แน่นอนครับ... ผมเองก็เห็นด้วยกับถ้อยคำที่ว่า
การเป็นหัวหน้างานที่ดีเป็นได้ยาก แต่ก็ไม่ยากจะเป็น
ผมมีความเชื่อที่ดูออกจะกร้าวกล้าอยู่ประการหนึ่งก็คือ การทำงานในองค์กรเมื่อมีการมอบนโยบายแล้ว ขุนพลทั้งระดับหัวหน้า หรือลูกน้องก็ต้องสามารถขับเคลื่อนได้เองโดยไม่จำเป็นต้อง “รอการสั่งการ” จากระดับนโยบายสถานเดียว !
ระบบ “หัวหน้างาน” ในโครงสร้างข้าราชการไทยประสบปัญหาเช่นนี้อยู่หลายแห่ง นั่นคือ “ หัวหน้าทำงานไม่เป็น” เพราะระบบของการได้มาซึ่งหัวหน้านั้นมักเป็นไปตามครรลองของศักดินาแทบทั้งสิ้น ทั้งระดับขั้น, อายุราชการ, หรือแม้แต่ “เด็กท่าน” ...ก็เป็นภาพเกลื่อนตาที่พบเจออยู่ทุกมุมเมืองในสังคม
ผมเองก็อยู่ในสถานะของการเป็นหัวหน้างานในองค์กร มีเจ้าหน้าที่ในสังกัดที่ต้องดูแล 11 คน ซึ่งนั่นยังไม่รวมการดูแลและให้คำปรึกษากับบรรดาผู้นำนิสิตอีกจำนวนมาก
ผมเป็นหัวหน้างานที่ไม่เคยผ่านหลักสูตรการอบรมเกี่ยวกับการบริหารงานฯ ... เป็นอยู่และดำเนินไปในแบบ “ลูกทุ่ง” ... โอกาสนี้จึงต้องการคำเสนอแนะจากท่าน ๆ ทั้งหลายในหลักคิดของการเป็นหัวหน้างานที่ดีเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาตนเอง
แต่เบื้องต้น ผมขออนุญาตนำเสนอคุณลักษณะของหัวหน้างานที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างงานและสร้างลูกน้องในแบบฉบับของผมบ้างนะครับ (นั่นคือ)
1. คิดไม่ออก บอกไม่ถูก : คุณลักษณะเช่นนี้เป็นลักษณะของการ “คิดไม่ได้ – ไปไม่ถึง” ซึ่งหัวหน้างานจะเป็นผู้ที่ขาดความรู้ความสามารถในเรื่องของการงานนั้น ๆ ไม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ขาดทักษะและประสบการณ์การบริหารงานและบริหารคน เวลาได้รับมอบนโยบายอันใดมาก็นำมาสร้างงาน หรือขยายงานนั้นไม่ได้ อืดอาดและว่ายวนอยู่ในท้องทะเลอันไพศาล
หัวหน้างานประเภทนี้จะนิยมชมชอบกับการถูกสั่งให้ทำโน่นทำนี่ อันเป็นคุณลักษณะของการสนองคุณมากกว่าสนองงาน หรือแม้แต่การนิยมชมชอบกับการ “ชี้นิ้วสั่ง” (สักแต่ว่าสั่ง) .. แต่ถ้าจะให้คิดรังสรรค์งานขึ้นเองก็กระทำการไม่ค่อยได้ ...
