เคยตาย


เวลาไปงานศพ เมื่อนั่งอยู่ต่อหน้าผู้เสียชีวิต ก็จะนึกถามเขาว่า เป็นอย่างไรบ้างคะ ตอนตาย แล้วตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง แต่ก็เป็นคำถามที่ไม่เคยได้คำตอบจากใครเลย

  ทำไม ทั้งๆที่เราก็เคยตายกันมาหลายภพชาติแล้ว แต่พอถามตัวเองว่าตายเป็นอย่างไร ก็อธิบายไม่ได้สักที ขณะจิตแยกออกจากกาย เรารู้สึกอย่างไร คิดอย่างไรจึงได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อยู่จนทุกวันนี้ ซึ่งผู้รู้ได้บอกว่า เป็นอัตภาพที่เยี่ยมที่สุด เพราะแต่ละวัน สามารถ แก้ไข ตัวตนได้ตลอดเวลา วันนี้อยากเป็นเทวดาก็ได้ อยากเป็นมารร้ายก็ได้ หรือเมื่อวานคิดชั่ว ทำตัวเลว วันนี้ กลับตัวเป็นคนดีก็ได้ เมื่อก่อนไม่เคยสนใจปฏิบัติธรรม วันนี้ จะปฏิบัติธรรมก็ได้อีก ตราบใดที่ลมหายใจยังอยู่ และมีบุญวาสนาที่จะได้รับรู้ คำสั่งสอนทีดี และถูกต้อง ก็สามารถทำให้เรากลับกลายผันเปลี่ยนตัวตน ได้อย่างน่าทึ่ง

    ในส่วนตัวของผู้เขียน ก็เป็นคนหนึ่งที่มีความสงสัยในความตายตลอดมา เวลาไปงานศพ เมื่อนั่งอยู่ต่อหน้าผู้เสียชีวิต ก็จะนึกถามเขาว่า เป็นอย่างไรบ้างคะ ตอนตาย แล้วตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง แต่ก็เป็นคำถามที่ไม่เคยได้คำตอบจากใครเลย เมื่อทำงานใหม่ๆ เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย มีน่าที่พิเศษแทนแพทย์คือการต้องไปพลิกศพ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนั้นก็กลัวเหมือนกัน กลัวคนตาย กลัวที่จะพูดกันไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวเวลาเป็นผีมาหลอกเรา แล้วพูดไม่รู้เรื่อง ก็จะใช้วิธีการของตัวเอง คือจะต้องสัมผัสทุกศพ และแผ่เมตตาไม่มีอะไรต่อกันนะ จากนั้น ความกลัวจึงหายไป

     ต่อไปนี้จะเล่าถึงประสบการณ์เคยตายของตัวเอง แค่เป็นการเคยตายในความฝัน อาจเป็นเพราะความกังวลสงสัย ในความตายบ่อยๆกระมัง มันจึงฝังความอยากรู้ไว้ใต้จิตสำนึก แล้ววันหนึ่งก็แสดงให้ดูในความฝัน สมัยนั้นไปเรียนวิชาชีพนี้ ที่จังหวัดลำปาง ลงจากปฏิบัติงานเวรดึก หลังกินข้าว อาบน้ำเสร็จ ก็หลับพักผ่อนเลย คงจะเหนื่อยมาก เลยทำให้หลับสนิทอย่างรวดเร็ว แล้วก็เริ่มฝัน เห็นตัวนั่งอยู่บนเครื่องบิน ที่บินสูงมากแล้ว จากนั้นอยู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น มันดังขนาด แก้วหูดังเปรี๊ยะ แล้วดับไป ขณะนั้นสำนึกที่รู้คือเครื่องบินตก เราคงต้องเสียชีวิต ความกลัวจับใจ และไขว่คว้า สุดท้ายได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง เจ็บปวด ทรมาน เจ็บเข้าไปถึงใจ เสียงระเบิดยังดัง ช่วยตัวเองไม่ได้ ทุรนทุราย เรากำลังจะตาย คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ ยังไม่อยากตาย ยังไม่ได้รำลากันเลย แต่เหมือนเสียงประกาสิต ที่ดังอยู่ในใจ ไม่ได้ ความเจ็บปวดทรมานสุดแสน จิตสั่งให้ทิ้งร่างเสีย ทิ้งเสีย ในที่สุด เราก็ยอม ยอมตาย เห็นตัวเองหลุดออกมาจากร่างที่เเละเทะ แต่ความรู้สึกตอนนี้กลับเบาสบาย หายทุกทรมาน แล้วเราก็สะดุ้งตื่น เหงื่อท่วมตัว หูยังดับไม่หาย ต่อมาผู้เขียนจะเป็นคนกลัวความสูง กลัวการขึ้นเครื่องบิน และแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ จนถึงทุกวันนี้ ถ้าในความฝันมีเครื่องบิน สักประเดี๋ยวเครื่องบินนั้นก็จะต้องตกต่อหน้าทุกครั้งไป

  มันเป็นความฝันก็จริง แต่จดจำทุกสภาวะได้ชัดเจน และทุกความรู้สึก และคิดว่าก่อนตาย น่าจะยังมีอีกช่วงวินาที ที่จะทำให้เรามีสติพอจะคิดถึงสิ่งสุดท้ายได้ เรามาซ้อมๆ คิดกันก่อนตายกันบ้างก็ดีนะ  ขอบคุณค่ะ

หมายเลขบันทึก: 125868เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2007 08:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2012 15:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)
ในเรื่องประสบการณ์เฉียดตายก็ยังไม่เคยมีมาก่อนแต่เข้าใจว่าคงคล้ายๆกับที่คุณเล่าให้ฟังเพราะจิตยังผูกพันอยู่กับร่างของตนโดยยึดเป็นเจ้าของเมื่อจะจากไปก็ไม่อยากออกจากร่างง่ายๆ แต่เห็นด้วยกับคุณนะคะว่าผลบุญที่เราทำไว้หรือบุญใหม่ที่ทำในชาตินี้มีส่วนช่วยให้เรานิ่งมีความสงบเมื่อต้องจากร่างที่คิดว่าจิตเป็นเจ้าของร่างนี้ไป

สวัสดีค่ะคุณdao

  คิดเหมือนกันค่ะ แล้วในความฝันนั้น ก็ละเอียดละออ จำได้ทุกความรู้สึกเลยค่ะ ถ้ามีการเตรียมตัวบ้าง ก็จะเป็นโชคดีสำหรับเรา อยู่ที่ว่าจะเริ่มกันได้หรือยังค่ะ ขอบคุณค่ะ

ไม่แน่ใจว่าคุณตันติราพันธ์ เคยอ่านหนังสือแปลเรื่อง "เราจะข้ามกาลเวลามาพบกัน" หรือเปล่า เป็นหนังสือที่เขียนโดยแพทย์ทางจิตวิทยาของต่างประเทศ ( จำชื่อเรื่องภาษาอังกฤษไม่ได้ ) เป็นเรื่องที่เขียนจากการรักษาคนไข้ด้วยวิธีคลินนิค ( ไม่แน่ใจว่าเป็นการสะกดจิตหรือเปล่า ) ซึ่งทำให้รู้ชาติภพของคนไข้ ซึ่งบางเหตุการณ์ของชาติภพต่างๆส่งผลมาถึงการใช้ชีวิตในชาติภพปัจจุบัน เช่น ความกลัวต่อสิ่งต่างๆที่ไม่มีสาเหตุ ในหนังสือเขาไว้ตอนหนึ่งว่า

ความสัมพันธ์ของคนในภพปัจจุบัน แท้จริงแล้วชาติภพที่แล้วก็เคยเกิดมาร่วมกัน ไม่ว่าจะด้วยฐานะใดๆ พ่อ แม่ ลูก เพื่อน คนรัก คนรู้จัก เมื่อตายแล้วเกิดใหม่ ความสัมพันธ์ยังคงอยู่ ดวงวิญญาณยังคงเป็นดวงเดิม แต่ร่างกายเปลี่ยนไป ( เมื่อเกิดใหม่ ) เราจะสัมผัสได้ว่าเคยรู้สึกว่าเจอกันมาก่อนหรือเปล่า โดยการสัมผัสทางแววตา แววตาของคนที่มาเกิดใหม่ยังคงเป็นแววตาคู่เดิม

( อันนี้ไม่ได้ยกคำพูดในหนังสือมานะคะ แต่อ่านแล้วจับใจความได้ว่าเป็นอย่างนี้ค่ะ )

สวัสดีค่ะ

  คุณChabu คะ  เคยอ่านเหมือนกัน และก็มีประสบการณ์หลายๆอย่างในชีวิต ที่รู้สึกแปลกใจ แต่ไม่กล้าสรุป โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับบุคคล มันเหมือนความจำเราขาดตอน ลืมไป และจำได้บางส่วน ไม่ประติดประต่อ ไม่กล้าทึกทัก ได้แต่คิดอยู่คนเดียว เหมือนดิฉันกับคุณก็เหมือนกัน รู้สึกเป็นเพื่อน ค้นเคย ดีใจตั้งแต่ได้เข้ามาต่อกระทู้กัน ก็ไม่ทราบว่ารู้สึกไปคนเดียวหรือเปล่า และบางครั้งจะรู้สึกว่าคนนี้ พูดเล่นแบบนี้ได้ บางคนรู้สึกเคารพ บางคนก็ไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย เคยมีความรู้สึกอย่างนี้ไหมคะ และทุกเช้าก็จะมีเรื่องผุดขึ้นมาให้เขียนโดยไม่ได้เตรียมไว้ก่อนด้วยค่ะ ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน

รู้สึกเช่นกันค่ะ แล้วก็ดีใจที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณตันติราพันธ์ ได้ทราบมาจากการอ่านและการสนทนาธรรมกับหลายท่าน ที่กล่าวว่าการเข้ามาเกี่ยวข้องกันของผู้คนในชาตินี้คือการที่เคยสร้างเหตุในภพอื่นๆให้ได้มาพบ มาสร้างทุกข์ สร้างสุขให้แก่กัน ดังนั้นเราจึงควรตั้งมั่นในการทำความดี เพื่อสร้างเหตุที่ดีๆไว้เป็นเชื้อในภพต่อๆไป

.....คิดว่าก่อนตาย น่าจะยังมีอีกช่วงวินาที ที่จะทำให้เรามีสติพอจะคิดถึงสิ่งสุดท้ายได้.....

ทางพุทธศาสนาจึงเน้นเรื่องการเจริญสติ และการมีมรณานุสติ การฝึกฝนจิตอยู่เสมอจะทำให้สามารถมีสติที่จะคิดถึงความดี ไม่สับสน ว้าวุ่น หรือไปคิดถึงความชั่วที่เคยทำไว้ จิตก่อนตายนั้นท่านว่าสำคัญมาก เราจึงมักได้ยิน หรือเคยอ่านว่าเขาจะนำดอกไม้ใส่มือผู้ใกล้วายชนม์ แล้วบอกให้นึกถึงพระอรหันต์ จิตที่ไม่เคยเจริญมรณานุสติเลย ก็จะมีความหวาดกลัว เพราะไม่ทราบว่าจะเผชิญกับอะไร เรียกว่า"หลงตาย" คงจะยากที่มีความสงบก่อนสิ้นลมนะคะ

 

สวัสดีค่ะ

 ขอบคุณมากค่ะ ที่กรุณามาร่วมให้ข้อคิดเห็น เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้เคยฝึก แต่ยากมากกับผู้ไม่เคยรู้ ช่วยกันเผยแพร่ ก็จะเป็นช่องทางให้ผู้ไม่รู้ ได้มีโอกาสรู้ค่ะ อนุโมทนาบุญค่ะ 

