ปีเตอร์ เอ็ม เซงเก้ กล่าวว่า “คนทั่วไปไม่ได้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงแต่ต่อต้านการถูกเปลี่ยนแปลง”
Top 10 success factors for change management.
1. ensure top sponsorship ผู้บริหารระดับสูงให้การสนับสนุน 82% สำคัญที่สุด ถ้าผู้บริหารไม่เล่นด้วยอย่าทำ
2. treating people fairly มีความเป็นธรรม 82%
3. Involving employees พนักงานมีส่วนร่วมโดยเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนได้ส่วนเสีย 75%
4. Giving quality communications ,มีการสื่อสารที่มีคุณภาพ 70%
5. Providing sufficient training อบรมเพียงพอ 68%
6. Using clear performance measures ตัววัดผลการทำงานที่ชัดเจน 65%
7. Building team after change สร้างทีม 62%
8. Focusing on culture/skill change 62 %
9. Rewarding success 60%
10. Using internal champion คือ Talent ทำงานดี พฤติกรรมดี ต้องเป็น champion ต้องเปลี่ยน Paradigm 60%
ที่สำคัญคือการ Transform ที่จะประสบผลสำเร็จนั้น เป้าชัด ระบบรอง คนต้องตื่นตัว โดยผู้นำ ต้อง
1. สร้างบรรยากาศ
2. มีพลัง
3. มีวิสัยทัศน์
4. สามารถเชื่อมโยงทั่วทั้งองค์กร
5. วางระบบการการเปลี่ยนแปลงให้คนเข้าใจ สร้างกลไก ประสานเป็นความเป็นหนึ่งและรับฟัง feedbackขอบเขต
ในการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนประกอบด้วย
1. เปลี่ยน Vision Mission
2. โครงสร้าง ระบบ
3. วัฒนธรรม Norm
4. เทคโนโลยี
5. กายภาพ Physical setting เช่นการย้าย office
6. สมรรถนะคน
ขั้นตอน ต้องเปลี่ยนจากข้างใน สร้างเป็นเจ้าของ
ดังนั้นปัจจัยสู่ความสำเร็จ จึงประกอบด้วย
1. ยืนยันความจำเป็นอย่างชัดเจน ให้คนรู้ว่าต้องมีการการจัดการการเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดขององค์กร เช่นต้องขายสำนักงานใหญ่ อาจมีการแสดงbalance sheet
2. ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
3. สร้างความสำเร็จในระยะสั้นให้เห็นก่อน (Small win) มุ่งให้เห็นผลที่น่าเชื่อ และรีบประกาศให้ทุกคนรับรู้
4. อย่าหยุดสื่อสาร ทำตามที่พูด เป็นตัวอย่างที่ดี รับฟังความคิดเห็นกันและกัน
5. สร้างพันธะสัญญา และคณะทำงานที่ผู้บริหารระดับสูงมีส่วนร่วม
6. กระบวนการต่างๆ ชัดเจน ง่าย ไม่ซับซ้อน
7. หาแนวร่วมอาสาสมัครเข้ามาเป็นพลัง ไม่มีใครปฏิเสธความคิดของตัวเองถ้าบุคลากรอาสาสมัครเข้ามาได้แสดงความคิดเห็น มีการรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกันจะนำพาสู่ความร่วมมือ การเปลี่ยนแปลงจะไปได้ดี
คนในองค์กรจะมีอยู่ 3 ประเภท ที่ HR ต้องแยกแยะ ให้ได้ว่าใครเป็นประเภทไหน
1. ประเภทเห็นด้วย (20%) ต้องสร้างคนกลุ่มนี้ให้เป็น change agent
2. ประเภทรอดูลังเล (70%) เอา 20% มาช่วยดึง 70% ให้ได้และอย่างเร็ว เพราะถ้าช้า 10 % จะดึง 70%
3. ประเภทต้านการเปลี่ยนแปลง (10%) จำกัดวง 10% ไม่ให้ก่อการวุ่นวาย บรรยากาศการต่อต้านนั้นต้องมีแน่นอนแต่ต้องทำให้บรรยากาศต่อต้านนั้นสั้น ๆ อย่าให้ยาว ต้องสร้างให้เกิดการยอมรับเร็วที่สุด การลดการต้าน ให้ทุกคนรู้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
โศกนาฏกรรมการเปลี่ยนแปลง
1. ผุ้บริหารระดับสูงสั่งการแล้วแยกตัวออกไป ไม่สนใจให้การสนับสนุนช่วยเหลือ
2. ผู้บริหารระดับกลางเกิดความกดดัน จากผู้บริหารระดับสูงที่ไม่ให้สนับสนุน
3. พนักงานรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ไม่เชื่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะส่งผลดีกับตนเองจึงต่อต้าน
สรุป
Change Management เป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อเราอยู่รอด ทุกคนมีงานทำ ผู้บริหารระดับสูง ต้องเห็นด้วย ทุกคนเกี่ยวพันกัน สื่อสารในองค์กรมากๆ ให้คิดเหมือนกัน สร้างความสำเร็จระยะสั้น และ Champion ให้กำลังใจกันมากๆ การเปลี่ยนแปลจึงจะสำเร็จ
ปีเตอร์ เอ็ม เซงเก้ กล่าวว่า “คนทั่วไปไม่ได้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงแต่ต่อต้านการถูกเปลี่ยนแปลง”
คุณเห็นด้วยหรือไม่?
.................
คนึงนิจ อนุโรจน์
สรุปประเด็นการบรรยาย อาจารย์ ชาญวิทย์ สิงหเสนี เมื่อ 15 ส.ค.20
ไม่มีความเห็น