รูปแบบความร่วมมือการจัดการศึกษาในท้องถิ่น


การศึกษาคือการสืบทอดวัฒนธรรม

การศึกษาคือความเจริญงอกงาม

การศึกษาคือการพัฒนาคน

การศึกษาคือการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถเผชิญโลกเผชิญชีวิตได้

การศึกษาคือการสร้างคนให้มีความรู้คู่คุณธรรม

ฯลฯ

     จะกล่าวว่าการศึกษาคืออะไร  ก็เป็นการถูกต้องทั้งนั้น  ที่แตกต่างก็อยู่ที่ว่าจะมองด้านใดของการศึกษาสิ่งสำคัญต่อชีวิตมนุษย์คือปัจจัยสี่  แต่จะถึงพร้อมซึ่งปัจจัยสี่ได้ต้องมีปัจจัยที่ห้าคือการศึกษา  กล่าวได้ว่า

                                การศึกษาคือปัจจัยที่ห้าของชีวิต

     การศึกษามีความสำคัญ  จำเป็น  และยิ่งใหญ่ เวลานักการเมืองหาเสียงไม่ว่าจะเป็นประเทศใดในโลกรวมทั้งประเทศไทย  ก็มักยกประเด็นทางการศึกษามาอ้าง  เช่น  จะทำให้คนได้รับการศึกษาดีขึ้น  มากขึ้น จะมาลงทุนทางการศึกษา  เป็นต้น  เงินงบประมาณเกือบ  25%  ก็ใช้ไปเพื่อการศึกษา  คิดเป็นมูลค่ากว่าปีละกว่าสองแสนล้านบาท  แต่การศึกษายังไม่ดีสมใจ  ไม่สามารถสร้างคนของชาติได้ที่ต้องการ

     ในโลกยุคปัจจุบัน  ใคร ๆ ก็กล่าวถึงการศึกษาตลอดชีวิต  การศึกษาสำหรับทุกคนคนทุกคนต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างน้อย  ถ้าประชากรของชาติคือคน 60 ล้านคน  เป้าหมายการจัดการศึกษาคือการให้คน  60  ล้านคนได้รับโอกาสได้เรียนรู้

     การจัดการศึกษาจึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ และยุ่งยากและยิ่งต้องจัดให้สอดคล้องกับความต้องการของบุคคลของสังคมด้วยก็จะมีความซับซ้อนยุ่งยากมากขึ้น หลาย ๆ ครั้งจึงมีผู้ตั้งคำถามว่า  ใครควรเป็นผู้จัดการศึกษา

ดังที่มักกล่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า

                          Education for all

                                All for Education

     ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ แนวคิดการจัดการศึกษาจึงส่งเสริมให้ประชาชน  องค์กร หน่วยงานต่าง ๆ ช่วยกันจัดการศึกษา

    การศึกษาเป็นของประชาชน  ประชาชนต้องมีส่วนร่วมจัดการศึกษา

    คงเป็นด้วยความคิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม  จึงเกิด  พ.ร.บ.   กระจายอำนาจกำหนดให้ท้องถิ่น  คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่จัดการศึกษาด้วย   พร้อมทั้งกำหนดวิธีการขั้นตอนการถ่ายโอนการศึกษา โดยเฉพาะระดับประถมศึกษา  และมัธยมศึกษาสู่ท้องถิ่น  แล้วก็เกิดการชุมนุมต่อต้านการโอนถ่ายกันอย่างรุนแรง ก็แปลกที่เวลามีกฎหมายออกมา  ไม่มีใครว่าอะไร  แต่พอจะมีการทำตามกฎหมายก็คัดค้าน  เหตุผลการคัดค้านก็คงเพราะความไม่มั่นใจสถานะภาพของบุคคลและของการศึกษา

    ที่จริงกล่าวได้ว่าทุกคนเห็นด้วยกับการให้ทุกคนทุกฝ่าย  ทุกองค์กร  มีส่วนร่วมในการจัดการ ศึกษา  ทุกคนเห็นความสำคัญขององค์กรท้องถิ่น   ที่จะมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเพราะเหล่านี้จะเป็นการระดมทรัพยากรและภูมิปัญญาที่หลากหลายช่วยกันจัดการศึกษา   ทำให้การศึกษามีคุณภาพสูงขึ้น   ดีขึ้น  และสอดคล้องกับวิถีชีวิตและสังคมมากขึ้น

      รูปแบบความร่วมมือในการจัดการศึกษาในท้องถิ่นน่าจะมีหลายรูปแบบ  และหลายวิธีการ ไม่ใช่มีอยู่เพียงการโอนการศึกษาไปจัดเสียเลยเพียงวิธีเพียงเท่านั้น  การโอนหรือไม่โอนมิได้เป็นการแสดงว่าทุกคนทุกองค์กรมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา  แต่วิธีการที่ทำให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมมีความสำคัญมากกว่าเป็นไหน ๆ  ไม่ว่าจะเป็นการโอนหรือไม่มีการโอนการศึกษาสู่ท้องถิ่น  สิ่งสำคัญคือการทำให้ทุกคนทุกฝ่ายมาร่วมกันจัดการศึกษา  และไม่ว่ารัฐเป็นผู้จัดเองหรือไม่  รัฐก็ต้องเป็นฝ่ายสำคัญสนับสนุนการจัดการศึกษา

    การจะเกิดความร่วมมือกันได้  ทุกฝ่ายจะต้องมีความเข้าใจตรงกันในเรื่องความสำคัญของการ ศึกษาและถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่จะต้องเข้าไปสนับสนุนส่งเสริมการมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของเสมอไป  เคยได้ยินบางคนกล่าวว่า  ถ้าโอนมาสังกัดก็พร้อมที่จะจัดสรรเงินให้..............ล้านบาท ถ้าไม่มาก็คงทำไม่ได้   ซึ่งไม่น่าจะเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง  ถ้าเห็นความสำคัญแล้วต้องช่วยกัน   ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหรือไม่ก็ตาม

    การมีส่วนร่วมจัดการศึกษา มิิได้แปลความว่าจะต้องจัดสรรเงินอุดหนุนเท่านั้น   แต่การเอื้อ-อำนวยสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ การจัดแหล่งเรียนรู้  กิจกรรมการเรียนรู้  ภูมิปัญญาเพื่อการเรียนรู้  การเป็นวิทยากรให้ความสำคัญและร่วมจัดให้มากก็เป็นการร่วมจัดการศึกษาเช่นเดียวกัน  และยังเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาวิถีชีวิตของประชาชนอีกดัวย

    ได้ทราบข้อมูลว่ามีองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง  เช่น  องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี  ภูเก็ต  ชลบุรี  และแพร่  เป็นต้น  ได้ทุ่มเทจัดโครงการพิเศษต่าง ๆ เพื่อเสริมคุณภาพการศึกษา  เช่น การเรียนรู้ผ่านระบบ  ICT   การเสริมความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ  การสนับสนุนสื่อและอุปกรณ์  เป็นต้น และยังกล่าวด้วยว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับการถ่ายโอน  แต่สนใจการสร้างความเป็นเลิศให้กับการศึกษาในท้องถิ่น

    ถ้าคนในท้องถิ่นได้รับการศึกษาดี  ก็จะมีอาชีพการงานที่ดี  มีชีวิตที่ดี  สังคมก็จะร่มเย็นเป็นสุข  เป็นความคิดที่น่ายกย่องสรรเสริญเป็นอย่างยิ่ง

 

                                ถ้าทุกฝ่ายร่วมกันส่งเสริมพัฒนาคุณภาพการศึกษามากกว่าการถ่ายโอน  การศึกษาไทย จะก้าวเร็วก้าวไกลกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

หมายเลขบันทึก: 120086เขียนเมื่อ 16 สิงหาคม 2007 22:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 15:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท