ผู้เขียนสอนวิชาภาษาอังกฤษค่ะ เวลาที่มอบหมายให้เด็กนักเรียนเค้าหาความหมายของศัพท์ยากมาล่วงหน้าตามบทอ่านที่กำหนดให้ แล้วเด็กๆ เค้าไม่หาความหมายของคำศัพท์มาเนี่ยจะเสียเวลาในคาบเรียนต่อไปมาก เพราะจะต้องให้เค้านั่งค้นความหมายกันใหม่ ทั้งๆ ที่มอบหมายเป็นการบ้านให้ไปทำมา แต่ไม่ยอมทำ เลยคิดสร้างสถานการณ์จำลองให้เค้าเจอ เพื่อปรับแก้นิสัยของความรับผิดชอบของกลุ่มใหญ่ แต่เล่นระบบทีม ณ ที่เกิดเหตุการณ์นั้นเลย ประมาณว่าให้โอกาสเค้าได้เจอกับสถานการณ์เสมือนจริงในชีวิตเค้าเอง แล้วรอการตัดสินใจและพิจารณาจากความคิดของเค้าร่วมกัน เหมือนกดดันเค้า มันดูเหมือนจะเป็นละครบทหนักสำหรับครู แต่ก็ต้องยอมเล่นตามบทบาทนั้น เพื่อเป็นบทเรียนให้เค้าเลือกเอง ,เห็นเอง, พบเอง โดยมีเราประคับประคองอยู่ห่างๆ
ผู้เขียนบอกกับลูกศิษย์เหล่านั้นว่า “ในเมื่อพวกเขาไม่สนใจที่จะเรียน ครูก็ไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเราเหมือนพวกเราเป็นลูกครูอย่างที่ผ่านๆ มาแล้วล่ะ เราก็คงเป็นได้แค่ผู้สอนและผู้เรียนเท่านั้น นี่คงเป็นสิ่งที่พวกเราอยากให้ครูเป็น”
และแล้ว.....ในวันรุ่งขึ้น คาบเรียนแรกของการเริ่มต้นบทละคร สรรพนามแทนตัวเองของครู จากเดิม.....ครู.......กลับเปลี่ยนเป็น....ดิฉัน.....และคำที่ใช้แทนชื่อเด็กๆ .....จากเดิม....ลูก,หนู,ผม......กลับเปลี่ยนเป็น......คุณ...... ไม่มีความเป็นกันเองเหมือนก่อน แต่เป็นการให้เกียรติกันในนามและหน้าที่เท่านั้น บทเรียนและเนื้อหาวิชาการเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนความห่วงหาอาทรระหว่างครูและศิษย์หายไปประมาณหนึ่ง
เค้าเริ่มรู้สึกแปลกๆ จากความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้ มีนักเรียนบางคนรวมกลุ่มกันซุบซิบถึงความเปลี่ยนไปของครูคนเก่าที่เข้ามาพร้อมกับความสนุกสนาน ร่าเริง เป็นกันเอง สิ่งเหล่านั้นมันหายไปไหน เค้าอดรนทนไม่ได้จึงยกมือถามผู้เขียนว่า ครูเป็นอะไรไปคะ สิ่งที่ผู้เขียนตอบกลับไป คือ เป็นผู้สอนที่คุณอยากให้เป็น นั่นคือไม่จำเป็นต้องอบรม, ตักเตือน, สั่งสอนอะไรกันมากมาย
ละครเบิกโรงไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ เค้าเริ่มร้อนใจจากความกดดันที่แปลกไปไม่เหมือนเดิม มีความแตกต่างในบรรยากาศของการเรียนที่แตกต่างไปจากห้องอื่น เลยมีการพยายามส่งตัวแทนมาเจรจาขอครูคนเก่ากลับมาได้ไหม แต่บทละครยังไม่จบง่ายๆ จนคนที่เกเรที่สุดรวมตัวกับกลุ่มเพื่อน บอกไม่ไหวแล้วนะ ต้องทำให้กลับมาเหมือนเดิมให้ได้ ยกทีมมาทั้งห้องบอกกับผู้เขียนว่าเค้าไม่เอาผู้สอนแล้ว เอาครูกลับมาดีกว่า ผู้เขียนเลยขอสัญญาแห่งศักดิ์ศรีว่า......ต่อแต่นี้ไปต้องขยันเรียน และมีความรับผิดชอบกันทั้งห้อง เค้าตกลงยอมรับเงื่อนไข และเค้าก็ปรับตัวได้โดยบทเรียนแห่งความกดดันนั้นเอง
ในบางครั้ง บางสถานการณ์อาจจะใช้ได้ แต่คงไม่ทุกสถานการณ์ และไม่ทุกกลุ่มเด็กหรอกค่ะ คงขึ้นอยู่กับสภาพเด็กมากกว่าว่าเป็นอย่างไร ครูผู้สอนย่อมรู้ว่า ณ สถานการณ์นั้นควรปรับแก้อย่างไรหากเกิดปัญหาขึ้น
ผู้เขียนโชคดีที่เด็กๆ ยอมรับเงื่อนไขและเดินมาตามแนวทางที่วางแผนไว้ในละคร แต่หากเกิดพลาด....ผิดแผนล่ะก็ คงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
สวัสดีครับคุณครู
สวัสดีค่ะคุณเม้ง
สวัสดีครับพี่แอน (ขอโมเมเรียกพี่แล้วกันนะครับ เลียนแบบ พี่บ่าวขจิตครับ)
คุณเม้งคะ
สวัสดี พี่แอน คนงาม ค่ะ...
... แหม ! นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นคุณครู น้องคงเข้าใจผิดว่าเป็น ดารา/นักแสดง ไปแล้วนะค่ะนี่ ^_^
... แสดงได้ดี และสมบทบาทจริง ๆ ค่ะ ข้าน้อยขอคารวะ อิอิ..
... โอกาสข้างหน้าหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง ขอนำ สคริปต์ นี้ไปใช้เพื่อ ต่อยอด เป็น KM ได้ป่าวค๊ะ อิอิ.... สนใจสคริปต์ค่ะ..
"JasmiN"
สวัสดีค่ะน้อง
หวัดดีจ้า
แวะมาเยี่ยมคะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีจ้าพ่อน้องชายคนเก่ง
สวัสดีจ้าน้องชายคนเก่ง
สวีสดีค่ะ คุณครู Lioness_ann
ขอเอาบทละครนี้ไปใช้ตอนจบ และได้เป็นครูแล้ว ได้ไหมคะ
เป็นการเตือนสตินักเรียน ที่ดีมากเลยค่ะ
มาเยี่ยมหนูบ้างนะคะ