หลายท่านอาจเคยได้ยินว่าการทดสอบดินเป็นเรื่องจำเป็นพอๆกับการตรวจเลือดของคน
แต่การวิเคราะห์ดิน ต้นทุนจะสูงมาก ตัวอย่างละไม่ต่ำกว่า ๒ พันบาท และก็ได้แต่ตัวเลข ที่ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่มีประโยชน์
แต่ถ้าเราหันมาใช้วิธีเชิงประจักษ์ เราจะประหยัดทั้งเงิน เวลา และได้เรียนรู้ไปด้วยครับ
วิธีที่ว่าก็คือ การปลูกพืชหลายๆชนิด ให้ทั่วพื้นที่ ทำไปใช้ไปนี้แหละครับ
เราจะได้รู้ว่าที่ดินของเราเป็นอย่างไร
ในที่น้ำไม่ขังอาจใช้พืชพวกถั่วเขียว ถั่วเหลือง งา ข้าวโพดชนิดต่างๆ แม้กระทั่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ และพืชธรรมชาติ ลองใช้พืชที่หาง่ายไว้ก่อน
ถ้าพืชโตดีเราจะรู้ว่าตรงไหน แปรปรวนมาน้อยแค่ไหน
ลองดูนะครับ
วันหลังจะนำมาขยายความ พร้อมรูป วันนี้ลองหยั่งเสียงพันธมิตรดูครับ
หรือสะดวก ไปดูนาผมจะรู้วิธีการเชิงประจักษ์ด้วยตัวเองหมดเลยครับ ไม่ต้องรอ
สวนของผมเป็นที่ราบในหุบเขา ติดลำธาร เป็นดินตื้น ปนทรายและหินกรวด ปัจจุบันปลูกส้มโอ ไผ่ กฤษณา มีไม้ใหญ่ ยืนต้น จามจุรี ต้นสัก มะค่า ยาง จนจะเป็นส่วนป่า อยู่แล้วครับ อยากจะปลูกไม้ผล อื่นๆบ้าง และ มีโครงการจะปลูกไม้ดอกไม้ประดับแซม ไม่รู้ว่า ดินประเภทนี้ เหมาะที่จะปลูกต้นไม้อะไร
กำลังต้องการ การวิเคราะห์เรื่องดิน อยู่พอดีครับ รบกวนอาจารย์ ถ้าว่างๆ ช่วยขยายความด้วยครับ ขอบคุณมากครับ
ดูที่ต้นไม้ครับ
ต้นไม้ที่เจอทั่วไป โตไวไม่ต้องสนใจ ดูพวกที่หวุดหวิดพอดี ว่าเป็นต้นอะไรบ้าง แล้วกลับไปดูระบบว่าต้นนั้นชอบที่แบบไหน
นี่คือการประเมินเชิงประจักษ์ที่ง่ายที่สุด
เช่น ต้นสัก จะต้องการดินดีมากๆ ทั่วไปจะไม่โต (อย่างที่พวกหัวใสมาหลอกให้ชาวบ้านปลูกนั่นแหละ)
ถ้าดินดี สักจะโตได้เส้นผ่าศูนย์กลางเมตรกว่า ในระยะ ๕๐ ปี แต่ทั่วไปผมยังไม่เห็นยกเว้นอยู่ที่เดียวที่สวนป่าของครูบาสุทธินันท์
ฉะนั้น ถ้าสักโตได้ดี ก็เรียกว่าสุดยอด
แต่ทั่วไปดูต้นอื่นดีกว่า
เก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ในคลังสมอง แล้วประเมินได้เลย ไม่ลงทุน แต่อาศัยประสบการณ์นิดหน่อย ครับ
หลายท่านอาจเคยได้ยินว่าการทดสอบดินเป็นเรื่องจำเป็นพอๆกับการตรวจเลือดของคน
นี่คือต้นสักที่ครูบาปลูกเองสมัยเด็กๆ
ตอนนี้โตมาก และใหญ่ที่สุดในอีสาน เท่าที่ผมเคยเห็นมา
แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ในอดืต
ปัจจุบันไม่มีแล้ว
ฉะนั้น ใครถามผมเรื่องต้นสัก
ผมบอกว่า ลองเล่นได้แต่อย่าหวังมาก
เพราะสักต้องการดินดีมากๆ อย่างที่เห็นนี่แหละครับ
สงสัยเขาจะวิ่งหาเงินด่วนกันมั้งครับ
ถ้าไม่เร็วเขาจะไม่สนใจ
เราจะเริ่มตรงไหนกันดีครับ