กล้วยหิน เป็นกล้วยชนิดหนึ่งที่ปลูกในจังหวัดยะลา
คนภาคใต้ตอนล่างจะรู้จักกันดี คนภาคอื่น ๆ
บางคนอาจจะรู้จักแล้ว
แต่ก็คงมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักกล้วยหิน ว่าคือกล้วยชนิดใด
มีรูปร่าง ลักษณะ รสชาดเป็นอย่างไร
วันนี้ผู้เขียนขอนำเสนอเรื่อง...กล้วยหิน
เพื่อเป็นสาระความรู้และประโยชน์ต่อไป....
กล้วยหิน
(Kluai
Hin)
ชื่อสามัญ
:
Saba
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Musa
sp
แหล่งกำเนิด
:
2 ฝั่งแม่น้ำปัตตานี
เขตพื้นที่หมู่บ้านเรือขุด
ตำบลบาเจาะ
อำเภอบันนังสตา
จังหวัดยะลา
ทำไมถึงชื่อ..."กล้วยหิน"?
โดยทั่วไปแล้วการที่คนตั้งชื่ออะไรสักอย่าง มักจะมีที่มา
หรือมีความหมาย
ที่ซ้อนเร้นอยู่ หลายคนวิเคราะห์ว่า
เหตุที่ชื่อว่า “กล้วยหิน”
เพราะกล้วยหินมีเนื้อแน่น
เหนียวกว่ากล้วยอื่น ๆ แต่ผู้เฒ่าหลายคนบอกว่า กล้วยหินที่พบครั้งแรก
มักจะขึ้นบริเวณกรวดหิน 2
ฝั่งลำแม่น้ำปัตตานี
ซึ่งกล้วยอื่นไม่ชอบขึ้น
จึงเรียกกล้วยชนิดนี้ว่า กล้วยหิน สอดคล้องกับคำสัมภาษณ์
นายประพาส
เสริมคง
อายุ 70 ปี อยู่บ้านบันนังบูโบ
เลขที่ 8 หมู่ 3
ตำบลถ้ำทะลุ
อำเภอบันนังสตา
จังหวัดยะลา เป็นเกษตรกรทำสวนผลไม้
ในเนื้อที่ปลูก 20 กว่าไร่
โดยปลูกทุเรียน ลองกอง
มังคุด
และแซมด้วยกล้วยหิน ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในหมู่บ้านนี้ตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2497
ท่านเล่าให้ฟังว่า
เคยเห็นกล้วยหินที่มีใบใหญ่
หนา และเขียว
มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ประมาณปี พ.ศ 2488
เจริญงอกงามดีในบริเวณหมู่บ้านเรือขุด
อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา
ทางไปเขื่อนบางลางในปัจจุบัน
ซึ่งแต่เดิมบริเวณนี้เคยเป็นเหมืองร้าง
(เหมืองแร่ดีบุก)
มีลำธารสายใหญ่
หรือแม่น้ำปัตตานีไหลผ่าน
พื้นดินจึงมีสภาพเป็นกรวดหิน และดินลูกรัง
มีกล้วยชนิดนี้ขึ้นอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านเห็นว่ากล้วยชนิดนี้ สามารถขึ้นได้ดีในสภาพกรวดหิน
จึงเรียกว่า “กล้วยหิน”
และเรียกชื่อนี้กันมาจนถึงปัจจุบัน...
ลักษณะของกล้วยหิน
กล้วยหิน
มีลักษณะคล้ายกล้วยน้ำว้า ต้นใหญ่
โคนต้นวัดโดยรอบประมาณ 70 เซนติเมตร
สูง 3.5 – 5 เมตร
กาบด้านนอกสีเขียวนวล
ก้านใบค่อนข้างสั้นร่อง ใบเปิด
ใบกว้าง 40 – 50
เซนติเมตร ยาว 1.5 เมตร
ปลีรูปร่างค่อนข้างป้อมสั้น รูปร่างคล้ายดอกบัวตูม
ด้านนอกของปลีเป็นสีแดงอมม่วง ด้านในสีแดง
เมื่อกาบเปิด จะไม่ม้วนงอ
กล้วยหินแต่ละต้นมีผล 1 เครือ
โดยจะออกเครือเมื่อหน่ออายุประมาณ 8
เดือน
และเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 12
เดือน หรือหลังจากออกเครือ
ประมาณ 4 เดือน เครือหนึ่ง
มี 7–10 หวี หวีหนึ่งมี 15 – 20
ผล
ผลเป็นรูปห้าเหลี่ยมเปลือกหนาค่อนข้างสมบูรณ์
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 – 5 เซนติเมตร
ยาว 8 – 12 เซนติเมตร
ผลดิบเปลือกสีเขียว เนื้อแข็ง
เมื่อสุกเปลือกสีเหลือง
เนื้อสีขาวอมเหลืองถึงเหลือง แน่นแข็ง
ไม่ยุ่ย
ปลายจุกป้าน
เมื่อผลแก่จัดตัดมาเก็บไว้ได้นาน7 – 8 วัน การเรียง
ตัวของผลเป็นระเบียบ
มีช่องว่างเล็กน้อยอยู่ระหว่างหวีแต่ละหวี
ประโยชน์ของกล้วยหิน
<p style="margin: 0in 0in 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal">
กล้วยหิน
เดิมเป็นพืชเก่าแก่คู่
2
ฝั่งแม่น้ำปัตตานี โดยเฉพาะในเขตตำบลบาเจาะ
อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา
มีกล้วยหินขึ้นหนาแน่นเป็นดงกล้วยหินเลยที่เดียว
คนนอกพื้นที่จากถื่นอื่นเมื่อได้พบเห็นมักจะเข้าใจว่าเป็นกล้วยป่า ที่งอกเจริญเติบโตขึ้นเองตามธรรมชาติ เข้าใจว่าเป็นกล้วยที่ไม่มีคุณค่าประโยชน์อันใด แท้ที่จริงแล้วกล้วยหินเป็นพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นของอำเภอบันนังสตา
เกษตรกรมีรายได้จากการปลูกกล้วยหินมาก
ผลผลิตมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด จนทำให้ราคาผลผลิตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากหวีละ 2 – 3 บาท เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ปัจจุบันราคาสูงขึ้นเป็นหวีละ 10 – 25 บาท
ทั้งนี้เพราะกล้วยหินใช้เป็นทั้งอาหารคนและอาหารนก
โดยเฉพาะนกปรอด หรือ
นกกรงหัวจุก ซึ่งชาวไทยมุสลิมในจังหวัดยะลา
ปัตตานี และนราธิวาส นิยมเลี้ยงกันมาก
โดยเฉพาะจังหวัดยะลา
</p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">
</p>
<div style="text-align: center"></div>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"> </p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal" align="center">
</p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">
การนำมาปรุงอาหาร</p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">
ในส่วนการนำกล้วยหินมาทำเป็นอาหารนั้น ทำได้หลากหลาย
เช่นนำส่วนที่เป็นแกนของลำต้น
หลายคนเรียกว่า “หยวกกล้วย”
นำมาประกอบอาหารประเภทแกงอาจจะเป็นแกงไก่
แกงเนื้อ
แกงหมู ผสมหยวกกล้วย
หรือใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริก
แต่ควรนำมาลวกเสียก่อนถึงจะอร่อยมากขึ้น
เช่นกับหัวปลี
นอกจากใช้จิ้มน้ำพริกแทนผักได้แล้วยังนำมาทำเป็นยำหัวปลีก็อร่อยดี
ส่วนผลของกล้วยหินใช้รับประทานสดก็ได้ แต่ไม่ค่อยนิยมกัน
คนมักจะนำมาต้มหรือปิ้งก่อนจะได้รดชาดหวานหอม
กล้วยหินทอด หรือกล้วยแขกเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค
ยิ่งเป็นช่วงฤดูฝนจะขายดีมากเป็นความรู้สึกว่า
อร่อยกว่าช่วงไหน ๆ ทานแล้วลดความหนาวเย็นลงได้
นอกจากนี้ผลของกล้วยหินยังนำมาฉาบนำมาเชื่อม
โดยเฉพาะกล้วยหินฉาบ กล้วยหินฉาบสมุนไพร
เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่รู้จักกันโดยทั่วไป
รสชาดอร่อยกว่ากล้วยฉาบอื่น ๆ
</p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">
ข้อดี /
ลักษณะเด่นของกล้วยหิน</p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"> </p>
<p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">
1. เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ดินร่วนเหนียว
ดินที่เป็นลูกรัง หรือดินกรวดหิน</p>
2. แตกกอเร็ว
ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้นาน เพราะกอหนึ่งมีหลายต้น
3. ลำต้นใหญ่ แข็งแรง
ไม่ค่อยมีโรค แมลงระบาด
จึงไม่ต้องใช้สารเคมีป้องกันศัตรูพืชแต่อย่างใด
4.
ผลของกล้วยหินมีเปลือกหนา
จึงมีความบอบช้ำต่อการขนส่งน้อยกว่า
5. ผลแก่เก็บได้นาน 7 – 8 วัน
ก็ยังไม่เน่าเสีย
6. ใช้ประโยชน์ได้เกือบทุกส่วน
ตั้งแต่รากจนถึงปลีและผลโดยเฉพาะผลมีรสชาดอร่อย
แปรรูปได้หลายอย่าง
7. ปลูกแซมในสวนผลไม้
เป็นร่มเงาได้ดีมาก ทำให้สวนผลไม้มีความชื้น
ต้นไม้ผลที่เริ่มปลูกใหม่เจริญเติบโตได้ดีมากขึ้น
8.
ทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี
<h2 style="margin: 0in 0in 0pt"></h2>
<h2 style="margin: 0in 0in 0pt">
อายุการเก็บเกี่ยว </h2>
หลังปลูกกล้วยหินประมาณ 8 เดือน ก็จะเริ่มออกปลี และจะเก็บเกี่ยวได้หลังออกปลีประมาณ 3-4 เดือน
ขั้นตอนการทำ
<div style="text-align: center">
</div>
<p align="center">
</p>
<p align="center">
</p>
<p align="center">
</p>
<p align="center"></p>
<h1 style="margin: 0in 0in 0pt"></h1>
<h1 style="margin: 0in 0in 0pt"></h1>
<h1 style="margin: 0in 0in 0pt">
</h1>
<div style="text-align: center">
<h1 style="margin: 0in 0in 0pt">
ประโยชน์ที่ได้รับ</h1>
</div>
</h2>
สวัสดีค่ะ...
สวัสดีค่ะคุณ Sirintip
เรื่องกล้วยๆ ที่ไม่กล้วย
ขายถุงเท่าไหร่ครับ
ครูแอนชอบกินกล้วย..กินกล้วยแล้วอารมณ์ดีจ้า
มาอ่านเรื่องกล้วย ๆ ที่ไม่กล้วย ๆ เลย ^_^
น่าอร่อยนะคะ
สวัสดีค่ะ เพิ่งมีโอกาสได้ทยอยอ่าน ทำความรู้จักกัน เลือกเรื่องกล้วยหินก่อนเลย เพราะชอบกล้วย ชอบดูความงามและชอบทานด้วยค่ะ
อ่านเรื่องนี้แล้วได้ความรู้มาก ปลูกกล้วย"ซาบ้า" ไว้ต้นหนึ่ง ยังไม่ทันจะออกเครือเลย น้ำกำลังท่วม เลยไม่ทราบว่าจะเป็นชนิดเดียวกับกล้วยหินที่คุณอ้อยควั้นเล่าหรือเปล่า แต่เก็บหน่อไว้แล้ว หลังน้ำท่วมจะปลูกใหม่ค่ะ ยิ่งทราบว่ารสชาติดี ชักอยากทานค่ะ
เรื่องกล้วย ชักจะไม่กล้วย...เพราะว่าเป็น..กล้วยหิน...
ขอบคุณค่ะ
แวะมาชมกล้วยหินด้วยครับ (ชื่อแปลกดี)
กล้วยในแต่ละท้องถิ่นก็มีเสน่ห์ในตัวเอง
ขอขอบคุณที่ให้ความรู้เรื่องกล้วย นำเสนอโดยคุณอ้อยควั้น มันคู่กันนะครับระหว่างกล้วยกับอ้อย (ไม่ทราบว่าคุณอ้อยควั้นได้ใช้ประโยชน์แล้วยัง)
สวัสดีคับ ผมชื่อรุต บ้านที่กระบี่คับ ก็เป็นอีกคนหนึ่งคับที่ชอบกินกล้วย แม่บอกว่าผมนะโตมากับกล้วย หมายถึงกินเป็นชีวิตจิตใจลเยคับ ที่กระบี่ไม่มีกล้วยหินคับ อยากได้หน่อกล้วยหินคับ
ได้รู้จักเรื่องของ"กล้วยหิน"แล้ว อยากรู้เรื่องน้อง"อ้อยควั้น" บ้าง ได้มั้ยครับ...
ดีใจที่เพื่อนส่งหน่อกล้วยหินมาให้แล้ว
เพื่อนที่ยะลามีน้ำใจดีมาก ที่อุตส่าห์ขุดหน่อกล้วยหิน และส่งมาให้ผมที่กรุงเทพฯ ถึง 7 หน่อ ต้องขอขอบคุณเพื่อนคนนี้มาก และเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจที่ดีของคนจังหวัดยะลา
สวัสดีค่ะ..
อยากชิมฝีมือพี่อ้อยควั้นจัง...
สวัสดีคุณอ้อยควั้นและสวัสดีเพื่อนๆทุกคน(ขอโทษที่ไม่ได้เอ่ยนามนะครับ)ผมอาจารย์เอ็กซ์พิษณุโลกนะครับ อยากได้หน่อกล้วยหินเพื่อทำการขยายพันธ์มากๆ เพื่อนๆคนไหนที่พอจะช่วยได้เรายินดีเป็นอย่างยิ่ง ครับ
ผมอยู่สุราษฎร์ครับอยากได้ต้นกล้วยหินครับใครมีบ้างนะบริจาคใด้ไม่หรือว่าที่ใหนมีราคาถูกบ้างบอกด้วยครับ 0856193153
แวะมาชมคับ อยากทราบว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน ผมอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาครคับ แล้วราคาเท่าไรคับ ปลูกแล้วแต่ผลที่ออกมาลูกมันเล็กหรีบ ขอรบกวนช่วยส่งข้อมูลให้ทีน่ะคับ e-mail [email protected]
ได้ข้อมูลทำรายงานค่ะ
ผมคนยะลา แต่คนยะลาจำนวนไม่น้อยไม่รู้จักว่าจะแปรรูปอย่างไร
ขอบคุณครับ