ซ้ำร้ายบางทีเจอลูกน้องที่เก่งกว่าก็พาลอคติทำตัวแปลงร่างเป็น “จระเข้ขวางคลอง” เฉยเลยก็มี
บางครั้ง, เมื่อมีการติดตามงานก็มักจะพบว่า “งานไม่เดิน” และเมื่องานไม่เดินก็มักจะโยนภาระความรับผิดชอบนั้น ๆ ลงที่ลูกน้องอย่างน่าตาเฉย พร้อมทั้งสรรหาเหตุผลนานาประการมาเป็นคำแก้ตัว (Excuse) เพื่อให้หลุดพ้นไปจากวังวนของหน้าที่ความรับผิดชอบ (Responsibility)
2. เก่งทุกเรื่อง : คุณลักษณะเช่นนี้เป็นลักษณะของหัวหน้าที่เต็มไปด้วยพลังความคิด อยากทำโน่นทำนี่อยู่ไม่รู้จบ ซึ่งก็หมายถึงการ “แย่งงานลูกน้องทำ” นั่นเอง
หัวหน้างานประเภทนี้จะว่าไปแล้วก็ดีกว่าประเภทแรกอย่างเห็นได้ชัด เพราะถือว่าเป็นคนที่ “คิดได้ – ไปถึง” แต่ก็คงต้องปรับแก้กันบ้าง เพราะนี่คือกระบวนการที่ไม่ส่งเสริมให้ลูกน้องได้มีเวทีในการแสดงความสามารถ ประหนึ่งว่าไม่เปิดโอกาสให้ลูกน้องได้ทำงานตามวิถีคิดหรือจินตนาการ (Imagination) และความรู้ของเขาเอง
กระบวนการเช่นนี้ย่อมไม่สามารถพัฒนาสมรรถภาพด้านการทำงานของลูกน้อง หรือแม้แต่องค์กรได้เลย หรือแม้แต่การเป็นเสมือนภาพฟ้องตนเองว่าเป็นคนที่ไม่สามารถ “สอนงาน” ลูกน้องได้ รวมไปถึงการไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ หรือแม้แต่การไม่รู้จักหลักแห่งการบริหารงานและบริหารคน
ตรงกันข้าม, หากถอยออกมาสักก้าว มอบหมายความมั่นใจให้ลุกน้องได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถก็น่าจะดีไม่น้อย บกพร่องประการใดก็ช่วยปรับแก้ ดีงามมาก็ไม่ลืมที่จะสรรเสริญเยินยอ (Praise)
และทั้งสองประเด็นที่กล่าวถึงนั้น, เป็นแต่เพียงมุมมองส่วนตัวของผมที่เก็บตกมาจากชีวิตรายวันของตนเอง แต่ดูภาพรวมแล้วก็น่าจะมีลักษณะร่วมกับความเป็นจริงในทางสังคมอยู่บ้าง
ผมไม่ใคร่แน่ใจว่าปัญหาเช่นนี้ต้องแก้ไขด้วยกระบวนการใดบ้าง เพราะผมก็ไม่เคยผ่านการอบอบรมหลักสูตรของการเป็นหัวหน้าฯ จากที่ไหนมาก่อนเลยในชีวิต ที่ทำ ๆ อยู่ทุกวันก็งัดเอาประสบการณ์ตรงมาบริหารจัดการแทบทั้งสิ้น และยึดหลัก “มนุษย์นิยม” เป็นที่ตั้ง
แต่ที่แน่ ๆ คืนนี้ผมจะไปกรุงเทพฯ เพื่อเข้าร่วมการสัมมนาเรื่องการพัฒนาเยาวชน ถึงจะไม่เกี่ยวกับเรื่องการบริหารงานในตำแหน่งหัวหน้าฯ แต่ก็น่าจะเป็นการเปิดโลกทัศน์ของการเป็นหัวหน้างานที่ดีได้บ้าง กระมัง !
สุดท้าย,
ทุกวันนี้ผมบอกลูกน้องว่า ทุกคนต้องเป็นหัวหน้าในงานของตนเอง ... ซึ่งหมายถึง กล้าคิด กล้าทำ กล้ารับผิดชอบ (คิดให้ได้ ..ไปให้ถึง)
แล้วท่านละครับ มีหลักคิดอย่างไรกับการเป็นหัวหน้าที่ดี เผื่อคนที่ไม่ผ่านหลักสูตรการเป็นหัวหน้างานอย่างผมจะต่อยอดพัฒนาตนเองได้บ้าง
ขอบคุณครับ
เรื่องหัวหน้านั้น พูดไม่ออก บอกไม่ถูกค่ะ ^_^
หัวหน้าในฝันมีตัวตนอยู่จริงไหมก็ยังไม่รู้เลย อาจจะมีเนอะ ประเภทที่มีภาวะความเป็นผู้นำ บุคลิกดีเยี่ยม มองการณ์ไกล รู้จักใช้คน มีเป้าหมายชัดเจน มนุษย์สัมพันธ์เป็นเลิศ มีความรู้ สนับสนุนลูกน้อง
