เสียงสะท้อนของเด็กไทย ณ วันนี้
“สวนดุสิตโพล”
สถาบันราชภัฎสวนดุสิต ได้ทำการสำรวจกรณี
“เสียงสะท้อนของเด็กไทย ณ วันนี้”
เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของเด็กๆ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี
2547 โดยสำรวจความคิดเห็นของเด็ก 3 ระดับ คือ ระดับอนุบาล
ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา จำนวนทั้งสิ้น
1,284 คน (อนุบาล 340 คน 26.48%
ประถมศึกษา 416 คน 32.40%
และมัธยมศึกษา 528 คน 41.12%)
โดยสำรวจระหว่างวันที่ 6 –
8 มกราคม 2547
สรุปผลได้ดังนี้
1. สิ่งที่ “เด็กอนุบาล”
อยากได้จาก “พ่อ/แม่” คือ
อันดับที่ 1
|
ของขวัญ/ของเล่น เช่น ตุ๊กตา,หุ่นยนต์,รถแข่ง
ฯลฯ
|
82.09%
|
อันดับที่ 2
|
ความรักจากพ่อ-แม่/ผู้ปกครอง
|
11.19%
|
อันดับที่ 3
|
ขนม/เค้กต่างๆ ฯลฯ
|
6.72%
|
- สิ่งที่ “เด็กอนุบาล”
อยากได้จาก “ครู/อาจารย์”
คือ
อันดับที่ 1
|
ของขวัญ/ของเล่น เช่น ตุ๊กตา,หุ่นยนต์,รถแข่ง
ฯลฯ
|
62.50%
|
อันดับที่ 2
|
อุปกรณ์การเรียน/เครื่องเขียนต่างๆ
|
23.21%
|
อันดับที่ 3
|
ความรัก/ความเข้าใจของครู-อาจารย์
|
14.29%
|
- สิ่งที่ “เด็กอนุบาล”
อยากได้จาก “สังคม”
คือ
อันดับที่ 1
|
ของขวัญ/ของเล่น เช่น ตุ๊กตา,หุ่นยนต์,รถแข่ง
ฯลฯ
|
64.52%
|
อันดับที่ 2
|
ขนม/เค้กต่างๆ
|
29.03%
|
อันดับที่ 3
|
การดูแลเอาใจใส่จากผู้ใหญ่
|
6.45%
|
- สิ่งที่ “เด็กอนุบาล”
อยากได้จาก “รัฐบาล”
คือ
อันดับที่ 1
|
ของขวัญ/ของเล่น เช่น ตุ๊กตา,หุ่นยนต์,รถแข่ง
ฯลฯ
|
65.22%
|
อันดับที่ 2
|
ขนม/เค้กต่างๆ
|
26.09%
|
อันดับที่ 3
|
คอมพิวเตอร์
|
8.69%
|
- สิ่งที่ “เด็กอนุบาล”
“ชื่นชม/ประทับใจ”
มากที่สุดในเมืองไทย คือ
อันดับที่ 1
|
สวนสัตว์ต่างๆ
|
61.54%
|
อันดับที่ 2
|
สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เช่น น้ำตก,ทะเล,ภูเขา
ฯลฯ
|
23.08%
|
อันดับที่ 3
|
พ่อ-แม่
|
15.38%
|
- สิ่งที่ “เด็กอนุบาล”
“รู้สึกแย่” มากที่สุดในเมืองไทย
คือ
อันดับที่ 1
|
ปัญหาการจราจร/รถติด
|
69.23%
|
อันดับที่ 2
|
ปัญหาสิ่งแวดล้อม/มลพิษ
|
30.77%
|
1. สิ่งที่ “เด็กประถม”
อยากได้จาก “พ่อ/แม่” คือ
อันดับที่ 1
|
ความรัก/ความอบอุ่น/ความเอาใจใส่
|
71.11%
|
อันดับที่ 2
|
คอมพิวเตอร์/เกมส์
|
20.00%
|
อันดับที่ 3
|
จักรยาน/รถมอเตอร์ไซด์
|
8.89%
|
- สิ่งที่ “เด็กประถม”
อยากได้จาก “ครู/อาจารย์”
คือ
อันดับที่ 1
|
การได้รับวิชาความรู้/การศึกษาที่ดี
|
56.72%
|
อันดับที่ 2
|
การสอนแบบสนุก/สอนให้เข้าใจง่าย
|
25.37%
|
อันดับที่ 3
|
การดูแลเอาใจใส่/ความรักความเข้าใจและการได้รับคำแนะนำดีๆ
