ผมได้รับรู้เรื่องราวของดาบเชาวฤทธิ์ แล้วเกิดความสนใจที่จะศึกษาเรียนรู้เรื่องการจัดการชีวิตของเขา โดยการชวนเพื่อนนักศึกษากลุ่มเดียวกันไปเยี่ยมเขาถึงบ้านก็ทำให้เกิดการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อีกหลายอย่าง ที่ควรแก่การศึกษาอย่างเรื่องของการลดรายจ่าย ซึ่งจริง ๆ แล้วในการจัดการ”ของใช้”ของเขานั้นนอกจากจะเป็นน้ำยาล้างจานที่เขาไปออกรายการโทรทัศน์”มหาวิทยาลัยชีวิต เรียนรู้เพื่ออยู่อย่างพอเพียง” แล้วยังมีของใช้อย่างอื่นอีกซึ่งที่แกบอกไว้ยังไม่หมดนั่นก็คือ
๑.สบู่เหลว ซื้อส่วนผสมมาในราคาชุดละ ๗๕ บาทผสมแล้วจะได้น้ำสบู่เหลวสำหรับอาบน้ำบรรจุขวดขนาด ๕๐๐ มล.จำนวน ๔ ขวด
๒.น้ำยาซักผ้า ซื้อส่วนผสมมาในราคาชุดละ ๑๒๕ บาทเมื่อนำมาผสมแล้วจะได้น้ำยาซักผ้าในปริมาณซึ่งเห็นเขาสาธิตการผสมให้ดูแล้วบรรจุไว้ในแกลลอนขนาดจุได้ ๑,๙๐๐ มล.และบรรจุในขวดน้ำอัดลมขนาด ๑.๒๕ ลิตรอีก ๒ ขวด
๓.ยาสระผม ซื้อส่วนผสมมาในราคาชุดละ ๑๕๐ บาทผสมแล้วจะได้ยาสระผมปริมาณ ๔ ลิตร
๔.ครีมนวดผม ซื้อมาชุดละ ๗๐ บาทผสมเสร็จแล้วนำไปบรรจุขวดได้ ๒ ลิตร
๕.น้ำยาปรับผ้านุ่มซื้อหัวเชื้อมาซองละ ๒๕ บาทนำมาผสมน้ำเปล่าได้ของใช้อยู่ ๑ แกลลลอน(๕ ลิตร)และน้ำยาล้างจานซื้อหัวเชื้อมาในราคาชุดละ ๒๐๗ บาทผสมแล้วได้น้ำยาไว้ล้างถ้วยล้างชามจำนวน ๑๕ ลิตร
สำหรับราคาเมื่อเทียบกับสินค้าในท้องตลาดจะไม่ขอบอก ให้คุณผู้อ่านไปสืบราคากันเอาเองก็แล้วกัน เมื่อก่อนหน้านี้เคยซื้อสบู่เหลวขนาดบรรจุขวด ๕๐๐ มล.ในราคาเท่าไหร่แล้วเดี่ยวนี้ลงทุน ๗๕ บาทได้สบู่เหลวไว้ใช้ ๔ ขวดถูกกว่าตั้งเยอะไม่มีพิษภัยเพราะที่บ้านของดาบเชาวฤทธิ์ ใช้กันทุกคนไม่เห็นมีใครเป็นผื่นคันเพราะแพ้ของใช้เลยสักคน
ขั้นตอนวิธีการในการผสมจะมีคำอธิบายมากับสินค้าด้วยเป็นวิธีทำที่ง่าย ๆ ขอยืนยันครับว่าคุณภาพของสินค้านอกจากจะไม่ด้อยไปกว่าสินค้าที่วางขายตามท้องตลาดแล้วบางชนิดยังมีคุณภาพเหนือกว่าอีกครับ ซึ่งขณะนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในกลุ่มเรียนรู้ของพวกเรา ที่ได้เอาไปถือปฏิบัติในแต่ละครอบครัว เห็นดาบเชาวฤทธิ์นั่งกวนของใช้แต่ละอย่างประเดี๋ยวเดียวไม่ถึง ๑๐ นาทีก็เสร็จแล้ว ช่วยให้ลดรายจ่ายในครัวเรือนได้มาก แล้วพวกเราจะจ่ายแพงกว่าทำไมละครับ หลักเศรษฐศาสตร์ง่าย ๆ ที่ไม่ต้องจบเอกเศรษฐศาสตร์ก็อธิบายได้ครับ
สินธุ ศรีคำ
ไม่มีความเห็น