ท.ทหาร ยุค คมช. กับการศึกษา


        มหาวิทยาลัยนเรศวรร่วมกับกองทัพบก พัฒนาการศึกษาให้กับกำลังพล โดยทำโครงการพิเศษ เปิดโอกาสให้กับทหารที่สำเร็จการศึกษาในระดับอนุปริญญา หรือสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายสิบ หรือนักเรียนจ่าที่ยังไม่จบปริญญาตรี ได้มีโอกาสในการพัฒนาตนเอง ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น โดยเปิดหลักสูตร หลายหลักสูตรที่เป็นหลักสูตรหลักของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์

               โดยในรุ่นแรกปรากฏว่ามีกำลังพลที่สนใจศึกษาต่อเลือกเรียนในสาขาทางด้านพัฒนาสังคมของคณะสังคมศาสตร์ กับทางด้านเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา ในสองหลักสูตร ส่วนทางด้าน ดนตรีศึกษา กับพลศึกษามีผู้สนใจน้อย จึงยุบรวมเหลือเพียงสองสาขา

             ซึ่งที่พิษณุโลก เฉพาะสาขาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา มีผู้สนใจเรียน 90 คน ส่วนที่กรุงเทพฯ ก็มีผู้สนใจเรียนหลายร้อยคน

        โดยในการเรียนนั้นส่วนของหน่วยกิตที่มหาวิทยาลัยให้สามารถเทียบโอนหน่วยกิตได้ ได้แก่รายวิชาพื้นฐานการศึกษา หรือวิชามอนอ ทั้งหมด เหลือแต่เพียงวิชาเฉพาะสาขา หรือวิชาเอกเท่านั้นที่ต้องลงทะเบียนเรียน ซึ่งนิสิตสามารถที่จะเรียนจบได้ภายในสองปี หรือหกภาคการศึกษา

        ซึ่งในรายวิชาที่ผมรับผิดชอบสอนในภาคเรียนต้นได้แก่รายวิชา สื่ออิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ซึ่งเป็นวิชาบังคับ ที่นิสิตเทคโนฯ ต้องมีพื้นฐานทางด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์สำหรับสื่อการสอน เป็นพื้นฐาน

         โดยในกิจกรรมการเรียนการสอนนั้นมีทั้งทฤษฎี ปฏิบัติ ค้นคว้ารายงาน การศึกษาดูงาน โดยผมกับนิสิตได้วางแผนร่วมกันว่าเราน่าจะไปศึกษาดูงาน เพื่อหาประสบการณ์นอกห้องเรียนกันบ้าง โดยน่าจะไปดูการผลิตไฟฟ้า ซึ่งในกลุ่มหนึ่งวางแผนที่จะไปดูการผลิตไฟฟ้าแห่งใหญ่ของประเทศ คือที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะที่ลำปาง ส่วนอีกกลุ่ม เค้าเลือกใกล้ๆ คือไปดูการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำที่เขื่อนสิริกิตต์ โดยกลุ่มหนึ่งไปไกลกว่าแต่เลือกที่จะไปเช้าเย็นกลับ ส่วนกลุ่มสองไปใกล้กว่าแต่เลือกที่จะทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ทำความรู้จักกันระหว่างทหารแต่ละกรมกอง 

        ซึ่งในกลุ่มสองนั้นจะมีแต่ทหารชั้นประทวน ส่วนกลุ่มหนึ่งจะมีนายทหารอยู่ด้วย 4-5 คน ดังนั้นการจัดการของทั้งสองกลุ่มจะมีความแตกต่างกัน

        ในกลุ่มสองนั้น จะมีจ่าชาติ เป็นหัวหน้าก๊วน ซึ่งมองๆ แล้วพี่แกจะไม่เหมือนทหารสักเท่าไหร่ มองแล้วจ่าชาติน่าจะเป็นนักเลงพระเสียมากกว่า

           จ่าชาติจะแขวนหลวงพ่อชินราชทรงจตุคาม องค์โต และเมื่อโทรเข้าโทรศัพท์จ่าชาติก็จะได้ยินเสียเรียกสาย เอ้า! โทรเข้ามารับส่วนกุศล ผลบุญโดยถ้วนทั่วกัน สะยะกะนาเชตะวา .......ตามด้วยเสียงสวดอีกบทใหญ่ถ้าจ่าชาติไม่รับสายเสียก่อน

        เหมือนกับมาเป็นชีวิตนิสิตอีกครั้ง หลายคนไม่เคยคิดเคยฝันว่าตนเองจะได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตเป็นนิสิตในรั้วมหาวิทยาลัย หลังจากที่พักการเรียนไปนาน และใช้ชีวิตในรั้วทหาร

(วันนี้ขอตัวพานิสิตไปดูงานก่อน แล้วจะมาเขียนเล่าประสบการณ์พาทหารนิสิตไปดูงานต่อไป)

หมายเลขบันทึก: 117163เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2007 20:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน 2012 13:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

น่าสนุกนะคะ...ขอบคุณที่เข้าไปเป็นคนแรกของพี่555..กะว่าจะเขียนแข่งกับหนึ่งไง...อ้อเรื่องใหม่ของพี่พาดพิงถึงหนึ่งกับอ้อยด้วยอย่าลืมไปแก้ข่าวด้วยนะจ๊ะ

การไปดูงานครั้งนี้ได้อะไรมามากมายกว่าที่คนรอบข้างผมได้ดูถูกไว้  คนส่วนมากมักบอกว่าการไปดูงานก็คือการทำเงินไปใช้  ไปเที่ยว  ไปพักผ่อน  คนที่ไม่เคยไปไม่เคยรับรู้จะคิดไปในแนวทางเดียวกันรวมถึงตัวผมด้วย  แต่เมื่อได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองจึงได้รับรู้อะไรอีกมากมายนักที่บางคนชั่วชีวิตนี้อาจจะไม่เคยเห็น ถึงแม้ว่าเป็นการดูงานครั้งแรกที่หวังว่าจะไปเที่ยวก็ตาม  ถึงแม้จะตั้งใจบางไม่ตั้งใจบางแต่เรื่องที่ได้พบ ได้เจอ ได้ฟังมาก็ทำให้ได้รู้อะไรอีกมากมายนัก อย่างน้อยผมก็ได้มีความรู้จากประสบการณ์ตรงที่เหนือกว่าคนอื่นไปอีกขั้นหนึ่งในเรื่อง เขื่อนสิริกิติติ์... พิษงูฆ่าคนตายได้ฉันใด  พิษงูอีกส่วนนั้นไซร้ยังใช้สามารถรักษาคนได้ฉันนั้น..(หลายคนอาจจะมองว่าไม่ได้ประโยชน์จากการไปดูงาน   แต่ผมเชื่อว่าสมาชิกในกลุ่ม 2 ของผมต้องไปประโยชน์ไม่มากก็น้อยทุกนาย)

ส.อ.วิทวัส จันทร์ผกา

เป็นความบังเอิญ ระหว่างที่ผมพยายามหา space ของ อ.หนึ่ง ใน google จึงได้มีโอกาสมาอ่านข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นของ อ.หนึ่ง แน่นนอนครับการไปดูงานกันครั้งนี้ถึงพวกผมจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้าง บางคนก็ไม่อยากไปซะด้วยซ้ำ โดยเฉพาะพี่เป้ ที่อยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ ถึงกับนั่งมอเตอร์ไซด์ตามมาถึงตอนบ่าย 3 กว่า ๆ  และสิ่งที่ได้กลับมากลับคุ้มค่าเกินคำบรรยายครับ โดยเฉพาะการรู้จักกันในกลุ่มที่มากขึ้น และการไปดูการผลิตไฟฟ้าที่เราไปกันเองคงไม่มีโอกาสได้ดูแน่นนอน หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พวกผมกลับรู้จักและมีการช่วยเหลือกันมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะตอนสอบวิชาของ อ.หนึ่ง พยายามช่วยกันทุกวิธีทาง แต่............ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ขอบคุณ อ.หนึ่ง มากครับ

อ.หนึ่ง พาพวกเราไปดูงานที่เวียดนามสนุกมากครับได้ทั้งประสบการณืที่ไม่สามารถจะหาได้ที่ไหนอีกแล้วยังได้สาระทางวิชาการด้านการศึกษาอีกด้วยและอาจารย์เก่งมากสามารถพาเราเข้าไปดูงานในมหาวิทยาลัยแห่งชาติของเวียดนามได้ ปกติมหาวิทยาลัยนี้ไม่ค่อยให้ใครเข้าชมได้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท