ความคิดทางปรัชญา ได้แยกความคิดของคนที่มีความสุขเป็นเป้าหมาย (สุขนิยม) ออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ ๑) อัตนิยม กลุ่มที่มองว่า ขอให้ตัวเองมีความสุขก็พอ ๒) สุขนิยมสากล กลุ่มที่มองว่า ขอให้สังคมมีความสุขก็พอแล้ว แต่...ดูเหมือนว่า ทั้ง ๒ กลุ่มจะมีความเกี่ยวพันกัน กล่าวคือ ถ้าเราได้ทำให้สังคมมีความ เราก็มีความสุข นั้นหมายความว่า อยู่ในกลุ่มสุขนิยมสากล ขณะเดียวกัน ตนเองก็สุขด้วย (อัตนิยม) แต่อัตนิยม เลยไปถึง ผู้อื่นไม่มีความสุขก็ไม่เป็นไร ขอให้ตนมีสุขก็พอ
ความสุขที่กล่าวถึงนั้น บางกลุ่มมองว่า ยังไม่ใช่คำตอบของการมีชีวิตที่ดี ความสุขดังกล่าวเป็นเพียงความสุขแบบฉาบฉวย ยังเป็นอะไรที่พื้นๆเกินไป มีความสุขอีกส่วนหนึ่งที่เหนือกว่านั้น เราเรียกกลุ่มนี้ว่า อสุขนิยม โดย ความสุขที่ว่านี้จะได้มาด้วย ๑) การเข้าใจตามสภาพที่เป็นจริง (ปัญญานิยม) ๒) ความหลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการทุกประเภท (วิมุตินิยม)
ที่กล่าวมานี้คือ ฝุ่นละอองความคิดทางปรัชญา ทีนี้ ในชีวิตความเป็นอยู่ของเรา เรามีอะไรเป็นตัวชี้วัดว่าเป็นความสุข ด้วยความคิดทางปรัชญามิได้มีอิทธิพลอันใด ด้วยเป็นเพียงการที่นักคิดพยายามจัดกลุ่มความคิด ความต้องการ ของมนุษย์ออกเป็นส่วนๆ เท่านั้น
ความสุขกับการทำงาน
ทุกวันนี้ทำงานเป็นอย่างไร ดูแล้วเพลินเพลินไปกับการทำงาน หรือว่า รอเวลาให้หมดเวลางาน เหนื่อยหน่ายกับงานที่ซ้ำซากจำเจ ประเด็นข้างหลัง "หรือว่า" คือตัวชี้วัดว่า เรากำลังไม่มีความสุขกับการทำงาน ดังนั้น ถ้าชีวิตนี้มีเป้าหมายที่ความสุข จะเป็นความสุขแบบไหนก็ตาม งานที่กำลังทำอยู่จึงไม่ใช่สิ่งที่ชีวิตต้องการ
ทุกวันนี้เรียนหนังสือเป็นอย่างไร ดูแล้วเพลิดเพลินกับการเรียน หรือว่า เหนื่อยหน่ายกับการเรียน ประเด็นหลัง คือตัวชี้วัดเช่นเดียวกับย่อหน้าด้านบน และสรุปเหมือนกันคือ การเรียนไม่ใช่คำตอบของเป้าหมายเสียแล้ว
คำถามที่ตามมาจาก ๒ ประเด็นนั้น "แม้จะไม่ใช่เป้าหมาย หรือไม่ใช่คำตอบของชีวิต แต่มีความสำคัญหรือไม่" ถ้า การเรียนคือการทำให้พ่อแม่มีความสุข ถ้าการทำงานคือการพัฒนาความคิด ความสามารถ และการฝึกฝนความอดทน (ทมยนฺติ ปณฺฑิตา) ดังนั้น การเรียนในวิชาที่ไม่ชอบ การทำงานในงานที่ไม่ชอบ ก็น่าจะมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตไม่ใช่น้อย
ความสุขอยู่ที่ใจ หรืออยู่ที่คิด หรืออยู่ที่ไหน
อะไรคือตัวชี้วัดว่า นี่แหละคือความสุข
ขอบคุณครับ