คุณแผ่นดินคะ .. มีนี่มาฝากค่ะ สำหรับคุณแผ่นดินเลย http://gotoknow.org/blog/naepalee/121271
การเป็นหัวหน้างานที่ดีเป็นได้ยาก แต่ก็ไม่ยากจะเป็น
การเป็นหัวหน้างาน ต้องมีน้ำใจ ลูกน้องยำเกรง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ไม่ผูกโกรธ เวลาทำงาน ควรทำงาน เวลาพักผ่อน ควรพักผ่อน ชมเชยลูกน้องที่ทำงานดี หูอย่าเบา อย่าเครียดกับงานด้วย
หัวหน้าบางท่าน อาจจะใหม่ต่องาน จึงมีการคิดและการตัดสินใจช้าไปบ้าง ต้องอาศัยลูกน้องมีประสบการณ์ช่วย บอก
หัวหน้าบางท่าน ก็ไม่ยอมรับฟังความเห็นของใคร ไม่ใช่เก่ง แต่มีทิฏฐิสูง เชื่อมั่นตนเองเกินไป
หัวหน้าบางท่าน ก็สองจิตสองใจ ตัดสินใจไม่เด็ดขาด ทำให้งานล่าช้าไป
หัวหน้าบางท่าน มีความคิดดีสร้างสรรค์ แต่ไร้น้ำใจต่อลูกน้อง ใช้งานอย่างเดียว
หัวหน้าบางท่าน มีน้ำใจฟุ่มเฟือยเกินไปกับลูกน้อง ทำให้ขาดความยำเกรง
หัวหน้าบางท่าน เด็ดขาดเกินไป ไล่ออกอย่างเดียว
หัวหน้าบางท่าน มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ชอบทำผิดให้ลูกน้องเห็น ในเรื่องงาน
หัวหน้าบางท่าน ข่มขู่ลูกน้องมากเกินไป และ เจ้าชู้ด้วย
หัวหน้าบางท่าน มีความสามารถ มีความคิดดี มีพลังขับเคลื่อนสูง มีน้ำใจ และ เอื้อเฟื้อ รู้กาละเวลา
หัวหน้าบางท่าน ชอบประจบเอาใจ และ ชอบของกำนัล
คุณแผ่นดิน เป็นหัวหน้าประเภทไหน
นี่เป็นความเห็นส่วนตัว หากทำให้ผู้ใดไม่พอใจ ต้องขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วย
สุข สงบ เย็น
อ่านแล้ว สะดุ้งยังไงก็ไม่รู้...สงสัยเราเองทั้งหมด...ขอบคุณค่ะที่เขียนมาให้อ่าน...ตรวจสอบตนเอง...
หัวหน้า...
ต้องปล่อยให้น้องๆ บิน...แล้วคอยเฝ้าดู...คอยซับน้ำตา...คอยเช็ดเลือด..เวลาที่เธอบินแล้วตกลงมา...แต่เชื่อเถอะถ้าปล่อยให้บินสัก 2 รอบ...เธอจะเก่งเก่งกว่าหัวหน้าซะด้วยซ้ำ......เพราะนั่นคิอธรรมชาติ
สวัสดีครับ พี่ศศินันท์
ก่อนอื่นต้องขอภัยอย่างยิ่งที่ตอบบันทึกล่าช้าเอามาก ๆ ..ช่วงนี้ผมมีภาระกิจมากมายก่ายกองมากจริง ๆ
อ่านข้อความของพี่ที่นำมาแลกเปลี่ยนแล้ว มองเห็นศาสตร์และศิลป์ของการเป็นหัวหน้าที่ต้อง "บริหาร" งานได้เป็นอย่างดี มองเห็นตั้งจุดยืนที่เข้มแข็งและการผ่อนปรนที่อ่อนงาม หรือแม้แต่การเปิดกว้างให้ลูกน้องได้มีเวทีในการแสดงศักยภาพ ตลอดจนการการดูแลและให้ความเมตตาต่อผู้ร่วมงาน
โดยทั้งปวงนั้นถือเป็นวัฒนธรรมการสร้างองค์กรให้เข้มแข็งได้เป็นอย่างดี
แต่ในระบบราชการที่ผมนำเสนอนั้น ผมเชื่อเหลือเกินว่า บทบาทและสถานะของ "หัวหน้างาน" นั้นค่อนข้างจะสำคัญมาก เพราะถือว่าเป็น "ขุนพล" ของการขับเคลื่อนกระบวนการต่าง ๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าบางครั้งระบบการได้มาซึ่งผู้นำในระบบราชการก็เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการสร้างและพัฒนางานอยู่บ้างเหมือนกัน
....
