1. เจ้าชายกบเดิมเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะที่เล่ากันมานานนักหนาแล้ว และไม่ได้ผูกขาดอยู่ที่เยอรมันของพี่น้องกริมม์เท่านั้น นักเล่านิทานในยุโรปรู้จักกันดีตั้งแต่สก็อตแลนด์ยันเยอรมันไปถึงรัสเซีย เพียงแต่พี่น้องกริมม์เป็นผู้รวบรวมจดบันทึกเป็นเรื่องเป็นราวก่อนเพื่อน
2. จำกัดวงให้แคบลงมาเฉพาะฉบับของพี่น้องกริมม์ ซึ่งทั้งคู่เองก็มีการแก้ไขปรับปรุงนิทานของพวกเขาอยู่เสมอๆ โดยตัดเนื้อหาที่รุนแรงออกบ้าง ให้ข้อคิดทางศีลธรรมมากขึ้น และที่สำคัญพี่น้องกริมม์ก็มีนิทานเกี่ยวกับกบสองเรื่องค่ะ คือ The Frog King (เรื่องที่เรากำลังพูดถึง) กับ The Frog Prince (ที่เนื้อเรื่องต่างแต่จบแบบฉบับที่คุณเกียรติพงศ์ใช้) เนื้อหาในฉบับของกริมม์จริงๆ นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเกียรติพงศ์เอามาหรอกค่ะ ตอนท้ายเรื่องเจ้าชายกบไม่ได้นอนเคียงข้างเจ้าหญิงเพื่อว่าตื่นเช้ามาเธอจะได้เห็นเจ้าชายรูปงามอยู่เคียงข้าง แต่เจ้าหญิงขว้างกบอย่างแรงใส่กำแพงด้วยความโมโห (Then she was terribly angry, and took him up and threw him with all her might against the wall. "Now, thou wilt be quiet, odious frog," ) กบจึงกลายเป็นเจ้าชายขึ้นมากริมม์เน้นชัดค่ะว่าเจ้าหญิงคนนี้นิสัยไม่ดีเอามากๆ แต่ Edgar Taylor ผู้แปลนิทานของกริมม์จาก The Frog King ภาษาเยอรมันได้เปลี่ยนเสียใหม่ เขาบอกว่าคนอังกฤษรับไม่ได้หรอกที่เจ้าหญิงทำรุนแรงอย่างนั้น ต้นฉบับแปลปี 1823 ของเขาก็เลยมีพล็อตอย่างที่คุณเกียรติพงศ์เอามา โดยเอาตอนจบของ The Forg Prince มาใส่แทน และงานรุ่นหลังๆ หลายเวอร์ชั่นก็ยึดเอาตามที่เทเลอร์เขียน สรุปได้ว่าเรื่องที่คุณนำมาใช้ ไม่ใช้ทั้งสองเรื่องของพี่น้องกริมม์
อย่างไรก็ดีอยากชี้ให้เห็นว่า ข้อหนึ่ง สิ่งที่นิทานต้องการนำเสนอก็คือเจ้าหญิงคนนี้นิสัยไม่ดีค่ะ เธอไม่รักษาสัญญา และที่คุณเกียรติพงศ์ว่าเธอฉลาดนั้น ไม่เห็นด้วยเลย ขอใช้เวอร์ชั่นแปลของ Margaret Hunt (1884)นะคะ กบขอให้เธอสัญญา เธอให้สัญญาแต่เธอก็คิดในใจว่า "How the silly frog does talk! He lives in the water with the other frogs, and croaks, and can be no companion to any human being!" แบบนี้เรียกว่าขี้โกงไม่ใช่ฉลาด เธอสัญญาทั้งๆที่เธอคิดว่ากบออกจากน้ำไม่ได้ ข้อสอง ที่บอกว่ากบใช้น้ำเสียงแสดงอำนาจให้เปิดประตูสามครั้งนั้น ในฉบับของพี่น้องกริมม์จริงๆ ไม่มีค่ะ กบพูดครั้งเดียว เพราะฉะนั้นที่ว่าเป็นการเน้นถึงอำนาจที่มีจึงไม่ใช่ หรือหากจะเน้นจริงก็ไม่ใช่พี่น้องกริมม์ ข้อสาม คุณบอกว่าพระราชาก็ใช้อำนาจโดยการสั่งให้เจ้าหญิงไปเปิดประตู แต่อย่าลืมว่าเหตุผลของพระราชาประกาศชัดแจ้งว่า "That which thou hast promised must thou perform" สัญญาไว้แล้วต้องปฏิบัติตามสัญญา นี่เป็นลักษณะของผู้ปกครองที่ดีนะคะ แม้แต่ลูกตัวเองทำผิดก็ไม่เห็นด้วย การมองว่าเป็นการใช้อำนาจของผู้ชายกระทำกับผู้หญิงคนเดียวในเรื่องจึงไม่ถูกต้องค่ะ แต่เป็นอำนาจของคนเป็นพ่อที่อยากให้ลูกเป็นคนดีต่างหาก ข้อสี่ กริมม์ไม่ได้พยายามปกปิดเหตุผลที่เจ้าชายถูกสาปหรอกค่ะ เป็นธรรมดาของนิทานที่คุณจะพบได้ว่านิทานหลายต่อหลายเรื่อง ที่มีบางตอนไม่มีเหตุผลมารองรับ ไม่บรรยายที่มาที่ไป (เช่น คุณแม่ให้หนูน้อยหมวกแดงไปเยี่ยมคุณยายที่ป่วยคนเดียว ทำไมแม่ไม่ไปด้วยล่ะคะ หรือทำไมเจ้าชายกบถึงได้อยากแต่งงานกับเจ้าหญิงที่ทั้งโกหก หลอกลวง เจ้าอารมณ์คนนี้ แต่ที่กริมม์เน้นนิสัยไม่ดีของเจ้าหญิงเพื่อจะให้เรื่องนี้มีคุณค่าเชิงศีลธรรมต่างหาก โดยสอนไม่ให้มองแค่รูปลักษณ์ภายนอก (กบน่าเกลียดก็อาจเป็นเจ้าชายได้) อันจะนำไปสู่บทสรุปซึ่งเราเห็นต่างกัน ข้อห้า คุณว่ากริมม์เดาใจนักอ่านได้ว่าอยากเห็นเจ้าหญิงแต่งงานกับเจ้าชายเพราะเจ้าชายรูปงาม จึงเขียนเพื่อสนองนักอ่าน ตรงนี้ในฉบับของกริมม์ที่แปลโดยไม่ดัดแปลงก็ไม่มีโทนเสียงนักเล่านิทานอย่างที่คุณยกมาอยู่เลยค่ะ เพราะฉะนั้นผู้ที่สื่อสารไม่ใช่กริมม์ และที่สำคัญนิทานบอกมาโดยตลอดถึงข้อเสียของเจ้าหญิงหากจะจบลงด้วยการแต่งงาน เจ้าชายต้องไม่ใช่ "รางวัล" คุณสรุปว่า ภาษาที่ Grimm ใช้แฝงไว้ซึ่งอำนาจของชาย อำนาจที่ทำให้ตัวละครหญิงตัวเดียวของเทพนิยายกลายเป็น "เหยื่อ" ของสังคมชายในเรื่องไม่ว่า Grimm จะมีเจตนาอย่างนั้นหรือไม่ก็ตาม ถ้าการแต่งงานกับเจ้าชายทำให้เจ้าหญิงกลายเป็นเหยื่อ ทำไมคุณไม่คิดว่าเพราะเจ้าหญิงนิสัยไม่ดีจึงถูก "ลงโทษ" ล่ะ ใครนิสัยไม่ดีก็ต้องถูกลงโทษไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม เจ้าชายรูปงามไม่ใช่ "รางวัล" แต่เป็น "โทษทัณฑ์"ที่เจ้าหญิงได้รับ หากจะมองในสายตาสตรีธรรมดาถ้าพี่น้องกริมม์จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์นี้อยู่บ้าง พวกเขาก็ทำให้เจ้าชายเป็นแค่วัตถุทางเพศเท่านั้น ไม่ใช่รางวัลที่หญิงทุกคนปรารถนา และน่าเสียดายที่ลึกๆ แล้วคุณเองก็มีความคิดว่าเจ้าชายเป็นรางวัล เพียงเพราะแค่เป็นเจ้าชายและรูปงามเท่านั้น ผู้หญิงในโลกของความเป็นจริงไม่ได้ตัดสินใจแต่งงานด้วยเหตุผลนี้แน่นอนถ้าคุณใช้ฉบับกริมม์คุณจะเห็นว่าเจ้าหญิงไม่ได้รีบตกลงแต่งงานกับเจ้าชายเพราะเจ้าชายหล่อแต่ according to her father's will ประโยคนี้บอกว่าเป็นความประสงค์ของพ่อเธอลึกซึ้งมากค่ะ
และก็เห็นด้วยตามภาษาเดิมของกริมม์ค่ะ
ผู้หญิงที่รังเกียจกบแต่แรกนี่ ถึงจะแปลงเป็นเจ้าชายรูปงามแค่ไหน ยังไงก็ทำใจไม่ได้หรอกนะคะ นี่จึงเป็นการลงโทษให้อยู่กับกบไปจนตลอดชีวิตที่น่าสงสารจริงๆ