ใกล้ถึงวันแม่เต็มทีแล้ว ก็เลยทำสาระดี ๆ เกี่ยวกับสุขภาพสำหรับผู้ที่กำลังจะเป็นแม่ของลูก หรือเตรียมที่จะเป็นแม่ของลูกมาฝาก ไม่น่าเชื่อเลยนะค่ะ ว่าความเครียดแบบพอดีไม่มากไม่น้อยเกินไปจะส่งผลต่อการพัฒนาการของลูกในท้อง ได้มีการทดลองโดยใช้หญิงสาวสุขภาพดี 137 คนที่มีความเสี่ยงต่ำและภาวะการตั้งครรภ์ปกติ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเครียด ในช่วงสัปดาห์ที่ 24 -32 ของการตั้งครรภ์ ผลปรากฏออกมาว่า เด็กที่มีคุณแม่เครียดในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นกลับมีพัฒนาการล้ำหน้ากว่าเด็กอื่น ๆ เมื่ออายุครบ 2 ขวบ แต่ผลการทดลองชิ้นนี้ไปแย้งกับงานวิจัยชิ้นก่อน ๆ ที่บอกว่า แม่เครียดจะส่งผลไม่ดีต่อลูกในท้อง
ดังนั้นศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาและเป็นผู้ทำงานวิจัยนี้จึงชี้แจงถึงเหตุผลที่ทำให้ความเครียดแบบพอดีต่อพัฒนาการว่า
1. ขณะที่ผู้หญิงมีความเครียดจะผลิต ฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol)
ออกมา แม้จะเป็นฮอร์โมนความเครียด แต่ฮอร์โมนตัวนี้ก็จำเป็นสำหรับการพัฒนาอวัยวะต่าง ๆ
2. ความเครียดที่เกิดจากแม่อาจจะมาจากการที่ต้องตัดสินใจกับเรื่องต่าง ๆ รวมถึงความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ท้าทายสำหรับผู้หญิงเลยทำให้เด็กในท้องเรียนรู้ที่จะเผชิญกับความท้าทายนี้ และพัฒนาตัวเองไปด้วย
เรื่องนี้ยังไม่มีการรับรองผลอย่างชัดเจน เอาเป็นว่ารู้ไว้เพื่อคอยย้ำเตือนกันดีกว่า เพราะถึงอย่างไร ความเครียดพอเป็นปุ๊บสุขภาพจิตก็แย่ปั๊บเลยล่ะค่ะ
ความเชื่อของคนโบราณ ห้ามคนปามาน(ตั้งครรภ์)ไว้ว่า
การนี้ เมื่อครั้งผมเรียน ป.กศ.ต้น ประมาณปี 2514-15 ได้เรียนวิชาคหกรรมกับอาจารย์ท่านหนึ่ง(หาใช่จำอาจารย์ไม่ได้นะ ขอสงวนนามอาจารย์ ด้วยความเคารพครับ) ไม่ใช่ท่านไม่เชื่อนะครับ ท่านเชื่ออย่างนั้น กล่าวคือ ท่านต้องการลูกแฝด เห็นกล้วยแฝดเป็นไม่ได้ ทานทุกครั้ง และยังหาซื้อมาทานให้ได้ทุกวัน หารูปลูกแฝดมาดู (ท่านบอกว่า ลูกแฝดน่ารักดี และมีท้องครั้งเดียวคุ้ม) ผลหรือครับ คลอดออกมา "ลูกชาย-คนเดียว" ไม่แฝดครับ
ท่านเลยสอนพวกเราใหญ่เลยว่า...อย่าเชื่อ...
ความชื่อของคนล้านนาเกี่ยวกับข้อห้ามของแม่มาน(หญิงตั้งครรภ์)
ห้ามยืนคาประตูคาบันได จะทำให้เกิดยาก ค้างคาอยู่ไม่ยอมออกมาง่ายๆ เหตุผลที่ห้าม เนื่องจากประตูเป็นทางเข้าออก ก็จะเป็นที่กีดขวางเวลาคนอื่น อาจถูกชนได้ง่าย ถ้าเป็นบันไดก็อาจทำให้พลัดตกเป็นอันตรายแก่เด็กในท้อง ห้ามบิดผ้า เมื่อซักผ้าห้ามบิดผ้า เมื่อซักแล้วก็ให้ตากทั้งเปียกน้ำอย่างนั้น ถ้าบิดผ้าจะทำให้เด็กที่จะเกิดมาปากเบี้ยวตาเหล่ ที่ห้ามบิดผ้าคงเป็นเพราะต้องใช้กำลังโดยเฉพาะผ้าที่มีน้ำหนักมาก เช่นผ้าปูที่นอน ในสมัยโบราณใช้ผ้าทอมือ ซึ่งหนาและหนัก เวลาเปียกน้ำ ทำให้บิดลำบาก ห้ามหันหลังผิงไฟ หญิงมีท้องห้ามหันหลังผิงไฟ ถ้าจะผิงก็ให้หันหน้าเข้าเพราะเชื่อว่าจะทำให้ลูกติด รกติด ทำให้เกิดยาก รกก็ออกช้าหรือออกยาก คงเป็นเพราะว่ากลัวแม่มานจะพลาดพลั้งล้มใส่กองไฟเป็นอันตรายมากกว่า ห้ามนุ่งผ้าอาบน้ำ จะทำให้มีน้ำมากในเวลาคลอด จึงให้หญิงแม่มานแก้ผ้า อาบน้ำ และเวลาที่อาบน้ำก็ต้องเป็นหลังจากตะวัน ตกดินแล้ว คือในเวลาที่เรียกกันว่า "ดาวออกพร้อม" เหตุผลที่ให้หญิงมีท้องแก้ผ้าอาบน้ำในเวลาค่ำมืด คงเพราะในสมัยก่อนห้อง อาบน้ำไม่มี จะตักน้ำจากบ่อขึ้นมาอาบในที่โล่งแจ้ง การที่จะให้หญิงแก้ผ้าอาบน้ำในเวลาที่ยังไม่มืดนั้นคงไม่เหมาะสม การอาบน้ำ ของหญิงแม่มานนี้ ตรงกันข้ามกับทางภาคกลาง ซึ่งพระยาอนุมานราชธนเขียนไว้ในหนังสือการเกิดของท่านว่า ห้ามหญิงมีครรภ์ อาบน้ำหรือลูบตัวในเวลากลางคืน คติของญวนก็ห้ามหญิงแม่มานอาบน้ำในเวลากลางคืนเหมือนกัน แต่ไม่ได้บอกเหตุผลไว้ขอบคุณครับ
กลุ่มทุ่งดินแดงมหาวิทยาลัยชีวิตเชียงดาว