|
17.91%
|
- สิ่งที่ “เด็กประถม”
อยากได้จาก “สังคม”
คือ
อันดับที่ 1
|
อยากให้สังคมรักกันมีความสามัคคีกันมากขึ้น
|
63.64%
|
อันดับที่ 2
|
อยากให้ทุกครอบครัวมีความสุข
|
22.73%
|
อันดับที่ 3
|
อยากให้สังคมเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็ก
|
13.63%
|
- สิ่งที่ “เด็กประถม”
อยากได้จาก “รัฐบาล”
คือ
อันดับที่ 1
|
ให้ช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่ของคนไทย/ช่วยเหลือคนจน
|
50.00%
|
อันดับที่ 2
|
ทุนการศึกษา/มีทุนให้เรียนฟรี
|
29.55%
|
อันดับที่ 3
|
ให้ความยุติธรรมกับประชาชน
|
20.45%
|
- สิ่งที่ “เด็กประถม”
“ชื่นชม/ประทับใจ”
มากที่สุดในเมืองไทย คือ
อันดับที่ 1
|
วัฒนธรรมและประเพณีของไทย
|
52.83%
|
อันดับที่ 2
|
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่เป็นธรรมชาติในเมืองไทย
|
41.51%
|
อันดับที่ 3
|
การจัดการประชุมเอเปค
|
5.66%
|
- สิ่งที่ “เด็กประถม”
“รู้สึกแย่” มากที่สุดในเมืองไทย
คือ
อันดับที่ 1
|
ปัญหายาเสพติด
|
49.10%
|
อันดับที่ 2
|
ปัญหาสิ่งแวดล้อม/ขยะมูลฝอย/มลพิษทางอากาศ
|
30.90%
|
อันดับที่ 3
|
ปัญหาการจราจร
|
20.00%
|
1. สิ่งที่ “เด็กมัธยม”
อยากได้จาก “พ่อ/แม่” คือ
อันดับที่ 1
|
ความรัก ความอบอุ่นและการดูแลเอาใจใส่
|
63.79%
|
อันดับที่ 2
|
ความเข้าใจและยอมรับฟังเหตุผลบ้าง
|
25.29%
|
อันดับที่ 3
|
การอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว
|
10.92%
|
- สิ่งที่ “เด็กมัธยม”
อยากได้จาก “ครู/อาจารย์”
คือ
อันดับที่ 1
|
การดูแลเอาใจใส่/ความรักความเข้าใจและการได้รับคำแนะนำดีๆ
|
47.16%
|
อันดับที่ 2
|
การได้รับวิชาความรู้/การศึกษาที่ดี
|
35.79%
|
อันดับที่ 3
|
คะแนนดีๆ/เกรดเฉลี่ยดีๆ
|
17.05%
|
- สิ่งที่ “เด็กมัธยม”
อยากได้จาก “สังคม”
คือ
อันดับที่ 1
|
ความเข้าใจ/ความเสมอภาค/การยอมรับจากสังคม
|
39.13%
|
อันดับที่ 2
|
การให้โอกาส/ความมีน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน/ความสามัคคี
|
33.70%
|
อันดับที่ 3
|
ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคมรวมถึงความปลอดภัยในสังคม
|
27.17%
|
- สิ่งที่ “เด็กมัธยม”
อยากได้จาก “รัฐบาล”
คือ
อันดับที่ 1
|
การดูแลเอาใจใส่จากรัฐบาล/ทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
|
38.89%
|
อันดับที่ 2
|
ทุนการศึกษา/มีทุนให้เรียนฟรี
|
33.34%
|
อันดับที่ 3
|
แก้ไขปัญหายาเสพติด/อาชญากรรมให้ต่อเนื่องและจริงจัง
|
27.77%
|
- สิ่งที่ “เด็กมัธยม”
“ชื่นชม/ประทับใจ”
มากที่สุดในเมืองไทย คือ
อันดับที่ 1
|
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่เป็นธรรมชาติในเมืองไทย
|
54.25%
|
อันดับที่ 2
|
ความมีน้ำใจและรอยยิ้มของคนไทย
|
24.58%
|
อันดับที่ 3
|
วัฒนธรรมและประเพณีของไทย
|
21.18%
|
- สิ่งที่ “เด็กมัธยม”
“รู้สึกแย่” มากที่สุดในเมืองไทย
คือ
อันดับที่ 1
|
ปัญหาสังคมต่างๆ เช่น
อาชญากรรม/ยาเสพติด/มิจฉาชีพในสังคมไทย
|
49.65%
|
อันดับที่ 2
|
ความเห็นแก่ตัวของคนในสังคม/ความไม่มีน้ำใจของคนไทยสมัยนี้
|
29.66%
|
อันดับที่ 3
|
ปัญหาสิ่งแวดล้อม/ขยะมูลฝอย/มลพิษทางอากาศ
|
20.69%
|
ความเห็น
จากบทความนี้แสดงให้เห็นถึงความต้องการของเด็กในยุคปัจจุบัน
ซึ่งสิ่งที่เด็กทุกคนต้องการมากที่สุด คือ ความรัก ความเข้าใจ
จากพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง
จากสิ่งนี้ได้แสดงให้เห็นว่าความรัก
ความเข้าใจจากบุคคลใกล้ตัวก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับเด็กได้เสมอ
บทความนี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เด็กต้องการนั้นสิ่งแรกเลยก็คือความรักความอบอุ่นและการดูแลเอาใจใส่จากพ่อและแม่ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก
จากบทความแสดงให้คนอ่านรู้ว่าเด็กๆเขาต้องการได้อะไร
และเรามีวิธีการให้สิ่งที่เหล่านั้นที่เด็กต้องการได้อย่าง
ด้วยวิธีใดบ้าง
หากเด็กๆได้สิ่งทีเขาต้องการจะทำให้เขามีความสุขและเติบโตขึ้นมาเป็นบุคคลที่ดีทั้งกายและใจ
จากบทความแสดงให้เห็นความต้องการของเด็กวัยต่างๆที่มีความต้องการหรือความอยากที่แตกต่างกันตามวัยแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เด็กทุกคนต้องการเหมือนกันคือ
ความรัก ความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่
จากบทความนี้ทำให้เห็นว่าความต้องการของเด็กเป็นอย่างไรซึ่งบางอย่างพ่อแม่ก็ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหนแค่เติมความรักความเข้าใจให้ครอบครัวอบอุ่นก็เพียงพอแล้ว
จากบทความจะเห็นว่าความต้องการของเด็กแต่ละวัยต่างกันดังนั้นพ่อแม่ควรให้ความสำคัญ
แต่ความต้องการที่เด็กๆทุกคนต้องการเหมือนกันก็คือ ความรัก ความอบอุ่น
การดูแลเอาใจใส่จากพ่อและแม่
เมื่ออ่านบทคว่มแล้วรู้สึกแปลกใจที่ในผลการสำรวจชั้นอนุบาลนั้นผลออกมาว่าเด็กต้องการของขวัญและของเล่นมากกว่าความรักความเอาใจใส่ในกรณีนี้สำหรับตัวข้าพเจ้ามองได้สองแง่คือ
1.อาจเป็นเพราะเด็กยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าความรักที่แท้จริงคืออะไรเด็กไม่รู้ว่าการที่พ่อแม่ให้ของเล่นนั้นคือความรัก
2.คือเป็นการสะท้านให้เห็นถึงการเลี้ยงดูเด็กในปัจจุบันว่าผู้ใหญ่มักให้แต่วัตถุกับเด็กจนเป็นการเคยชิน
และจะสังเกตได้จากบทความว่าเมื่อเด็กเริ่มโตและมีความคิดสิ่งที่เด็กต้องการคือความรักและเอาใจใส่ตรงนี้อยากให้ทุกคนมองให้ลึกลงไปว่าเป็นเพราะอะไรแต่สำหรับตัวข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเพราะในวัยเด็ก
เด็กไม่ได้รับในจุดนี้
การที่จะให้เด็กเป็นคนดีนั้นพ่อแม่ควรรู้จัดให้ในสิ่งที่ต้องการ
การให้แรงเสริมสำหรับเด็กควรให้ในสิ่งที่เค้าต้องการ
พ่อแม่ควรให้ในสิ่งที่เด็กต้องการซึ่งปัจจัยสำคัญคือควยามรักความอบอุ่น
จากบทความจะพบว่าเด็กอนุบาลอยากได้ ตุ๊กตา
ของเล่นมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับเด็กประถมและมัธยมจะต้องการความรัก
ความเอาใจใส่
ทำให้เห็นได้ว่าพัฒนาการของเด็กเริ่มจากสิ่งที่เป็นรูปธรรมไปนามธรรม
จากการสำรวจเกี่ยวกับความต้องการของเด็กน่าแปลกใจในสิ่งที่เด็กต้องการมากที่สุดจาก
ผู้ใหญ่ ซึ่งแทนที่จะเป็น ความรัก ความเข้าใจ
แต่เป็นของเล่น ซึ่งอาจจะตีความหมายได้ว่า
เด็กนั้นยังไม่มีความเข้าใจในการแยกแยะสิ่งต่างๆได้ดี
และอาจตีความหมายว่าการที่ผู้ใหญ่ให้ของคือการที่ผู้ใหญ่ได้แสดงความรักกับตน
อาจย้อนไปถึงการอบรมเลี้ยงดูเด็กในปัจจุบันที่ปลูกฝังให้เด็กตกเป็นทาสวัตถุนิยมโดยที่ผู้ใหญ่ไม่รู้ตัว
จากบทความนี้จะเห็นได้ว่าของเล่นมีความสำคัญมากกับเด็กมากกว่าความรัก
การดูแลเอาใจใส่จากผู้ปกครอง
ซึ่งจะแตกต่างไปจากความเป็นจริงเพราะความรักจากพ่อแม่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เด็กแต่ละคนเกิดมาในครอบครัวที่ต่างกันแต่สิ่งที่เด็กต้องการคเหมือนกันคือความรักความเอาใจใส่จาก
พ่อ แม่
เด็กแต่ละคนเกิดมาในครอบครัวที่ต่างกันแต่สิ่งที่เด็กต้องการคเหมือนกันคือความรักความเอาใจใส่จาก
พ่อ แม่
บทความนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความต้องการเด็กแต่ละวัยว่ามีความต้องการจากบุคคลต่างๆในเรื่องใดบ้าง
และสามารถเห็นได้เลยว่าเด็กแต่ละวัยยอมมีความต้องการที่แตกต่างกันเราจึงควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นประโยชนืกับตัวเด็กเอง
จากวิจัยสรุปง่ายๆก็คือ
ถ้าในวัยอนุบาลแล้วส่วนตมากเด็กต้องการของขวัญ/ของเล่นจากรัฐบาลส่วนเด็กประถมอยากได้จากพ่อแม่คือคุณค่าทางจิตใจมากกว่าสิ่งของ
ส่วนเด็กมัธยมสิ่งที่ต้องการจากแม่ก็คือความรักอีกเช่นกันส่วนเด็กมัธยมสิ่งที่อยากได้จากครูก็คือความรู้สึกทางจิตใจมากกว่าสิ่งของอีกเช่นกัน
จากบทความจะเห็นได้ว่าพ่อแม่มีบทบาทสำคัญกับลูกเด็กทุกคนต้องการความรักการเอาใจใส่ดูแลจากพ่อแม่
จากบทความแสดงถึงความต้องการของเด็กแต่ละวัยมีความต้องการจากบุคคลนั้นมีความแตกต่างกันไป