ความเป็นผู้นำของคน ลักษณ์ 3 (นักแสดง)


เรามักจะพบว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จสุดยอดท๊อปเท็นของแต่ละวงการจะมีคนสามอยู่ในนั้นเสมอ ไม่ว่าจะด้านการเงิน การธนาคาร อุตสาหกรรม เอ็นจีโอ แพทย์ ฯลฯ หรือแม้แต่วงการฮิปปี้
   คนลักษณ์ 3  มีชื่อเรียกว่า นักแสดง หรือ ผู้ไฝ่สัมฤทธิ์ เป็นคนที่มีศักยภาพในการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายได้มากที่สุดในคน 9 ลักษณ์ บุคลิกภาพที่เรามักจะพบเห็นในคนลักษณ์ 3 ก็คือ กระตือรือร้น ทำงานหนัก และจัดการงานหลายอย่างได้พร้อมกัน แต่งตัวดีเหมาะสมกับกาละเทศะ และดูดีเสมอ คนลักษณ์ 3 เป็นลักษณ์แกนกลางของศูนย์ใจ ที่สัมพันธ์กับเรื่องของภาพลักษณ์ (Image) มาก ดังนั้นพลังชีวิตที่มีมากที่สุดของคนลักษณ์สาม คือพลังใจนั้น จะทุ่มเทและขับเคลื่อนออกมาอย่างมากในเรื่องของการสวมบทบาทที่ตนเองคิดว่าตนเองเป็นเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งส่วนมากจะเป็นเรื่องการทำงาน

เรามักจะพบว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จสุดยอดท๊อปเท็นของแต่ละวงการจะมีคนสามอยู่ในนั้นเสมอ ไม่ว่าจะด้านการเงิน การธนาคาร อุตสาหกรรม เอ็นจีโอ แพทย์ ฯลฯ หรือแม้แต่วงการฮิปปี้

สิ่งที่นพลักษณ์อธิบายปรากฎการณ์นี้ก็คือ คนสามใส่ใจกับเป้าหมาย เมื่อตนเองกำหนดเป้าหมายไว้แล้วก็จะทำทุกวิถีทาง และมุ่งมั่นอย่างมากเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ดังนั้น เมื่อคนสามตั้งเป้าว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คนสามก็สวมบทบาทนักธุรกิจด้านนั้นตามภาพลักษณ์ที่ตนเองกำหนดไว้ ดังนั้น เราจะพบผู้นำองค์กรที่เป็นลักษณ์สามได้ทุกประเภทขององค์กร ในทุกกลุ่มสังคม

 คนลักษณ์สาม เป็นคนที่มั่นใจในตนเองสูง มีความมุ่งมั่นสูง ในการอบรมครั้งหนึ่งผู้เขียนได้พบกับหนุ่มลักษณ์สาม วัยประมาณ 25-26 ปี นิยามตนเองว่า เป็นคนที่เหยียบโลกใบนี้ไว้ใต้ฝ่าเท้าของตนเอง เพราะทุกอย่างที่คิดจะทำ ล้วนง่ายดาย เรื่องทุกเรื่องในโลกนี้ไม่น่าจะเกินความสามารถของผมไปได้ นี่คือตัวอย่างของพลังของใจ ที่พุ่งออกมากระทำต่อโลกใบนี้ของคนลักษณ์ 3

ปัจจัยสำเร็จของผู้นำลักษณ์ 3 เป็นเรื่องที่สำคัญมาก และถ้าคนสามไม่รู้ตัวก็จะเป็นเรื่องที่ยาก และก่อให้เกิดทุกข์ของคนสาม นั่นคือ กิเลสของลักษณ์ 3 ที่ชุมชนนพลักษณ์เรียกว่า  หลอกลวง

 

ในที่นี้หมายถึงการหลอกลวงตนเองว่าตนเองเป็นเช่นนั้น เป็นเช่นนี้ (ไม่ใช่การหลอกคนอื่น) โดยที่ไม่รู้ว่าตนเองเป็นคนอย่างไรอย่างแท้จริง และสามารถแปรเปลี่ยนตนเองไปได้ทุกบทบาทที่ตั้งเป้าไว้ เรามักเรียกพฤติกรรมเช่นนี้ว่า จิ้งจกเปลี่ยนสี  หรือเป็น นักแสดง 