               สวัสดีน้องหมอ

  • วันนี้มาค่อนข้างดึก
  • ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากจิต(จิตใต้สมนึก) ความรักความผูกพันธ์ ความห่วงกังวล ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเชื่อมโยงกันได้ ทุกภพทุกชาติ ถ้าคนๆนั้นให้ความสำคัญกับมัน(เรื่องนั้นๆ)
  • เหมือนคนที่ไม่เชื่อในสิ่งนั้นๆไ.......................ก็จะไม่มีวันถูกหวย
  •  ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากความเชื่อและความศรัทธา
  • ไม่ทราบอ.ขจิต...หายไปไหน
  • ขอบคุณมาก
  • สวัสดีครับคุณตันติราพันธ์
  • ความฝันครั้งอาจเกิดจากจิตใต้สำนึกที่กลัวความสูง โดยเฉพาะบนเครื่องบิน
  • หรือไม่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องการบอกเหตุการณ์ล่วงหน้า หรือไม่ก็เตือนให้ระมัดระวัง
  • การฝันที่ชัดเจน เหมือนกับเกิดขึ้นจริง อาจเป็นเพราะจิตและกายมีความสัมพันธ์ถึงจุดที่นิมิตเกิด โดยจะเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง แต่ถ้า
  • คนที่นั่งสมาธิเป็นประจำจิต ของเราจะละเอียดอ่อนจะเกิดนิมิตได้บ่อยครับ
  • ตัวผมเองก็เคยมีประการเรื่องนี้อยู่เหมือนกันหลายครั้ง หลังจากตื่นแล้วเสียงนั้นยังดังก้องอยู่ในหู ตอนลืมตายังเห็นภาพนั้นอยู่แต่ก็ค่อยๆจางหายไปครับ
  • ขอบคุณครับ ที่นำสิ่งดีๆมาเล่าสู่กันฟัง

สวัสดีค่ะ..คุณตันติราพันธ์

ดิฉันเองก้เคยฝันคล้ายๆแบบนี้ค่ะ..ตอนนั้นนอนหลับอยู่แล้วฝันเหมือนจริงมากว่าตัวเองอีกตัวลอยอยู่เหนือเพดาน..แล้วเห็นร่างของตนเองหลับอยู่..แล้วจะกลับมาเข้าร่างก็เข้าไม่ได้..ทับร่างตัวเองยังไงก็ไม่กลมกลืนเป้นร่างเดียว..รูสึกทำอย่างนั้นอยู่นานจนเหนื่อยและคิดหดหู่มากว่าอย่างนี้หนอที่เค้าเรียกว่าตายแล้ววิญญาณไม่สามารถเข้าร่างได้..ยกมือตัวเองขึ้นมันก้ขึ้นแต่วิญญาณ..มือจริงๆมันไม่ขึ้นเลย..แล้วจู่ๆอย่างไรไม่ทราบก็รู้สึกตัว..ตื่นขึ้นมาเหนื่อยมากๆและรู้สึกว่าความรู้สึกนั้นมันติดกับใจ..เหมือนไม่ได้ฝันเลย..สิ่งที่ได้คือ..การรู้ว่าเราต้องรีบตายเสียก่อนตายจริง..เพราะรู้แล้วว่า..ถ้าเราตายตอนนี้ที่เรายังไม่เคยฝึกสตินี่..จิตจะหม่นหมอง..ดีไม่ดีจะไปทุคติได้..

ฟังคุณเล่าก็ได้บทเรียนหนึ่งในการไม่ประมาทในการรีบเตรียมตัวตายซะก่อนที่เราจะตายโดยไม่ได้เตรียมตัวเลย..ถือว่าเป็นบุญมากที่มีเรื่องสะกิดเตือนใจค่ะ..ขอบคุณเช่นกันค่ะ..

สวัสดีที่ดึกกว่า

P

เพราะไปงานเลี้ยงมาเหมือนกัน พระท่านจึงสอนไม่ให้เรายึดติดกับอะไร แต่ความเป็นไปได้สำหรับ ปุถุชน ก็คือยังทำไม่ค่อยได้ เว้นเสียแต่ จะได้ศึกษา จนรู้ จนเห็น แต่ถ้าจะยังเลิกยึดไม่ได้ ก็ขอให้ยึดแต่สิ่งที่ดี คนดีๆ ก็แล้วกัน

  อาจารย์ขจิต คงไปปวิจัยตะไคร้ทีไหนสักแห่ง หรือไม่ก็ตามหาตะไคร้ อะไรทำนองนี้แหละค่ะ เพราะพบครั้งสุดท้าย อยู่ที่กอตะไคร้ บ้านท่านค่ะคิดถึงเหมือนกัน

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ

Pคุณบัวชูฝัก

ชุมชนG2Kนี้ ทำให้เราได้แลกเปลี่ยนกันทุกรูปแบบ และทำให้เรารู้ว่า บางอย่าง บางคนก็เป็นเหมือนเราเหมือนกัน รู้วิธีแก้ความกลัวบ้างไหมคะ  ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ

Pคุณครูแอ๊ว

 ดิฉันเองก็มีความคิดเช่นเดียวกับคุณครู เคยอ่านเรื่องเตรียมตัวตายของบางท่าน ทำให้เกิดความรู้สึกปล่อยวางได้อย่างประหลาด ถ้าเรารับสิ่งที่ดีๆง่าย ก็เป็นบุญของเราด้วยค่ะ ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ

  • สวัสดีครับคุณตันติราพันธ์
  • วิธีแก้ความกลัวสำหรับตัวผมเองคือใช้หลักความเป็นจริงครับ
  • ประการแรกต้องถามตัวของเราเองก่อนกลัวเพราะอะไร กลัวไปทำไม
  • ถ้าสมมุติว่ากลัวเจ็บ หรือกลัวตาย ผมจะถามตัวเองว่า ในโลกนี้ ใครไม่เคยเจ็บ ใครไม่เคยตาย ใครไม่เคยป่วย ใครไม่เคยทุกข์ ใครไม่เคยทรมาน คนเราทุกคนผ่านเหตุการณ์มีมาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเป็นอดีตชาติ เราผ่านการเกิด การตาย มาไม่รู้กี่รอบแล้ว เพียงแต่เราจำไม่ได้เท่านั้นเอง
  • ดังนั้น สิ่งที่กลัว ยังไงก็เกิด จะกลัวไปทำไป ทำวันนี้ไม่ให้อยู่ในความประมาท ทำในสิ่งที่ชอบและมีความสุข โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ทำบุญทำทานตามกำลังของเรา ไหว้พระขอพร อุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตา คิดแต่สิงดีๆ มองโลกในแง่ดีเสมอ แล้วเราก็มีความสุขแล้วละครับ
  • ขอบคุณครับ ที่ได้ร่วมแบ่งปัน

สวัสดีค่ะ

P Mr.Jod

 ขอบคุณที่มาแวะเยี่ยม ขับมอร์เตอร์ไซด์มาเลยใช่ไหม อย่าลืมใส่หมวกกันน็อกนะคะ ขอบคุณค่ะ อย่าลืมแวะมาอีก

สวัสดีค่ะ

คุณบัวชูฝัก ขอบชื่อคุณจัง และขอบคุณกับคำแนะนำด้วย จะนำไปปฏิบัติ ที่จริงทุกสิ่งก็ผ่านไปหมดแล้ว มันเหลือแต่ความทรงจำ ซึ่งถ้าไม่เป็นประโยชน์ ก็ไม่รู้จะเก็บเอาไว้ทำไม โล่ง

ขอบคุณจริงๆค่ะ

ก่อนตายทำจิตใจให้ผ่องใส สุขติเป็นที่ไปครับ

สวัสดีค่ะPครูเสือ

  ขอบคุณค่ะ ต้องตั้งใจตั้งแต่มีลมหายใจนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท