แต่ในทางปฏิบัติก็ยังพบว่าสมาชิกจำนวนมากยังไม่สามารถถือศีล ๕ ได้ตลอด และยังมีกิจกรรมที่ยังคงทำอันตรายสิ่งมีชีวิตอยู่บ้าง เช่น การไถนา อาจทำให้เกิดการทำลายสิ่งมีชีวิตต่างๆในระบบธรรมชาติ โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
ดังนั้น เป้าหมายที่จะนำไปสู้อรหันต์ชาวนา จึงได้ปรับลดลงมาชั่วคราวอยู่ที่ “ข้าวคุณธรรม” ที่เน้นการไม่เบียดเบียนประเภทที่ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน
เพื่อเป็นการสนับสนุนการทำกิจกรรมข้าวคุณธรรม ผมจึงได้เสนอตัวขอร่วมกิจกรรมโดยใช้แปลงนาของผมเป็นที่ทดลองการทำนาแบบไม่ไถ ไม่ดำ เพื่อลดการทำลายตนเองและสิ่งแวดล้อมการไม่ไถจะทำให้
การไม่ไถยังจะทำให้เกิดผลทางสังคม-เศรษฐกิจ ในประเด็น
แต่การไม่ไถนั้น ต้องมีชุดความรู้ใหม่ในการดูแลปัญหาวัชพืช และสิ่งมีชีวิตที่อาจทำลายพืชได้ โดยเฉพาะในระยะปรับเปลี่ยน
ที่มีปฏิบัติกันอยู่ก็คือ
การทำงานครั้งนี้ได้ร่วมกับกลุ่มญาติธรรม ณ วัดป่าสวนธรรมร่วมใจ อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ที่มีท่านสุภัทโท เป็นเจ้าอาวาส
แม้ยังเป็นประชากรจำนวนไม่มากนัก แต่ผมเชื่อว่าพลังของญาติธรรมจะเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง จนสามารถสร้างสัมมาทิฐิ ให้เกิดกับการทำการเกษตรแบบพึ่งตนเอง และยั่งยืนได้ในระยะยาว
ขอบคุณครับที่สนใจ
สวัสดีครับท่านอาจารย์แสวง
อาจารย์ดร.แสวงครับ
อาจารย์หายไปนานมาก (ผมก็หายไปนานเหมือนกัน) พอกลับมาอีกครั้งเห็นบันทึกอาจารย์ก็ดีใจมากเลยครับ
ผมอ่านบันทึกอาจารย์ด้วยมุมมองของคนไม่ค่อยจะประสาทางด้านเกษตรกรรม แต่ก็สนใจและพยายามจะมองจากมุมอื่น เหมือนอย่างที่เคยอ่านเรื่องของนักเกษตรกรรมชาวญี่ปุ่น (ผมจำชื่อไม่ได้จริงๆ ครับ) ที่ใช้เวลาศึกษาปลูกข้าวโดยไม่สูบน้ำเข้านา ลองผิดลองถูกจนพบว่าการปล่อยหนู ปล่อยแมลงลง ก็ทำให้ได้ข้าวแข็งแรง และได้ผลตอบแทนต่อหน่วยมากกว่าวิธีการเดิม
คำโปรยหนังสือบอกว่าหนังสือเล่มนี้ ถ้าหวังอ่านเพื่อความรู้ทางการเกษตร ก็จะได้ปรัชญาไปด้วย ถ้าอ่านเพื่อศึกษาปรัชญาชีวิต ก็จะได้ความรู้การเกษตรเหมือนกัน ผมได้ทั้งสองอย่าง นิดๆ หน่อยๆ ตามกำลังสมอง
เล่ามาแบบนี้ก็เพราะผมเองอ่านบันทึกของอาจารย์ด้วยความรู้สึกอย่างเดียวกันนี้ และที่สำคัญ ผมรู้สึกว่าบันทึกนี้ค่อนข้างจะท้าทายกระแสที่คนปัจจุบันกำลังมุ่งไป นั้นหมายถึงว่าคนเราจะสามารถทำอะไรที่คนอื่นไม่ทำนั้น ต้องมีกำลังใจมากและมีตลอด ไม่ใช่แค่จากตนเอง แต่จากชุมชน ดังนั้นผมจึงเห็นว่าทำเป็นกลุ่มนั้นย่อมสำเร็จได้ง่ายกว่าแน่นอน จะคอยฟังข่าวความคืบหน้าด้วยใจระทึกครับ
ส่วนผมนั้น หวังว่าสักวันหนึ่งจะปลุกผักหญ้าทานเองที่บ้าน แค่นี้ก็ภูมิใจเหลือหลายแล้วครับ
ไม่ทราบว่าอาจารย์หายไปไหนนานนะครับ แต่ยินดีมากที่อาจารย์กลับมาอีกครั้ง
สวัสดีครับ
อาจารย์ดร.แสวงครับ
อาจารย์หายไปนานมาก (ผมก็หายไปนานเหมือนกัน) พอกลับมาอีกครั้งเห็นบันทึกอาจารย์ก็ดีใจมากเลยครับ
ผมอ่านบันทึกอาจารย์ด้วยมุมมองของคนไม่ค่อยจะประสาทางด้านเกษตรกรรม แต่ก็สนใจและพยายามจะมองจากมุมอื่น เหมือนอย่างที่เคยอ่านเรื่องของนักเกษตรกรรมชาวญี่ปุ่น (ผมจำชื่อไม่ได้จริงๆ ครับ) ที่ใช้เวลาศึกษาปลูกข้าวโดยไม่สูบน้ำเข้านา ลองผิดลองถูกจนพบว่าการปล่อยหนู ปล่อยแมลงลง ก็ทำให้ได้ข้าวแข็งแรง และได้ผลตอบแทนต่อหน่วยมากกว่าวิธีการเดิม
คำโปรยหนังสือบอกว่าหนังสือเล่มนี้ ถ้าหวังอ่านเพื่อความรู้ทางการเกษตร ก็จะได้ปรัชญาไปด้วย ถ้าอ่านเพื่อศึกษาปรัชญาชีวิต ก็จะได้ความรู้การเกษตรเหมือนกัน ผมได้ทั้งสองอย่าง นิดๆ หน่อยๆ ตามกำลังสมอง
เล่ามาแบบนี้ก็เพราะผมเองอ่านบันทึกของอาจารย์ด้วยความรู้สึกอย่างเดียวกันนี้ และที่สำคัญ ผมรู้สึกว่าบันทึกนี้ค่อนข้างจะท้าทายกระแสที่คนปัจจุบันกำลังมุ่งไป นั้นหมายถึงว่าคนเราจะสามารถทำอะไรที่คนอื่นไม่ทำนั้น ต้องมีกำลังใจมากและมีตลอด ไม่ใช่แค่จากตนเอง แต่จากชุมชน ดังนั้นผมจึงเห็นว่าทำเป็นกลุ่มนั้นย่อมสำเร็จได้ง่ายกว่าแน่นอน จะคอยฟังข่าวความคืบหน้าด้วยใจระทึกครับ
ส่วนผมนั้น หวังว่าสักวันหนึ่งจะปลุกผักหญ้าทานเองที่บ้าน แค่นี้ก็ภูมิใจเหลือหลายแล้วครับ
ไม่ทราบว่าอาจารย์หายไปไหนนานนะครับ แต่ยินดีมากที่อาจารย์กลับมาอีกครั้ง
สวัสดีครับ
เรียน อาจารย์วสะ
ผมกลับไปพัฒนาตนเอง ทบทวนชีวิต แยกความจริงกับความฝันออกจากกัน ทดสอบระบบสังคมรอบตัว โดยอยู่นิ่งๆ ทำกิจกรรมของตนเองร่วมกับชาวบ้านเป็นหลัก
แล้วก้กลับมาตามคำขอของสมาชิกบางท่าน ที่ยังเห็นคุณค่าการเขียนของผม
แต่คงมีบางคนที่ไม่ชอบสไตล์การนำเสนอของผม
เมื่อผมกลับมาหยั่งเสียง ก็ได้กำลังใจที่สำคัญจาก ท่านมหาชัยวุธว่า
บัณฑิตย่อมสามารถแยกบัณฑิตออกจากคนพาล แต่คนพาลจะไม่แยกคนพาลออกจากบัณฑิต
ผมจึงมั่นใจว่า ผมน่าจะกลับมาเสนอแนวคิดที่บริสุทธิ์ ถูกหลักทั้งวิชาการและปฏิบัติ ที่สามารถขึ้นเวทีอภิปรายกับใครก้ได้ ที่คิดว่าแนวคิดและวิธีการที่ผมทำไม่เหมาะสม
ผมยังมีปณิธาน "จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง......" อยู่เช่นเดิม
ผมเกิดมาในเดือนตุลา และเป็นคนเดือนตุลา ๒๕๑๖
ผมรักความถูกต้อง และยุติธรรม
ผมยังไม่อยากตายวันนี้ แต่ผมจะยอมถวายชีวิตเพื่อสร้างความถูกต้อง
ถ้าคนทำไม่เหมาะสม ไม่ถูกประนาม คนทำดีก็ถูกหลอกลวง แล้วใครจะมีกำลังใจทำความดี ทำไปทำไม ทำไม่ถูกต้องกลับถูกยกย่อง แล้วเราจะพัฒนาต่อได้อย่างไร
จริงไหมครับอาจารย์
ขอขอบคุณที่ยังคงเหนียวแน่นเช่นเดียว ไม่หลุดไปกับกระแสน้ำเน่าที่เชี่ยวกรากอยู่ในทุกวงการ
ผมจะทำเท่าที่ทำได้ แบบสันโดษ และอุเบกขาครับ
คุณครับ
ธรรมชาติมีทุกอย่างที่เหมาะกับทุกคน ลองไปค้นหาดูแล้วจะค้นพบด้วยตัวเอง
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ ที่ทฤษฎีบอกว่าเป็นไปไม่ได้ มีอยู่ในธรรมชาติ
ไม่ลองไม่รู้ ครับ
ผมมีตัวอย่างที่เพื่อฝรั่งผมไม่เชื่อมากมาย (It is impossible!!!!) เพราะมันขัดแย้งกับความรู้ ความเชื่อ และทฤษฎีที่เขาเรียนมา เช่น
แค่ได้ยินก็ว่าผมบ้าแล้วครับ
ครุมี ๓ ครู ใช้ให้ครบแบบสมดุล จะไม่ผิดหวัง
เกิดมาแล้วในโลก อย่าให้เสียชาติเกิด พัฒนาชีวิตตนเองให้ครบถ้วนแบบสมบูรณ์ แล้วท่านจะพบความสุขที่แท้จริง
ลองดูนะครับ
ถือว่าผมโชคดีตามวิธีนี้พอดีผมจะทำตามอาจารย์
โดยไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายโดยเจตนา
ศีล5ผมมีประจำตัวอยู่แล้วผมลองทำตามอาจารย์
มาดูกันซิว่าจะได้ผลอย่างไร.ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณสำหรับทุกทุกความรู้ ขอบคุณครับ
จากคนอยากทำเกษตร
แต่ยังไม่มีโอกาส
แต่ยังพอมีฝันอยู่
แนวคิดดีมาก ลึกซึ้งเข้าถึงหลักธรรม
ขอบคุณครับ
ครับ
ผมว่าเราลด ละ เลิก การเบียดเบียนตัวเอง ผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม ก็ค่อยๆเปิดช่องทางการพัฒนาสู่ความเป็น
ตอนนี้ผมอยู่ในระยะที่ ๑ กำลังจะปรับเข้าสู่ระยะที่ ๒ ครับ
ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะไปได้แค่ไหน
ไม่ลองไม่รู้ครับ