจ” ของสังคมไทย ที่ถือว่าเป็นเรื่อง “ชอบธรรม”
เพราะ เขาถือว่าเป็นการบริการ การช่วยเหลือกันในภาวะทุกข์ยาก
โดยหารู้ไม่ว่า การทำดังกล่าว แม้จะดูเผินๆเป็นการช่วยกัน แต่ในแนวลึกแล้ว
เป็นการสร้างนิสัยการใช้เงิน และทรัพย์สินเกินความสามารถของตนเอง ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
แต่กว่าจะรู้ตัวก็ถลำเข้าไปติดกับ หาทางออกยาก และในระบบดังกล่าว
เมื่อดูไป ก็จะเหมือนตาข่ายดักปลา ที่เมื่อปลาติดแล้ว ยิ่งดิ้นหาที่พึ่งในภาวะติดตาข่ายนั้น มีแต่จะยิ่งติดหลายช่องมากขึ้นเรื่อยๆ มัดตัวจนในที่สุดก็หมดแรงดิ้นไปเอง
เพราะในปัจจัยแวดล้อมนั้นจะไม่มีระบบธุรกิจใดที่หวังดียอมเสียผลประโยชน์เพื่อช่วยคนที่ทีปัญหา มีแต่ทำแล้วดูเหมือนช่วยแต่ในที่สุดก็ทำเพื่อผลประโยชน์เชิงธุรกิจ ที่ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ที่ผมเปรียบเสมือนการที่ปลาดิ้นไปติดตาข่ายอีกช่องหนึ่งนั่นเอง กรณีนี้นักธุรกิจทางการเงินที่ตาเห็นธรรม คงจะสนับสนุนผมได้ดี
ระบบปัญหาของกับดักนี้ แต่เดิมจะอยู่ในกลุ่มข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ โดยการชักชวนให้ทำบัตรเครดิต ที่บอกว่าเป็นการอำนวยความสะดวกในการไม่ต้องพกเงิน ซึ่งก็น่าจะเป็นจริงตามนั้น
แต่ในทางปฏิบัติ การไม่พกเงินจะทำให้ลืมไปว่าจริงๆแล้วมีเงินอยู่เท่าไหร่ และเป็นทางนำไปสู้การใช้เงินเกินตัว เพราะในขณะใช้นั้น ยังไม่ต้องจ่ายเงิน เลยทำให้ดูเสมือนว่ายังมีเงิน ความคิดที่ว่ายังมีเงินนี่แหละที่ทำให้คนจ่ายเงินเกินตัว
พอใช้ไปสักพักก็จะเริ่มติดลบโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเจ้าของบัตรก็ยินดี เพราะจะได้ดอกเบี้ยจากการติดลบ
เพราะในความเป็นจริงธนาคารคงไม่ได้กำไรมากถ้าทุกคนใช้เงินแบบระมัดระวัง ไม่ปล่อยให้มีการติดลบในบัตร
จึงเป็นที่มาของระบบปากว่า ตาขยิบ เพื่อผลประโยชน์ในทางธุรกิจที่ทำในกลุ่มมนุษย์เงินเดือน
ซึ่งมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ที่ใจอ่อนตามคำของเจ้าหน้าที่ที่มาชักชวน ก็จะมีโอกาสเข้าไปในระบบจนอาจติดกับดักนี้ได้
ในกลุ่มผู้มีทรัพย์สิน ก็จะมีกับดักระบบคิดว่าตัวเองมีทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงเป็นแสน เป็นล้าน จะมาทนดักดานอยู่อย่างนี้ได้อย่างไร ถ้าเรายืมเงิน(คิดว่าเป็นของเรา)มาทำธุรกิจก็น่าจะเป็นช่องทางที่ดี หรือยืมมาใช้บ้าง แล้ววันหลังค่อยหาคืน น่าจะได้อยู่
นี่ก็เป็นกับดักทางเศรษฐกิจเพื่อรักษาฐานะทางสังคม ตามความเชื่อของตนเอง แต่ส่วนใหญ่กับดักนี้จะนำไปสู่การสูญเสียที่ดิน ดังได้กล่าวไว้แล้ว ในบทความก่อนๆ เรื่องการสูญเสียที่ดินจากการจำนองในกลุ่มผู้มีทรัพย์สินค้ำประกัน
สำหรับในกลุ่มที่ไม่มีทรัพย์สินก็อย่าคิดว่าไม่มีกับดักนะครับ ในช่องนี้จะมีการให้กู้ดอกเบี้ยสูงที่เก็บคืนเป็นรายวัน ที่ต้องเสียดอกอย่างน้อยร้อยละ ๑๐ ต่อเดือน
แต่ถ้าประวัติการผ่อนไม่ดีอาจหากู้ยาก และเสียดอกสูงถึงร้อยละ ๒๐ ต่อเดือน
ซึ่งเป็นกับดักที่เสี่ยงต่อผู้ให้กู้ แต่ก็จะมีระบบทางสังคมเป็นตัวค้ำประกัน ทั้งในเชิงระบบการทำมาหากิน ที่ต้องอยู่ตรงนั้น หรือระบบไม่รับรองความปลอดภัย ถ้าเบี้ยวหนี้ขึ้นมา
นั่นก็เป็นกับดักเงินกู้ดอกเบี้ยสูงใน กลุ่มไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ที่กล่าวมานั้นเกี่ยวอะไรกับความยากจนภาคเกษตรกรรม
ที่เกี่ยวของก็คือ
ความคาดหวังของครอบครัวเกษตรกรที่ส่งลูกไปเรียน หรือไปทำงานในเมือง ก็คาดหวังว่าจะได้เป็นที่พึ่งกับคนอื่นๆ ในครอบครัว ในตระกูล หรือในชุมชนที่ตัวเองเคยอยู่ ความคาดหวังนี้มีตั้งแต่
บางทีก็บวช ๓ วัน ๗ วัน แล้วคนที่บวชก็ต้องรีบสึกมาช่วย
กันเก็บของที่ยืมมาส่งเขา
ซึ่งเป็นตลกร้ายที่ผมเคยได้ยินมาบ่อยๆ
นอกจากนี้ ก็ยังมีความคาดหวังในการ
ความสูญเสียจากกับดักเหล่านี้ ยังมาจาก
การบริโภค และใช้สิ่งเสพติด การพนัน เป็นสัญญลักษณ์ของการฉลอง และรักษา “ฐานะ” ทางสังคมของตนเอง
นอกจากนี้ในระบบสังคมไทย ยังนิยมใช้เครื่องอำนวยความสะดวก รถ โทรศัพท์มือถือ ของใช้ในบ้านเป็นการแสดงถึงฐานะทางสังคม
ที่ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายมากเกินความจำเป็น และพอไม่มีก็เข้าสู่ระบบกับดักดังกล่าวข้างต้น
ทำอย่างไรดีครับ
ทำอย่างไรดีครับ
สวัสดีครับท่านอาจารย์ ดร.แสวง ที่เคารพ
ครูวุฒิครับ
วันก่อนผมไม่ไปดูน้ำในนาผม ๒ วัน คันกว้าง ๔ เมตรยังขาด
เข้าใจว่าปูเจาะตามรูน้ำซึม พอน้ำไหลผ่านนานๆ ก็เลยพังกว้างเกือบเมตร
เราคงจะใช้หลักการเดียวกันนั้
ตอนนี้เราต้องการปูที่รู้ที่เจาะรู แล้วคักั้นก็จะพังเองครับ
นี่คือความฝันของผมครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ในปัจจุบันเรื่องของปัญหากับดักทางเศรษฐกิจมีอยู่เกือบจะทุกท้องถิ่น
หนูคิดว่า สถานที่การศึกษาน่าจะมีส่วนช่วยได้บ้าง ครู อาจารย์ สามารถที่จะบูรณาการในการสอนชีวิตและความเป็นอยู่เพื่อที่จะกระตุ้นให้นักเรียนศึกษาตระหนักถึงความถูกต้องในการดำรงค์ชีวิต
สวัสดีครับท่านอาจารย์
ลองดูเรื่องเล่าเป็นกรณีศึกษา
อีกเรื่องหนึ่ง
สวัสดีครับ
ผมว่าการมีเครดิต กับการเอาเงินนอนาคตมาใช้ มันเป็นคนละเรื่องเดียวกันนะครับ
หันมามองเชิงงานที่ใช้เงินระดับชาติ
ตอนนี้กำลังเป็น "ฤดูการประชุม" ที่ข้าราชการทุกคนทราบดีว่าทำไม
แล้วจะให้ใครดูตัวอย่างจากที่ไหนครับ......เหนื่อย
อาจารย์ครับ
กิ้งกือยังตกท่อเลยครับ
จึงอยู่ที่ตัวเรานี่แหละครับ
ไปวิ่งตามคนอื่น ตายทั้งปี
เพราะ เราจะมองสังคมเป็นหนึ่ง แต่ไม่จริงครับ
สังคมเขาวิ่งผลัด (หลายคน) แล้วเราไปแข่งกับเขา แบบบุกเดี่ยว
ตายทั้งปีครับ
นี่คืออีกมุมหนึ่งของความซับซ้อนของระบบกับดัก ครับ