ขอบพระคุณครับ
สวัสดีครับ คุณพิชชา
ขออภัยนะครับที่ตอบบันทึกล่าช้า -
โดยส่วนตัว ผมมองว่าหากทุกคนตระหนักอยู่เสมอว่าตนเองเป็นหัวหน้างานของตนเองนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญของการทำงานและบริหารงาน เพราะนั่นคือการรับผิดชอบต่อการงานของตนเอง ซึ่งก็น่าจะนำพาการพัฒนาตนเองและองค์กรไปในทางที่ดีอย่างไม่ยากเย็น เพราะการตระหนักเช่นนี้จะทำให้งานแต่ละภาคฝ่ายมีความเข้มแข็งในตัวตนของมันเอง ไม่เป็นภาระของใคร และการไม่เป็นภาระของใครนั้น ก็จะช่วยให้ระบบแต่ละระบบเชื่อมโยงกันได้อย่างไม่ประสิทธิภาพ
ผมเชื่อเช่นนั้น...และยังย้ำให้ลูกน้องทุกคนเป็นหัวหน้างานของตนเอง ...
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
ขอบใจมากเลยที่แวะมาทักทายและขออภัยที่ผมตอบบันทึกล่าช้า ...
ตอนนี้พี่ก็ยึดแนวทางการเป็นพี่เป็นน้อง... ติดตามงานกันอย่างหนักหน่วงบ้างเป็นจังหวะ ๆ ..ขณะเดียวกันก็พยายามคำถึงถึงบรรยากาศเป็นที่ตั้ง.
พี่เองก็ยังต้องทำงานหนักในบทบาทของการเป็น "หัวหน้า" ..ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเวิร์คหรือเปล่า .. อันนี้ต้องให้น้อง ๆ ประเมินกันด้วยตนเอง
และขณะนี้ก็ให้ลูกน้องประเมินพี่แล้ว... ไว้ได้ผลอย่างไรจะมาสื่อสารนะครับ
สวัสดีครับ
เข้าใจและเห็นใจในสถานการณ์เช่นนั้นมาก ... ผมเติบโตจากแนวคิดของการเชื่อมั่นในความเป็นมนุษย์นิยม ซึ่งหมายถึงการตระหนัก และศรัทธาว่ามนุษย์ทุกคนต่างมีความดีงามด้วยกันทั้งนั้น
แนวคิดเช่นนั้น, จึงเป็นปัจจัยหนุนส่งให้ตนเองพยายามคิดเสมอว่าตัวเราเป็น "เจ้านายตัวเอง" ซึ่งหมายถึงการรับผิดชอบงานให้ดีที่สุด เพื่อลดความเป็นภาระของผู้อื่น ...
วิธีการคิดและบริหารจัดการของพี่ศศินันท์ sasinanda ข้างต้นนั้นน่าสนใจมากครับ
ผมเป็นกำลังใจให้ และขอให้เป็นที่รักของ "งาน, เพื่อนร่วมงานและเจ้านาย" นะครับ..
สวัสดีครับ คุณต้อม
ขอบคุณนะครับที่นำหนังสือดี ๆ มาแบ่งปันชาวบล็อกผ่านบันทึก ..
....
ภาวะความเป็นผู้นำ บุคลิกดีเยี่ยม มองการณ์ไกล รู้จักใช้คน มีเป้าหมายชัดเจน มนุษย์สัมพันธ์เป็นเลิศ มีความรู้ สนับสนุนลูกน้อง
คุณสมบัติข้างต้น จะให้ครบเลยคงยากครับ... หรือถ้ามีครบ แต่บางห้วงเวลาก็อาจจะขาดเขินไปบ้าง
ถ้าโชคร้ายไม่มีคนเช่นนั้น เราก็ยังเป็นลูกน้องที่ดี ...ใช่ไหมครับ
สวัสดีครับ
ขอบพระคุณอย่างยิ่งในแนวคิดดี ๆ ที่นำมาแบ่งปัน และผมก็ถือโอกาสนำไปแบ่งปันต่อคนในองคืกรด้วยเหมือนกัน
แน่นอนครับ... ผมเองก็เห็นด้วยกับถ้อยคำที่ว่า
การเป็นหัวหน้างานที่ดีเป็นได้ยาก แต่ก็ไม่ยากจะเป็น
สวัสดีครับ พี่เมตตา
คิดถึงเสมอนะครับ -
ผมเองก็พยายามเปิดน่านฟ้าให้ลูกน้องได้บิน ๆ โฉบ ๆ บางทีก็วางระเบิดเขาสักลูกสองลูกให้ลอง ๆ ขุด ๆ ค้น ๆ กันบ้าง
บอกกับเขาเสมอว่า ... มีอะไรให้บอก และมีอะไรให้ทำให้เต็มที่ ...
ต้องกล้าคิด - กล้าทำ และกล้ารับผิดชอบ
และให้สบายใจว่า การงานที่ผิดพลาดในกระบวนการนั้น ผมในฐานะหัวหน้าเป็นส่วนหนึ่งของการรับผิดชอบร่วมกับเขา
ดังนั้น ...ทำให้ดีที่สุด ...
นั่นคือสิ่งที่ผมพร่ำบอกกับพวกเขาเสมอมา
....
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ พี่อึ่งอ๊อบ..
ผมแวะไปอ่านแล้วนะครับ...
แต่ขอให้เวลามันนิ่งมากกว่านี้สักหน่อยจะกลับไปเยือนบันทึกนั้นอีกครั้ง ..
และจะทิ้งรอยความคิดไว้ในบันทึกนั้นด้วยเช่นกัน
ขอบพระคุณครับ
สวัสดีครับ
ผมยึดหลักการบริหารว่า "คนเราต้องได้รับโอกาสและเวทีทางความคิด" ...เสียก่อน
ถูกผิด.. ดีงาม หรือบกพร่อง ค่อยมาว่ากัน
แต่ต้องให้เวทีเหล่านั้นกับพวกเขาเสียก่อน
....
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับคุณแผ่นดิน
หัวหน้าที่ดี...ต้องมีอะไรบ้าง เป็นคำถามที่น่าคิดครับ
ถ้าคนที่เป็นหัวหน้าตั้งคำถามนี้ในใจ ผมสันนิษฐานในใจว่าหัวหน้าท่านนี้จะเป็นที่เคารพรักของลูกน้องอยู่มากพอสมควร ที่ผมบอกแบบนี้เพราะคิดว่ายังมีหัวหน้าอีกมากที่ได้เป็นเพียงชื่อเท่านั้น แต่เป็นหัวหน้าที่ขาดภาวะผู้นำ ซึ่งผู้นำที่ดีนั้น ผมเห็นว่าควรจะใช้ใจนำมากกว่าอำนาจในตำแหน่งหน้าที่มานำทีม
เท่าที่ผมนึกได้ในตอนนี้ ผมคิดว่า หัวหน้าที่ดีต้องมีใจเป็นกลางและเป็นธรรม หลังจากนั้นสิ่งต่างๆ เป็นต้นว่าแนวคิด วิธีปฏิบัติที่เหมาะที่ควรก็จะตามมาเอง ไม่ต้องฝืน จะเป็นไปตามธรรมชาติบนพื้นฐานของความรัก...รักตนเอง รักลูกน้อง รักองค์กร
หัวหน้างานที่ดี...ต้องมีอะไรบ้าง....ผมว่าน่าจะต้องมี sense ที่ดีด้วยครับ
ไม่ มี รัย มาก
อิ อิ อิ 5 5 5 +
เข้ามาศึกษาการทำงานของพี่..คนเก่งของเธอ
ศรัทธาแห่งใครไม่อาจสร้างเองได้ รู้สึกได้เอง นับถือพี่นะครับผม
ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆค่ะ
เคยเรียน ป.ตรี มมส. เคยทำ staff
พี่พนัส เป็นคนที่มี concept ของตัวเองอยู่แล้ว หัวหน้างานไม่จำเป็นต้องเหมือนกันไปหมด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ลูกน้อง เดาว่าลูกน้องพี่พนัส ย่อมภูมิใจในตัวพี่อยู่แล้วล่ะค่ะ
แต่สำหรับตัวเองแล้ว หัวหน้า(ความจริงมีคนเดียว) แต่ต้องทำตัวมีหัวหน้าหลายคน เพราะโครงสร้างองค์กร (นี่ต้องทำไงคะ)
ขอบคุณค่ะ