 

ผู้บริหารที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ซึ่งเป็นดอกเตอร์ท่านหนึ่งเล่าในเวิร์คชอบนพลักษณ์ว่า ชีวิตนี้ผมอยากจะเป็นอะไรผมก็เป็นมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนเบสเซลเลอร์  นักวิทยาศาสตร์ นักบริหาร สามีที่ดีของภรรยา แต่วิทยากรชี้จุดให้เห็นว่า มีอยู่หนึ่งอย่างที่คุณเป็นไม่ได้และยังไม่เคยเป็นเลย คือ เป็นตัวเอง

 

คำพูดติดปากของคนสามคือ ฉันทำได้ เมื่อต้องทำอะไรที่ขัดกับตัวตนของตนเองจริงๆ ก็จะหลอกตัวเองว่า ฉันทำได้ แล้วก็เหมือนกับสร้างมนต์สะกดให้ตนเองเป็นเช่นนั้นไปได้ในที่สุด แรกๆพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยเป็นตาย แต่พอทำทุกวันก็เคยชินกับบทบาทที่ตนเองสร้างขึ้นมา และใช้พลังชีวิตขับเคลื่อนอย่างหนักจนส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นๆ

 

ผู้นำคนลักษณ์สาม ที่ไม่รู้ตัวเอง มักจะประสบกับปัญหาสุขภาพเมื่อย่างเข้าวัยกลางคน เพราะทุ่มเทพลังชีวิตให้กับการทำงาน จนละเลยสุขภาพของตนเอง จากคนที่ไม่เคยหยุดทำงานเลยแม้แต่วันเดียว ต้องกลายเป็นคนที่ต้องนอนยาวในโรงพยาบาล

 

คณบดีท่านหนึ่งในมหาวิทยาลัยมหิดล ท่านนี้ก็เป็นดอกเตอร์อีกเช่นกัน กล่าวว่า ตนเองมั่นใจในการทำงานว่า ทุกอย่างสามารถทำได้ ตั้งแต่รับหน้าที่เป็นคณบดีก็ทำงานหลายอย่างบรรลุเป้าหมายตลอด ไม่ว่าจะเป็นโครงการอะไรที่คนอื่นทำไม่ได้ ตนเองทำได้เสมอ แล้ววันหนึ่งก็ต้องไปนอนโรงพยาบาลให้หมอผ่าตัด ถึงได้มีเวลาพิจารณา ไตร่ตรองว่า ตนเองคงต้องหัดช้าลงบ้าง ทำงานให้น้อยลง ดูแลใส่ใจตัวเองให้มากขึ้น 

 

การหลอกตัวเองของลักษณ์ 3 ว่าตนเองทำได้ ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถหนีความจริงที่ว่า ร่างกายมีขีดจำกัด ที่จะสามารถทำงานได้เพียงระดับหนึ่ง หากไม่ดูแลใส่ใจ ร่างกายก็รับไม่ไหว ต่อให้หลอกตัวเองว่ายังไหวอยู่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ .... เรื่องสุขภาพจีงมักเป็นเหตุเตือนภัยให้คนลักษณ์สามหันมารู้จักตัวเอง.... แต่สำหรับหลายคนก็อาจจะสายเกินแก้

 

สไตล์การทำงานของผุ้นำลักษณ์ 3 เน้นแต่ผลสัมฤทธิ์ บางทีลืมไปว่าลูกน้องไม่ได้เก่งเหมือนตนเอง กลายเป็นว่าลูกน้องต้องเร่งสปีด และอดทนเพื่อสร้างผลงานจำนวนมากเพื่อตอบสนองผู้นำลักษณ์ 3

 

เรามักพบว่าจุดบอดของผู้นำสไตล์สามคือ การละเลยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชา  เพราะมัวแต่มุ่งที่ผลงาน แล้วผู้นำคนสามก็ไม่เคยพอใจกับผลงานของตนเอง เพราะเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว ก็สร้างเป้าหมายใหม่ แล้วก็มุ่งมั่นไปสู่จุดหมายใหม่ ไม่มีการพักผ่อน เป็นวัฎจักรที่ไม่เคยหยุดนิ่ง จนกว่าร่างกายจะส่งสัญญาณประท้วง

 

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องอาศัยการสังเกตตนเองอย่างลึกซึ้งจะพบว่า จุดอ่อนของผู้นำลักษณ์สามคือ การตัดสินคน หรือผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งเรื่องนี้ท่านคณบดีจากมหิดลยอมรับว่าหลายครั้งในการทำงานตนเองเป็นเช่นนั้น แต่ภาพที่ปรากฎตนเองมักมีเหตุผลที่จะอธิบายการตัดสินนั้นๆให้ดูดีได้เสมอ

 บุคลิกภาพของผุ้นำลักษณ์ 3 จะมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับบทบาทที่คนสามเลือกให้ตนเองแสดง ส่วนใหญ่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย จึงมักพบว่าผู้นำลักษณ์สาม จะมองโลกในแง่ดี (คล้ายคน 7) พร้อมที่จะมองข้ามเรื่องที่จะสร้างความทุกข์ให้ตนเอง หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ คนสามพร้อมที่จะกันความรู้สึก อารมณ์ทุกชนิดที่จะเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายออกไปในการทำงาน 

                 ถ้าผู้นำคนสามที่ไม่รู้ตัวเอง ปล่อยให้กิเลสของตัวเองเป็นตัวขับตันชีวิตไปสู่เป้าหมายตลอดเวลา มักจะพบว่า นับวันเพื่อนเริ่มน้อยลง หรือไม่มีเลย เพราะในการหลอกลวงตัวเองของคนลักษณ์สาม ส่งผลกระทบต่อคนอื่น จนมักจะได้ข้อกล่าวหาเสมอๆทำนองว่า ไม่จริงใจ” “หลอกใช้คนอื่น เป็นต้น แต่เท่าที่ไต่ถามคนสามหลายคน พบว่าในใจคนสามไม่เคยคิดที่จะหลอก แต่วิธีการที่ทำมันคิดออกมาได้เพราะตอบสนองต่อเป้าหมายและความสำเร็จที่อยู่ข้างหน้า (ลืมคิดเรื่องความรู้สึกของคนอื่น) นี่คือทุกข์ของคนสาม

 

                 ทุกข์ที่ต้องแลกมาระหว่างภาพลักษณ์ของความสำเร็จ กับภาพลักษณ์ของความไม่จริงใจ

 

                 ถ้าจะให้สรุปภาวะผู้นำแบบคนสาม ก็บอกได้ว่า คนสามเป็นได้ทุกสไตล์ (ที่ตนเองคิดว่าจะสวมบทบาทนั้นๆ) ไม่ว่าเป็นภาวะผู้นำตามแนวคิดใหม่ๆ ที่ขยันผลิตกันออกมาอย่างมากมายในยุคไฮเทคโนโลยีเช่นปัจจุบัน

 

                  ดังนั้นท่านที่คิดอิจฉาความสำเร็จของคนสาม ก็พึงพิจารณาว่าทุกลักษณ์ มีข้อดี ข้อด้อย แตกต่างกัน ตามเหตุ ปัจจัย ของชีวิต และ กับดักชีวิต ของแต่ละลักษณ์

                  และสำหรับท่านผู้นำลักษณ์ 3 ก็ขอฝากเรื่องการเจริญสติ ตามรู้อารมณ์ความรู้สึกตนเองเป็นสำคัญ อย่ารอจนให้มีเหตุเตือนภัยเรื่องสุขภาพ หรือ การไร้มิตร ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น   

หมายเลขบันทึก: 123139เขียนเมื่อ 29 สิงหาคม 2007 17:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 13:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เป็นคนลักษณ์สามค่ะ เป็นจริงทุกอย่างที่ได้อ่านบทความมา โดยเฉพาะการเห็นผลกระทบการเป็นในทางข้อด้อยของลักษณ์สาม(หลงตัวเอง)..แต่ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยให้เข้าถึงธรรมะ. ชนิดดวงตาเห็นธรรมตื่นรู้ ในการเห็นถูกต้อง ทำให้มรรค8เดินได้ตามความเป็นจริง ไม่ได้ตกอยู่ในความไม่รู้(อวิชา) เมื่อรู้แจ้ง สิ่งที่ได้ค้นพบเป้าหมายที่ต้องการจะบรรลุ คือ ความหมายของการมีชีวิต ได้เข้าถึงความต้องการจะประสบความสำเร็จและเป็นความสุข มีความมั่งคั่งได้นั้น ต้อง”ให้ประโยชน์ ..ฉันจะช่วยอะไรได้บ้าง” ไม่ใช่ “เอาประโยชน์..ฉันจะได้อะไร” .. กลายเป็นดวงตาเห็นธรรม เวลาที่เหลือของชีวิตคือ Perform ต่อในบทแสดงที่เป็นสุข เป็นคนที่ดีขึ้น สวยงามขึ้น เขาเกลาจิตสำนึก ยกระดับจิตสำนึก ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อค้นพบตัวตนที่สูงส่งกว่า. // การเข้าใจนพลักษณ์ ว่าเราเป็นคนลักษณ์สาม มันช่วยอธิบายเส้นทางชีวิต ว่าเหตุใดเราเป็นเช่นนี้ (มันสาหัดสากันมากค่ะแต่ก็ทำให้เข้าใจการก่อร่างสร้างตัวของคำว่าชีวิต มันได้ Transformation of Life จริงๆ )ขอบคุณข้อมูลที่ท่านได้เผยแพร่ส่งมอบความรู้ความเข้าใจให้ดิฉัน ขอบคุณ ขอบคุณและขอบคุณ

เป็นคนลักษณ์สามค่ะ เป็นจริงทุกอย่างที่ได้อ่านบทความมา โดยเฉพาะการเห็นผลกระทบการเป็นในทางข้อด้อยของลักษณ์สาม(หลงตัวเอง)..แต่ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยให้เข้าถึงธรรมะ. ชนิดดวงตาเห็นธรรมตื่นรู้ ในการเห็นถูกต้อง ทำให้มรรค8เดินได้ตามความเป็นจริง ไม่ได้ตกอยู่ในความไม่รู้(อวิชา) เมื่อรู้แจ้ง สิ่งที่ได้ค้นพบเป้าหมายที่ต้องการจะบรรลุ คือ ความหมายของการมีชีวิต ได้เข้าถึงความต้องการจะประสบความสำเร็จและเป็นความสุข มีความมั่งคั่งได้นั้น ต้อง”ให้ประโยชน์ ..ฉันจะช่วยอะไรได้บ้าง” ไม่ใช่ “เอาประโยชน์..ฉันจะได้อะไร” .. กลายเป็นดวงตาเห็นธรรม เวลาที่เหลือของชีวิตคือ Perform ต่อในบทแสดงที่เป็นสุข เป็นคนที่ดีขึ้น สวยงามขึ้น เขาเกลาจิตสำนึก ยกระดับจิตสำนึก ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อค้นพบตัวตนที่สูงส่งกว่า. // การเข้าใจนพลักษณ์ ว่าเราเป็นคนลักษณ์สาม มันช่วยอธิบายเส้นทางชีวิต ว่าเหตุใดเราเป็นเช่นนี้ (มันสาหัดสากันมากค่ะแต่ก็ทำให้เข้าใจการก่อร่างสร้างตัวของคำว่าชีวิต มันได้ Transformation of Life จริงๆ )ขอบคุณข้อมูลที่ท่านได้เผยแพร่ส่งมอบความรู้ความเข้าใจให้ดิฉัน ขอบคุณ ขอบคุณและขอบคุณ

