คนเรานี้ หากมีอะไรสักอย่างมาเป็นหลักเกาะแนวยึดในการจัดการชีวิต ก็น่าจะทำให้ชีวิตนี้มีความหมายและมีจุดยืนที่แน่นอน แสดงออกอย่างสมบทบาทหน้าที่ คือกลัวได้ถูกท่า กล้าได้ถูกที่ ดีได้ถูกทาง ว่างั้นเถอะ อย่างน้อยก็จะได้ไม่หลง ไม่หลงทิศ ไม่ผิดทาง ไม่หางธง ไม่หลงตัว
วันนี้ เรามาลองพินิจพิจารณาคำโบราณท่านว่าไว้ เผื่อจะได้แนวทางการวางตนของเราได้นะ
สังขารธรรมนำชีวิต (สำเนียงเมืองเหนือเน้อ)
สิบปี๋ - อาบน้ำบ่หนาว (วัยเด็ก : ยังเล็กนัก รักสนุกสนานไปวันวัน ไม่รู้ร้อนรู้หนาว)
ซาวปี๋ - แอ่วสาวบ่ก่าย (วัยหนุ่มสาว : ชอบเที่ยว ติดเพื่อน ชื่นชมคนในวัยเดี่ยวกัน โดยเฉพาะเพศตรงข้าม)
สามสิบปี๋ - บ่หน่ายสงสาร (วัยมัวเมา : รัก โลภ โกรธ หลง กิน กาม เกียรติ ... ไม่มีคำว่าเบื่อหน่าย)
สี่สิบปี๋ - เยี๊ยะก๋ารเหมือนฟ้าผ่า (วัยทำงาน : ตั้งเนื้อตั้งตัวให้ได้ในวัยนี้ เลยวัยนี้ไปยังตั้งตัวไม่ได้ ก็หมดโอกาส)
ห้าสิบปี๋ - สาวน้อยด่าบ่เจ็บใจ๋ (วัยตัณหากลับ : ชอบเด็ก ๆ และมักถูกเด็กหลอกก็วัยนี้แหละ)
หกสิบปี๋ - ไอเหมือนฟานโขก (วัยเกษียณ : แค่เสียงจามเสียงไอก็รู้แล้วว่าหมดเรียวแรง ปลดจากงาน แต่เป็นผู้มีประสบการณ์เหมาะกับการเป็นที่ปรึกษา เล่าความหลังให้ลูกหลานฟัง)
เจ็ดสิบปี๋ - บ่าโหกเต๋มตั๋ว (วัยสูงอายุ : ร่างกายอ่อนแอ มักเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคต่าง ๆ)
แปดสิบปี๋ - ไค่หัวเหมือนไห้ (วัยชรา : แก่มากแล้ว ยิ่มหรือหัวเราะดูแล้วเหมือนร้องไห้ หลงลืมสุดยอดเลย)
เก้าสิบปี๋ - ไข้ก็ตายบ่ไข้ก็ต๋าย (วัยโรย : แก่มั๊กมาก อาจตายได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่)
เป็นคำกล่าวของคนโบราณ แต่โดยอรรถแล้วไม่โบราณเลยนะ หากใครนำสัจจธรรมจากสังขารธรรมดังกล่าว ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว เขาจะรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่เสมอว่า เขาอยู่ในวัยไหน ที่ผ่านมาเสียเวลาและโอกาสไปแล้วเท่าไร ปัจจุบันอยุ๋ในวัยใดย่อมไม่พลาด โอกาสย่อมเป็นของเขาแม้ในช่วงวัยต่อไป ขึ้นบันไดไปทีละขั้น สิ่งที่ฝันก็อยู่แค่เอื้อมหละครับ
ผมไม่ค่อยเข้าใจในภาษาเหนือ คราวหน้าลองแปลเป็นภาษากลางนะครับ
ผมใช้เตือนสติสม่ำเสมอครับอาจารย์ เพราะกลัวพลาด
ขอบคุณ คุณติ๊ก มาก ๆ ครับที่เข้ามาเยี่ยม
บางแห่งก็กล่าวไว้อย่างนี้ครับ
เมื่อครั้งพระเจ้าสร้างโลก ได้สร้างคนขึ้นมาก่อน โดยให้มาสร้างตนและสร้างโลก มีอายุอยู่ได้นาน 30 ปี ต่อมาพระเจ้าเห็นว่า คนทำงานหนักมากไป จึงได้สร้างควายมาช่วยคนทำงาน และให้มีอายุอยู่ได้นาน 30 ปีเท่าคน จึงทำให้คนมีทรัพย์สมบัติมากขึ้น พระเจ้าจึงสร้างหมาให้มาช่วยรักษาทรัพย์สมบัติให้คน และมีอายุอยู่ได้นาน 30 ปี และต่อมาได้สร้างลิงมาช่วยผ่อนคลายให้แก่คน มีอายุ 30 ปี เช่นกัน
นานเข้า ควายสู้ไม่ไหว ขอมีอายุแค่ 10 ปี คืนพระเจ้าไป 20 ปี คนสบโอกาส กำลังเมามันส์ในความเป็นคน จึงทูลขออายุควายอีก 20 ปี พระเจ้าก็ให้ หมาเอาบ้าง ขออยู่แค่ 10 ปี และคืนให้พระเจ้า 20 ปี คนขออีก ลิงคืนบ้าง 20 ปี คนก็ขออีก รวมแล้วคนจึงมีอายุอยู่ได้นาน 90 ปี
จึงมีคติประจำวัยแห่งคนดังนี้
1. ช่วงอายุ แรกเกิด-30 ปี เป็นอายุของคน สนุกสนานอยู่ในสังสารวัฏ ไม่มีเบื่อหน่าย
2. ช่วงอายุ 30-50 ปี เป็นอายุของควาย เป็นวัยแห่งการทำงาน หาเงิน สร้างเนื้อสร้างตัว
3. ช่วงอายุ 50-70 เป็นอายุของหมา รักษาและหวงแหนทรัพย์สมบัติมาก ไม่อยากให้ลูกหลาน กลัวลูกหลานจะผลาญ
4. ช่วงอายุ 70-90 ปี เป็นอายุของลิง หลง ๆ ลืม ๆ งก ๆ เงิ่น ๆ เป็นที่ตลกชอบใจของเหล่าลูกหลาน
อันนี้ก็เป็นสัจจะแห่งชีวิตอีกนัยหนึ่งนะครับ
เป็นสัจธรรมที่มีความเป็นไปได้มากเลยครับอาจารย์ ในช่วงชีวิตของคนเรานั้นเป็นไปอย่างที่ว่าจริง ๆ ( แต่ถ้าว่าเราจะคืนอายุบางช่วงจะคืนได้ที่ใครครับ ) พระเจ้าอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้
ยังไง ๆ เก่งก็ช้า....กว่าอาจารย์วันยังค่ำ ...
อย่างว่านะคะ"ผู้ใหญ่ย่อมอาบน้ำร้อนมาก่อนเด็ก" ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น
เหมือนเอามะพร้าวมาขายสวน...อายจัง ^_^