สัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 5-11 ที่ผ่านมา ได้กลายสภาพเป็นบ้านนอกเข้ากรุงครับ อาจารย์พาไปดูงานและฟังการบรรยายพิเศษจากผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ผมก็เลยต้องกลายเป็นบ้านนอกเข้ากรุงอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เดินทางไปกรุงเทพเกือบปีแล้วครับ ซึ่งตอนนี้เมื่อมองย้อนหลังไปจะพบว่าในรอบเจ็ดปีนี้ เฉลี่ยแล้วไปกรุงเทพ ปีละครั้ง และที่สำคัญรอบนี้เป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดปีที่จ่ายค่ายานพาหนะไปเอง ฮาฮาฮา
แต่ยอมรับครับว่า คุ้มสุดคุ้มจริงๆ มันแน่นด้วยสาระจริงๆ ผมเดินทางไปในวันอาทิตย์ครับ ก่อนขึ้นเครื่องที่สนามบินหาดใหญ่ก็เกิดอาการเสียดายมาเรื่องหนึ่ง คือ อ.ชากีรีน สุมาลี รุ่นพี่มอ. ที่อยู่นครศรีธรรมราชโทรศัพท์เข้ามา ชวนให้เข้าประชุมพัฒนาหลักสูตรที่ อ.จะนะ วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม ประเด็นน่าสนใจมาก แต่บังเอิญซื้อตั๋วขากลับไว้แล้ว ซึ่งตอนแรกก็คิดว่า น่าจะแวะไปร่วมประชุมทันในช่วงบ่ายแต่แล้วก็ไม่ทัน เพราะเครื่องมันดีเลย์ทั้งขาไปและขากลับ แล้วก็โทรไปบอกไม่ได้ด้วย เพราะจำไม่ได้ว่า บันทึกเบอร์โทรไว้ที่ไหน? (ถ้าบังอ่านบันทึกนี้ก็ขอมาอัฟไว้นะโอกาสนี้นะครับ)
(บังเขาบอกว่า ที่โทรมาชวนให้เข้าประชุมก็เพราะทราบแนวคิดของผม ที่ผมเขียนไว้ใน g2k นี้แหละครับ ก็เลยทำให้ทราบว่าเวปนี้มันเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านที่หลากหลายจริงๆ)
เมื่อไปถึงก็เข้าที่พัก โรงแรมกานต์มณี (ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากท่านอาจารย์โอภาส ภาควิชาเทคโนฯ มอ.ปัตตานี ขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนี้)
ผมได้แง่คิดหลายประการในการไปครั้งนี้ ก็ขอสรุปเป็นข้อๆ เพื่อมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
- หลักในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานของหลายๆ หน่วยงานในปัจจุบัน เป็นไปในทางเดียวกันครับ คือ "open source open standard" ซึ่งหมายถึง ใช้ของฟรี จะทำให้สามารถพัฒนาต่อได้ ประหยัด ยืดหยุ่น และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
- ตัวอย่างแรกที่เห็นคือที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในคณะการศึกษาทางไกล (ถ้าจำชื่อไม่ผิด) คณะนี้มีปรามาจารย์ดูแลอยู่คือ ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน และศ.ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ซึ่งคณะนี้เปิดหลักสูตรทั้งปริญญาโทและเอก โดยผ่านระบบ e-Learning และได้รับการยอมรับจากหลายสำนัก แต่เมื่อไปเรียนรู้เนื้อแท้ของการทำงานแล้ว พบว่า ทีมงานของท่านก็เลือกใช้ของถูกที่มีคุณภาพ และเอามาปรับแต่งให้มันมีคุณค่าขึ้น โดยไม่มีความคิดที่จะหาซื้อของราคาเกินตัวมาใช้ (เหมือนกับเรา ฮาฮาฮา)
- หลักฐานชัดเจนอีกอย่างหนึ่งคือ ห้องทำงานของท่านอาจารย์ศรีศักดิ์เอง ซึ่งหรู่มากครับ แต่ท่านยืนยันว่า ทั้งหมดซื้อมาจากจตุจักร แต่มาจัดแต่งให้ดูดีได้
- จากการสัมมนาระดับชาติของ tcu ซึ่งมีการนำเสนอการดำเนินการทางด้าน e-learning จากหลายประเทศ ซึ่งก็ใช้เทคโนโลยีเดี่ยวกันคือ open source
- ผมได้เห็นภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับความท้าทายของอุดมศึกษาในอนาคต ซึ่งประเด็นนี้มันทำให้ย้อนกลับมามองตัวเองว่า มอย.อยู่ที่ตำแหน่งหนใด และในอนาคตข้างหน้าเราควรเดินไปอย่างไร ที่ผมเห็นคือ ความชัดเจนในเรื่องของการจัดกลุ่มมหาวิทยาลัยออกเป็นสี่กลุ่ม คือ มหาวิทยาลัยการวิจัย, มหาวิทยาลัยการสอน, มหาวิทยาลัุยชุมชน และ มหาวิทยาลัย... (ลืมแล้ว เดี๋ยวค่อยไปค้นในบันทึกมาใหม่แล้วกันนะครับ) คำถามคือ มอย.จะต้องในกลุ่มไหน ซึ่งเมื่อฟังคำบรรยายจากท่านดร. สุชาติ เมืองแก้ว รองเลขานุการ สกอ. มันชัดเลยครับว่า เราต้องเป็นอย่างที่สอง คือ มหาวิทยาลัยการสอน แต่มันจะมีคำถามที่เกิดขึ้นอีกมากมาย เช่นว่า เราจะอยู่ในกลุ่มนี้อย่างสง่างามอย่างไร และใครจะเป็นคู่แข่งของเราบ้าง เป็นต้น ผมได้คำตอบมาเยอะครับ แต่มั่นใจว่า ทำคนเดียวไม่ได้แน่
- ผมชัดเจนเกี่ยวกับคำว่า LO และ KM มากขึ้นครับ จากการบรรยายของ ดร.บุญส่ง (ลืมนามสกุลท่านแล้ว) แห่ง ม.สยามครับ และแนวคิดการพัฒนาองค์การ (change management) ในแนวคิดของ Dr. Webman ซึ่งทำให้ผมชัดเจนเกี่ยวกับศาสตร์ห้าประการของ sange มากขึ้นครับว่า ใช้งานยังงัย
มีหลายคนในสถาบันของเราที่ให้คุณค่าจากราคาของสิ่งของ จนผมแทบจะกระอักออกมาแล้วครับ ผมพยายามจะขายแนวคิดเรื่องนี้มานานมาก จนคนกลุ่มนั้นหาว่า ผมไม่ทันสมัย (ทั้งๆ ที่ผมจบเทคโนโลยีมาแท้ๆ)
แต่วันนี้ผมอยากบอกคนกลุ่มนั้นว่า คนหลายคนที่เขาประสบความสำเร็จ เขาคิดเหมือนผมครับ คือ ใช้ของที่ราคาไม่แพง ของฟรียิ่งดี เพียงแต่ต้องพยายามสร้างเครือข่ายที่ และการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ เท่านั้นเอง แล้วคุณจะมั่วขูดงบประมาณของสถาบันไปใช้กับสิ่งเหล่านั้นทำไมอีก ถ้าเชื่อผมตั้งแต่คราวนั้น ปานนี้เราคงวิ่งไปพร้อมๆ กับอีกหลายคนได้แล้ว