ให้รางวัลกับชีวิตที่ "พม่า" วันที่สาม


จะว่าไปรัฐบาลพม่าก็ดูแลประชาชนของเค้าดีพอใช้ .บ้านเราดูแลคนของเราแบบนี้บ้างรึป่าว... กันเงิน กันรายได้ ไว้ให้คนไทยด้วยกันเอง รึว่าให้คนชาติอื่นเข้ามากอบ มาโกย ...ไม่เอา ไม่พูดต่อดีกว่า เดี๋ยวจะไปกันใหญ่

     เช้าวันที่สาม 29 ก.ค.  ตื่นสายกว่าเดิม เพราะเมื่อวานเหนื่อยมาก ๆ  จะว่าไปรัฐบาลพม่าก็ดูแลประชาชนของเค้าดีพอใช้ จากที่ผ่านมา ตั้งแต่เจดีย์ชเวดากอง  พระธาตุอินทร์แขวน  คนพม่าเดินเข้าไปนมัสการได้แบบไม่ต้องลงทุน  แต่จะเก็บเงินจากคนต่างชาติ (ไม่รู้บ้านเราเป็นแบบนี้บ้างรึป่าว) เรื่องการทำมาหากินของคนพม่าก็เช่นกัน  ที่จริงรถหกล้อก็สามารถขับขึ้นไปถึงพระธาตุอินทร์แขวน  แต่เค้าไม่ให้คนต่างชาติขึ้น  ถ้านักท่องเที่ยวไม่อยากเสียเงิน ก็เดิน แต่ถ้ากลัวเมื่อย กองทัพเสลี่ยงพม่าเพียบ ... บ้านเราดูแลคนของเราแบบนี้บ้างรึป่าว... กันเงิน กันรายได้ ไว้ให้คนไทยด้วยกันเอง รึว่าให้คนชาติอื่นเข้ามากอบ มาโกย ...ไม่เอา ไม่พูดต่อดีกว่า เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ 

     โปรแกรมวันนี้ก็ตะลุย “หงสาวดี”หรือ เมืองพะโค ในปัจจุบัน  เริ่มจากนมัสการพระเจดีย์ชเวดามอดอ หรือ พระธาตุมุเตา เค้าว่าเป็นเจดีย์สูงที่สุดในหงสาวดี ภายในบรรจุพระเกศาพระธาตุของพระพุทธเจ้า  เสียเงินเหมือนเดิม  แต่งานนี้เหมาจ่าย  เสียครั้งเดียว  จำไม่ได้ว่า $10 หรือ $12ลุยตลอดหงสา (ก็มีไม่กี่ที่หรอก) 

     จากนั้นก็ไปวังบุเรงนอง  นึกภาพว่าน่าจะเห็นซากปรักหักพัง ของวัง ที่แสดงถึงความอลังการ ความรุ่งเรือง เมื่อสมัยอดีต ... แต่เปล่าเลย ... อลังการเหมือนกัน  แต่เป็นสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่ สีทองอร่ามตา  ก็เหมือนกับว่า พยายามแกะรอยเดิม  สร้างให้เหมือน (จริงรึปล่าว ไม่แน่ใจ) ใหญ่ แต่ไม่ขลัง ไม่เหมือน อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน “เลือดรักชาจิสุด ๆ   

     ออกจากวังก็ไปวัด  ไปนมัสการเจดีย์วัดไจปุน  มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบสี่ทิศ   (เหมือนนั่งหันหลังชนกัน)  เค้าบอกว่า ประกอบด้วย องค์สมเด็จพระสมณะโคดม  กับพระพุทธเจ้าในอดีตสามองค์  ซึ่งสร้างโดยสี่สาวพี่น้องที่อุทิศตนให้กับพระพุทธเจ้าแล้ว สร้างพระพุทธรูปแทนตนขึ้น และยังสาบานตนไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ  

     ที่นี่เจอเด็กผู้หญิงคนนึงพูดเก่งมาก ขายของพวกโปสการ์ด แป้งทานาคา (แป้งพื้นเมืองของพม่า) เด็กคนนี้พูดไทยก็เกือบเก่ง พูดภาษาอังกฤษ ก็คล่องแคล่ว บอกว่าเรียนรู้จากนักท่องเที่ยว ไม่ได้เรียนหนังสือ เรากับพี่อูฐในฐานะนักการศึกษา ก็อดไม่ได้ที่จะเสียดาย ... แล้วก็อุดหนุน  นี่ถ้าได้เรียน ก็คงจะรุ่งน่าดู ...

     ไปวัดอะไรอีกสักวัดจำไม่ได้ ...เป้นวัดที่นอกจากพระพุทธรูปแล้ว  ยังมีรูปบูชาเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่เค้าให้ความสำคัญว่าเป็นสัตว์มงคล  ก็คือ "ควาย"   นี่ก็เพิ่งจะรู้ว่าเราก็เองก็ชอบสัตว์มงคลเหมือนพม่าเช่นกัน  ก็แหงนหน้ามองบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ก็เจอควายกะลา ของฝากจากพิษณุโลก ตั้ง 4 แน่ะ..

     นอกจากควายแล้ว คนพม่ายังนิยมประดับรูปนกฮูกคู่ ไว้ในบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย เราก็เลยซื้อนกฮูกกระดาษ (เปเปอร์ มาเช่) มา 2 คู่  เค้าว่าคนที่นี่เชื่อว่า ถ้ามีนกฮูกคู่ไว้ในบ้าน จะเป็นมงคล วิธีดูนกฮูกตัวผู้ ตัวเมีย ดูไม่ยาก เพราะถ้าเป็นตัวเมีย เต้าก็จะเขียนรูปนกฮูกตัวน้อย ๆ ไว้ที่ท้อง 2 ตัว (ตอนนี้นกฮูกหนึ่งคู่ก็ถูกวางไว้บนหลังตู้ที่บ้านแล้วล่ะ...ช่วงนี้ก็อยู่ระหว่างการรอ...รอ..รุ่ง     

     บ่ายคล้อยก็เดินทางต่อ...กับร่างกุ้ง...ต้องเดินทางอีกประมาณ 2 ชั่วโมงเศษๆ เก็บท้องไว้ไปทานข้าวกลางวัน และเย็น ที่ร่างกุ้ง บอกคนขัยรถและไกด์ว่า วันนี้เราจะเลี้ยง Dunch (Lunch + Dinner) โดยจะกลับไปทานที่ร้าน Junior Duck ร้านเดิม ที่ยังติดใจในรสชาดและราคา    

หมายเลขบันทึก: 117519เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2007 00:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
อ่านแล้วอยากลองไปพม่าบ้างซักตรั้งนะคะ ถ้ามีโอกาสได้ไปบ้างก็คงดี
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท