ประโยคนี้ ไม่ค่อยได้ยินบ่อยเหมือนเมื่อก่อน
น่าคิดนะครับ ว่าทำไม ?
เป็นเพราะเดี๋ยวนี้ มี search engine ดี อยากรู้อะไร ก็ค้นเอา ?
ทำให้ดูเหมือนว่า ความข้อนี้ เริ่ม "ไม่จริง" ?
แต่ผมลองมองวิเคราะห์ชีวิตของคนที่ผมรู้จักและสนิท ถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญ ๆ ในชีวิต ดูเหมือนว่าประโยคนี้ ก็ยังจริงเหมือนเดิม
คงต้องมีการขยายความ
ตัวอย่างคือ วันก่อน มีญาติห่าง ๆ มาหาดใหญ่ ขับรถมาเอง หลงทางอยู่นาน ผมฟังแล้วอึ้ง แหม เส้นทางง๊าย ง่าย หลงได้ไง
เจอกับตัวเองตอนไปงานศพญาติภรรยาที่นครศรีธรรมราช ต้องซอกแซกไปนอกเมืองเสียไกล ผมออกจากหาดใหญ่ตอนเย็นหลังเลิกงาน ไม่กล้าไปงานศพคืนนั้น เพราะดูเส้นทาง คงดึกมาก ก็ไปค้างที่เวียงสระก่อน แล้วออกไปงานศพตอนเช้า
คนในงานก็ต่อว่า ทำไมไม่แวะมางานก่อน เพราะจากที่จัดงานศพ สามารถออกถนนใหญ่ทางหลวงได้ใกล้นิดเดียว และห่างทุ่งสงไม่มากเท่าไหร่
ขากลับผมลองกลับตามเส้นทางที่เจ้าภาพเขาจดให้ ปรากฎว่าหลงทาง แต่ขนาดว่าหลงทาง ยังพบว่า เส้นทางนั้น ใกล้มาก ทุ่นระยะทางได้มากจนผมแปลกใจ
ง่ายของเขา คือยากของผม
ง่ายของผม คือยากของเขา
คือความรู้นั้น ๆ ถ้าเงื่อนไขสถานการณ์ไม่สุกงอม ก็เป็นความรู้แบบ "งั้น ๆ" แหละ
คือแผนที่เส้นทางหาดใหญ่ แผนที่เส้นทางในนคร ฯ ก็ล้วน "งั้น ๆ" ถ้าไม่มีเหตุต้องใช้ หาเอาเมื่อไหร่ก็ได้ (แต่เวลาต้องใช้ มักเป็นตอนที่เราไม่สะดวกจะหา)
ความรู้คืออำนาจ จึงต้องเป็นความรู้ที่ "ตอบโจทย์" และ "แก้ปัญหา" ของคน ๆ นั้นได้แบบทันเวลาและถูกที่
ต่อเมื่อถูกกาละเทศะ ความรู้นั้นก็สำคัญปุบปับ มูลค่าเพิ่มกระฉูด
ในกรณีอื่น แผนที่ อาจหมายถึง แผนที่ชีวิต เช่น การให้คำแนะนำ "เล็ก ๆ" ที่กระเทือนวิถีชีวิต
ในมหาภารตะยุทธ พระกฤษณะให้คู่ศึกเลือกสองสิ่ง พี่น้องปาณฑพเลือกพระกฤษณะเป็นกุนซือ ทุรโยชน์เลือกกองทัพไพร่พล ผลชี้ขาดสงครามเกิดเมื่อพระกฤษณะปลุกปลอบให้อรชุนตัดสินใจรบได้สำเร็จ เป็นกรณีศึกษาของการมีกุนซือดี
บางที เราอ่านมาก คุยมาก ฟังมาก คิดมาก มีความรู้ มันก็แค่นั้นแหละ บางทีได้หยิบเอาเสี้ยวเล็ก ๆ นิดเดียวมาใช้ได้ถูกที่ ถูกเวลา ก็คุ้มกับเวลาและความพยายามที่ผ่านไปแล้วทั้งหมด
เสี้ยวเล็ก ๆ ของความรู้ที่ว่า บ่อยครั้ง ซ่อนอยู่ในตัวคนใกล้ตัวเรา ซ่อนอยู่ในประโยคเดียว ที่รอให้ชีวิตเราเลี้ยวโค้งไปเจอ
และต้องดึงออกมา ด้วยไมตรีจิต ด้วยมิตรภาพ
คุณ