หลังจากเดินทางกลับจากตาคลี
วันรุ่งขึ้น พวกเราก้อได้รับภารกิจให้เดินทางไปฝึกการลำเลียงผู้ป่วยโดยเครื่องบิน C-130
โดยคราวนี้ก้อเป็นพวกเรากลุ่มที่สอง ทำหน้าที่เป็น Flight nurse
ส่วนอีกกลุ่ม ก้อเป็นคนไข้แทน
โดยกระผมรับบท ผู้ป่วยโรคตับแข็ง น่าน...ต้องนอนเปลไป
แอบดีใจ เกิดมาได้นอนเตียงบนเครื่องบิน เหอ ๆ
โดยสถานีปลายทางคราวนี้ เป็นสถานีของกองบิน 21 อุบลราชธานีนั่นเอง
คาดว่าใช้เวลาบินประมาณหนึ่งชั่วโมง
โดยตอนเช้าพวกเรานัดรวมตัวกันที่ รพ.ภูมิพลแต่เช้า
แล้วมีรถบัสนำพวกเรามาที่สนามบินของกองบิน 6 ดอนเมือง
แต่พอมาถึงก็มีข่าวร้ายว่า เครื่องบินที่เราจะบินนั้น ถังน้ำมันรั่ว!!
ต้องขอเวลาซ่อมก่อน ไอ้เรารีบให้เวลาเต็มที่ ขอให้ซ่อมให้ดีละกัน
ระหว่างนั้นพวกเราได้ซ้อมลำเลียงผู้ป่วยไปพลาง ๆ ก่อนกะเครื่องบินที่จอดซ่อมนั่นแหละ
โดยฝึกยกเปล ติดเปลบนเครื่องบิน ดูแลคนไข้
ฝึก CPR คือปั๊มหัวใจและช็อกด้วยไฟฟ้า ถ้าคนไข้หัวใจหยุดเต้นบนเครื่องบิน
แล้วฝึกว่าถ้าเกิดเครื่องบินต้องลงจอดฉุกเฉินหรือตกบนบกหรือในทะเล
จะลำเลียงคนไข้ออกอย่างไร จัดคนไข้อย่างไรบ้าง
ใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ จึงฝึกครบ
จากนั้นทราบข่าวมาว่า ไม่สามารถซ่อมรอยรั่วถังน้ำมันเครื่องบินได้
จึงเปลี่ยนไปใช้เครื่อง C-130 อีกลำ มาเดินทางแทน
ซึ่งเครื่องบินอีกลำนี้ เป็นเครื่องพระที่นั่งสำรองเชียวนะ (มีบุญจริง ๆ)
พวกเราก้อได้เคลื่อนย้ายกำลังพลไปอยู่ที่เครื่องนี้เรียบร้อย
และกำลังจะออกเดินทาง เข้านั่งประจำที่ รัดเข็มขัดแล้ว
นักบินพร้อม ผู้โดยสารพร้อม ทุกอย่างพร้อม...แต่
มีช่างมาบอกว่า ยางล้อเครื่องบินด้านซ้ายหลังสึก
พวกเราจึงไปดู พบว่ารอยล้อสึกมีเป็นวง ๆ อยู่ด้านในของเครื่องบิน
ต้องมุดเข้าไปดูจึงเห็น อยู่ลึกมาก สึกถึงหกวงด้วยกัน
ใครนึกภาพไม่ออก นึกถึงวงปีต้นไม้ ลักษณะเดียวกันนั่นแหละ
โดยถ้าสึกมากกว่าสี่วง จะไม่ใช้งาน
เพราะยางจะแตกตอนเครื่องลงได้ เหวย...
นับว่าเป็นโชคดีของพวกเราทั้งยี่สิบคน รวมนักบินกับอาจารย์น่าจะ 25 คนได้
ที่รอดชีวิตปาฏิหารย์
เพราะเขาว่าเครื่องบินจะขึ้นได้ตามปรกติ บินได้ดี แต่เวลาลงจะยางระเบิดแน่ ๆ
เฮ้อ ...เกือบเป็นข่าวหน้าหนึ่งวันรุ่งขึ้นแล้วมั้ยล่ะ
ขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่คุ้มครองจริง ๆ
สรุปใช้เวลาเปลี่ยนยางล้ออีกชั่วโมงนึง วันนั้นเลยฟรีไปเลย อดเดินทาง ว่าง...
จากนั้นวันต่อมา กำหนดการพวกเราจะต้องเดินทางไปดูงานที่บริษัทวิทยุการบิน
ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ทุ่งมหาเมฆนั่นแหละ
(จริง ๆ อยู่ตรงไหนก้อไม่รุ้เหมือนกัน เขียนไปงั้นแหละ เพราะตอนเดินทางไปดันหลับ)
บริษัทวิทยุการบิน จะมีหน้าที่คอยดูแลและจัดการจราจรบนท้องฟ้าของเครื่องบิน
คล้าย ๆ กับตำรวจจราจรนั่นแหละ
แต่งานของเขาเครียดมากเลยนะ ทุกวินาทีคือชีวิตหลายร้อยชีวิต
งานของเขา รายได้ดีนะ แต่ต้องอยู่เวรบ่อย
กล่าวคือ วันแรกทำกลางวัน วันสองทำกลางคืน แล้วก้อพักสองวัน
โดยในวันที่ทำงานนั้น จะทำงานสองชั่วโมง พักหนึ่งชั่วโมง
ฟังดูเหมือนสบายนะ แต่จริง ๆ เครียดมาก
ต้องเป็นคนที่ตัดสินใจเก่ง และรับผิดชอบมาก ภาษาอังกฤษต้องดีมากด้วย
เพราะกัปตันทุกประเทศติดต่อกันด้วยภาษาอังกฤษนี้
โดยงานของเขาจะแบ่งหลัก ๆ เป็นสามแบบ (ไม่แน่ใจว่าถูกป่าวนะ จำได้แวบ ๆ)
หนึ่งคือ หอบังคับการบิน ที่พวกเราเห็นเป็นหอที่สนามบินนั่นแหละ
มีหน้าที่ควบคุมการจราจรภาคพื้นและส่ง,รับเครื่องบินจากสนามบินจนบินถึงระยะ 10 ไมล์ม้าง
จากนั้นจะส่งต่อให้กับ Approach control ซึ่งมีหน้าที่นำเครื่องบินเข้าออกจากสนามบิน
ที่ระยะ 10 ไมล์ไปจนถึง 50 ไมล์
โดยไม่ได้ควบคุมด้วยสายตานะ แต่ใช้เรดาห์แทน
ซึ่งงานจุดนี้จะไม่ได้มีเครื่องบินที่เยอะอะไรมาก
เพราะพื้นที่ไม่เยอะ แต่ถ้าเทียบกันจริง ๆ ก้อเครียด ความหนาแน่นเครื่องบินจะมีเยอะกว่า
ซึ่งต้องใช้ผู้ดูแล ที่เป็นผู้ชำนาญในพื้นที่ของสนามบินนั้นมาควบคุม
โดยเมื่อก่อน Approach control จะอยู่ในแต่ละสนามบิน
แต่เมื่อพิจารณาแล้ว บางสนามบินไม่ค่อยมีเครื่องบินลง แต่ต้องใช้คนไปคุมศูนย์หลายคน
ทำให้คิดว่ารวมการทำงานดีกว่า จะได้ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ
ซึ่งก้อฟังดูน่าจะถูกต้อง
จากนั้นพอพ้นระยะ 50 ไมล์ไปจนถึงออกนอกประเทศ
จะส่งการควบคุมให้กับอีกศูนย์หนึ่ง แต่จำชื่อไม่ได้
ซึ่งมีหน้าที่ดูแลและรับส่งเครื่องบินเข้าออกประเทศ
ติดต่อกับต่างประเทศด้วย และคอยสังเกตเครื่องบินที่ไม่มีสัญชาติเข้าประเทศด้วย
โดยศูนย์นี้จะทำงานแบ่งเป็นพื้นที่ๆ แต่ละพื้นที่มีเครื่องบินอยู่ในรับผิดชอบเป็นร้อยลำเลย
น่ากลัวจริง ๆ เพราะถ้าสมมติว่าเขาบอกผิดไป
เครื่องบินสองลำได้ปะทะกันแน่บนอากาศ เพราะเรดาห์ของเครื่องบินมองไม่เห็นเท่าของที่นี่
แต่ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือของเค้าซึ่งดีและทันสมัยมาก ๆ
ประกอบกับพนักงานที่เก่ง และมีการฝึกที่ดี
ทำให้ไว้วางใจระบบนี้ได้ เพราะเป็นที่แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่ได้รับการรับรองจาก ICAO องค์การการบินระหว่างประเทศเชียวนะ
นอกจากนั้นที่นี่ยังมีระบบรองรับเผื่อเกิดแผ่นดินไหว ไฟไหม้ ฯลฯ ด้วย
ดีจริง ๆ
อ้อ...ลืม point อีกเรื่อง
พนักงานสาว ๆ ที่นี่ ก้อหน้าตาน่าร้าก จิ้มลิ้มกันทุกคนเลย
ถึงแม้ว่าจะไม่เท่าแอร์โฮสเตส แต่ก้อไม่เป็นรองใครเชียวนะ เหอะๆ
ที่เขียนเรื่องนี้น่ะ เผื่อเพื่อนคนใดสนใจนะ อย่าเข้าใจเราผิด หุหุ