เป็นคนลักษณ์สามค่ะ เป็นจริงทุกอย่างที่ได้อ่านบทความมา โดยเฉพาะการเห็นผลกระทบการเป็นในทางข้อด้อยของลักษณ์สาม(หลงตัวเอง)..แต่ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยให้เข้าถึงธรรมะ. ชนิดดวงตาเห็นธรรมตื่นรู้ ในการเห็นถูกต้อง ทำให้มรรค8เดินได้ตามความเป็นจริง ไม่ได้ตกอยู่ในความไม่รู้(อวิชา) เมื่อรู้แจ้ง สิ่งที่ได้ค้นพบเป้าหมายที่ต้องการจะบรรลุ คือ ความหมายของการมีชีวิต ได้เข้าถึงความต้องการจะประสบความสำเร็จและเป็นความสุข มีความมั่งคั่งได้นั้น ต้อง”ให้ประโยชน์ ..ฉันจะช่วยอะไรได้บ้าง” ไม่ใช่ “เอาประโยชน์..ฉันจะได้อะไร” .. กลายเป็นดวงตาเห็นธรรม เวลาที่เหลือของชีวิตคือ Perform ต่อในบทแสดงที่เป็นสุข เป็นคนที่ดีขึ้น สวยงามขึ้น เขาเกลาจิตสำนึก ยกระดับจิตสำนึก ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อค้นพบตัวตนที่สูงส่งกว่า. // การเข้าใจนพลักษณ์ ว่าเราเป็นคนลักษณ์สาม มันช่วยอธิบายเส้นทางชีวิต ว่าเหตุใดเราเป็นเช่นนี้ (มันสาหัดสากันมากค่ะแต่ก็ทำให้เข้าใจการก่อร่างสร้างตัวของคำว่าชีวิต มันได้ Transformation of Life จริงๆ )ขอบคุณข้อมูลที่ท่านได้เผยแพร่ส่งมอบความรู้ความเข้าใจให้ดิฉัน ขอบคุณ ขอบคุณและขอบคุณ

เป็นคนลักษณ์สามค่ะ เป็นจริงทุกอย่างที่ได้อ่านบทความมา โดยเฉพาะการเห็นผลกระทบการเป็นในทางข้อด้อยของลักษณ์สาม(หลงตัวเอง)..แต่ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยให้เข้าถึงธรรมะ. ชนิดดวงตาเห็นธรรมตื่นรู้ ในการเห็นถูกต้อง ทำให้มรรค8เดินได้ตามความเป็นจริง ไม่ได้ตกอยู่ในความไม่รู้(อวิชา) เมื่อรู้แจ้ง สิ่งที่ได้ค้นพบเป้าหมายที่ต้องการจะบรรลุ คือ ความหมายของการมีชีวิต ได้เข้าถึงความต้องการจะประสบความสำเร็จและเป็นความสุข มีความมั่งคั่งได้นั้น ต้อง”ให้ประโยชน์ ..ฉันจะช่วยอะไรได้บ้าง” ไม่ใช่ “เอาประโยชน์..ฉันจะได้อะไร” .. กลายเป็นดวงตาเห็นธรรม เวลาที่เหลือของชีวิตคือ Perform ต่อในบทแสดงที่เป็นสุข เป็นคนที่ดีขึ้น สวยงามขึ้น เขาเกลาจิตสำนึก ยกระดับจิตสำนึก ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อค้นพบตัวตนที่สูงส่งกว่า. // การเข้าใจนพลักษณ์ ว่าเราเป็นคนลักษณ์สาม มันช่วยอธิบายเส้นทางชีวิต ว่าเหตุใดเราเป็นเช่นนี้ (มันสาหัดสากันมากค่ะแต่ก็ทำให้เข้าใจการก่อร่างสร้างตัวของคำว่าชีวิต มันได้ Transformation of Life จริงๆ )ขอบคุณข้อมูลที่ท่านได้เผยแพร่ส่งมอบความรู้ความเข้าใจให้ดิฉัน ขอบคุณ ขอบคุณและขอบคุณ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท