คำนำ
ความสำเร็จคือสิ่งที่ปรารถนา ความก้าวหน้าคือสิ่งที่มุ่งหวัง
กำลังใจจากครอบครัวคือพลัง เดินสายกลางได้เป็นครูอยู่พอเพียง
สาวน้อยผู้อ่อนหวาน อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอคนหนึ่ง โชคดีมากที่เกิดมาจากครอบครัวที่อบอุ่น แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ทำให้เธอต้องผจญชะตาชีวิต ที่ผกผัน ประสบการณ์ชีวิตในอดีต ส่งผลให้เธอเข้มแข็ง และมีสติรู้จักคุณค่าของ " เงินบาท " รู้จักบุญคุณคน ความรัก ความเคารพใน " บุพการี "
แม่พิม
"ทุกคนเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกทางเดินที่ดีและเลือกที่จะเป็นคนดีได้"
คำกล่าวนี้กึกก้องในโสตประสาทของเธอ สาวน้อยผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาคนหนึ่ง ซึ่งฉันรู้จักตัวตนของเธอเป็นอย่างดี เธอเดินทางจากลุ่มลำชีเข้าสู่เมืองศิวิไลซ์ เป็นสาวฉันทนาตามคำแนะนำของญาติเธอ เธอขยันทำงานเก็บเงินให้แม่ เพื่อส่งเสียให้น้องสาวได้เรียนหนังสือ เธอแอบมอง แอบชมสาวสำนักงานที่ใส่ชุดกระโปรงสวย ๆ แล้วเธอถามตัวเองว่า " ทำอย่างไรถึงจะได้ทำงานที่ใส่ชุดสวย ๆ อย่างนั้นบ้าง " คำถามนี้อยู่ในใจเธอตลอดมา และยิ่งนานวันมันก็ยิ่งต้องการคำตอบ
ท้องทุ่งเขียวขจีด้วยฝีมือของมนุษย์กลุ่มหนึ่งซึ่งรู้จักในนามของ " ชาวนา " ที่ต้องเอาหลังสู้ฟ้าหน้าสู่ดินเพื่อแลกกับความเขียวชะอุ่มและความเจริญงอกงามของต้นข้าว เด็กหนุ่มเดินตามคันนา ในมือมีคันเบ็ด ไหล่ก็สะพายข้อง มีน้องชายถือกระป๋องเหยื่อเดินตามหลัง เธอทอดสายตาผ่านหน้าต่างรถดีเซลราง แล้วจินตนาการถึงอดีตพร้อมทั้งอมยิ้มอย่างปรีดา เธอสะดุ้งเฮือก ตื่นจากภวังค์ เมื่อชายหนุ่มเซถลามาชนเธอ เหตุจากคนขายของบนรถเดินชนชายหนุ่ม " ขอโทษครับ...ผมไม่ได้ตั้งใจ " " ไม่เป็นไรค่ะ "
ตามองตาสื่อภาษาของหัวใจ และไม่รีรอกามเทพก็แผงศรปักอกเธอกับชายหนุ่มกรุงเก่าเข้าอย่างจัง ความรักของเธอช่างสดใสหวานฉ่ำ และสุกงอมในเวลา ๔ ปี ในที่สุด ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๖ เธอและเขาก็จูงมือกันเข้าสู่ประตูสวรรค์ แล้วเช่าห้องอยู่ในซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งทางเข้า-ออกค่อนข้างจะลำบาก เธอจึงตัดสินใจ "ดาวน์รถมอเตอร์ไซด์" เมื่อรายจ่ายเพิ่มขึ้นแต่รายได้คงเดิม เธอจึงดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอดของมอเตอร์ไซด์ โดยการขายทุกอย่างที่เพื่อนฉันทนาของเธอสั่งซื้อ เช่น ชุดชั้นใน ชุดนอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ฯลฯ ถึงวันหยุดเธอจะไปรับของจากตลาดคลองเตย และมาขายเงินผ่อนซึ่งมีกำไรงอกงามพอสมควร และเธอก็ยังส่งเสียน้องสาวเช่นเคย แต่ก็ไม่ลืมที่จะแบ่งปันพ่อแม่สามีเธอด้วย
" คุณตั้งครรภ์ " หมอบอกเธอ เธอยิ้มแก้มปริดีใจและตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าสามีเธอเลย เธอเฝ้าทำนุบำรุงเลือดเนื้อเชื้อไข เธอด้วยความรัก ความห่วงหาเอื้ออาทร แต่เธอก็ยังทำธุรกิจกับของเพื่อนฉันทนาเธอ เธอและสามีใช้จ่ายอย่างมัธยัถส์ รู้จักกิน รู้จักเก็บ เธอจึงมีเงินออมจำนวนหนึ่ง และด้วยสามีเธอซ่อมกล่องควบคุมรถแบ๊คโฮล วันหยุดก็จะรับงานพิเศษ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีขา และมีปีก ความภาคภูมิใจเป็นทวีคูณก็เกิดขึ้น ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ รถยนต์คันงามจอดหน้าห้องเช่าของเธอ ด้วยน้ำพักน้ำแรงความขยันขันแข็งและความรู้จักเก็บออมของเธอและสามี ความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการีส่งผลให้เธอเป็นเช่นนั้น... เธอเชื่อ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดเกิดขึ้นกับเธอ ความเจ็บปวดทรมานที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิง บัดนี้มันไม่ได้เป็นเพียงคำล่ำลืออีกต่อไป มันมาเยือนเธอแล้วจริงๆ และความเจ็บปวดก็หายเป็นปลิดทิ้ง เธอยิ้มทั้งน้ำตา เมื่อคุณหมอนำทารกเพศหญิงมาวางไว้บนอกของเธอ เธอตื่นมาอีกครั้งพบว่า มีญาติแสดงความยินดีกับเธอมากมาย แม่เดินมาจับมือเธอข้างเตียง น้ำตาแห่งความสุขความตื้นตันใจหลั่งไหลอาบสองแก้ม เธอกอดแม่แน่น มองดูลูกและมองสบตาแม่ของเธอ ไม่มีคำพูดใด ๆ นอกจากดวงตาที่ฉายแววแห่งความอนาทร เปล่งประกายความรักความผูกพัน ซึ่งต่างคนต่างก็รับรู้ถึงความรู้สึกข้างในของกันและกัน โดยไม่ต้องมีคำบรรยาย และเธอก็ไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยด้วยว่า ความรักที่พ่อแม่มีให้กับลูกมันจะมากมายมหาศาลเพียงนี้
ฉันทนาต้องเลี้ยงลูกด้วยเลือดในอกของเธอเอง เหตุด้วยลูกชองเธอไม่ยอมกินนมผง (นมชง) เธอปรนนิบิติพัดวีสามีและลูกน้อยได้ ๑ ปีเศษ สามีของเธอก็ลาออกจากงานประจำเพื่อทำธุรกิจส่วนตัว ทำให้เธอได้มีโอกาสเดินทางไปด้วยทุกหนทุกแห่ง ที่มีรถแบ๊คโฮล ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านแดดและผ่านฝนมากมาย บางครั้งรถอยู่ในบ่อดิน
อยู่ในป่าลึก เธอได้แต่อาราธนาสิ่งศิกด็สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา ให้สามีเธอทำงานให้เสร็จเร็ว ๆเธอมักจะมีเสื่อ มีของเล่น และน้ำกินน้ำอาบไปด้วย เพื่อพาลูกน้อยนั่งเล่นใต้ต้นไม้รอสามีทำงานจนกว่าจะเสร็จ และเธอก็จะคอยเป็นเพื่อนคุย ปลอบโยน ให้กำลังใจ
และเอาอกเอาใจสามีทุกอย่าง เธอกระโตงกระเตงลูกน้อยวัย ๒ ขวบ ไปเป็นเพื่อนสามีทุก ๆ ที่ กระทั่ง ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ความเจ็บปวดที่แฝงไว้ด้วยความสุขก็มาเยือนเธออีกครั้ง ความสุขผสมผสานกับความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในห้องเช่าแคบ ๆเธอเลี้ยงลูกชายด้วยเลือดอุ่น ๆ จากอกเธออีกครั้ง และแล้วความคับแคบของห้องเช่า
ทำให้เธอมีความใฝ่ฝัน และกระตือรือล้นอยากจะมีบ้านหลังเล็ก ๆ เป็นของตนเอง
ผัวหาบเมียคอน สองแรงแข็งขัน ขยันทำมาหาเก็บ กอปรกับเธอทำนุบำรุงบุพการีทั้งสองฝ่ายอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ส่งผลให้เธอ และสามีรุ่งเรืองในกิจการ สามีซ่อมกล่องควบคุม และเธอก็รับงานจากเพื่อนฉันทนา ซึ่งเป็นงานการฝีมือ งานเย็บกระดุม เย็บสาบเสื้อ จนกระทั่งเก็บเงินพอที่จะซื้อที่ดินแปลงเล็กๆ ข้างๆ ห้องเช่าของเธอ แต่ยังไม่มีเงินพอที่จะปลูกบ้าน วันเวลาผ่านไปความเปลี่ยนแปลงอย่างมหันต์ก็ได้มาเยือนแม่ลูกอ่อนอย่างเธอ น้องสาวที่เธอส่งเสียให้เรียนจนจบวิชาชีพขั้นสูง ได้จุดประกายแสงสว่างและเติมไฟในฝันให้กับเธอ โดยการชักชวนเธอไปสมัครเรียนที่ มหาวิทยาลัย
รามคำแหง ในปีการศึกษา ๒๕๔๑ เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้ใส่ชุดนักศึกษา และเธอสัญญากับตัวเองว่าจะต้องเรียนให้จบ และทำงานที่ได้ใส่ชุดสวยๆ ให้จงได้ เธอนั่งรถเมล์ไปสอบวันแรกรถติดมาก เธอหน้ามืดเลยตัดสินใจลงจากรถเมล์แล้วนั่งแท็กซี่ไปสอบเกือบไม่ทัน " เจ็บใจนัก มีรถแต่ขับไม่เป็น "เมื่อสอบเสร็จก็หัดขับรถตามคำแนะนำและกำลังใจจากสามีจนสอบได้ใบอนุญาต ( ต้องขอบคุณรถเมล์คันนั้นมาก ) แต่แล้วความฝันของเธอก็เกือบพังทลาย เพราะหนึ่งปีผ่านไปเธอสอบได้เพียง ๑๕ หน่วยกิต เธอหมดแรง เหนื่อยหน่าย ท้อแท้ สิ้นหวัง เธอคิดจะเลิกเรียน แต่พ่อแม่ พี่น้องและสามี
คอยปลอบโยน ให้กำลังใจตลอดเวลา บวกกับลูกชายจะเข้าเรียนอนุบาลพอดี ทำให้เธอมีกำลังใจฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง
แสงดาวพร่างพรายเป็นประกายระยิบระยับบนท้องฟ้า กำลังจะเลือนหายไปด้วยแสงอรุณของวันใหม่ เสียงสตาร์ทรถมอเตอร์รับจ้างข้างห้องตะโกนให้เธอลุกขึ้นมาปฏิบัติภารกิจ แน่นอน ๔ นาฬิกา เธอลุกจากที่นอน มองหน้าลูกทั้งสองนอนหลับตาพริ้มอย่างไร้เดียงสา เธอเติมพลังจากแก้มซ้ายขวาของลูกทั้งสอง และลูกชายคนโต เธอใช้โคมไฟเล็กๆ อ่านหนังสือในมุมห้องเช่าแคบๆ ของเธอ พอได้เวลาเธอก็ตระเตรียมจัดแจงหุงหาข้าวปลาอาหาร อาบน้ำแต่งตัวให้ลูกไปโรงเรียน จนในที่สุดความขยัน หมั่นเพียร กล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก ผสมผสานกับความเข้มแข็งตั้งมั่นในจิตใจ ทำให้เธอสอบผ่านเกือบทุกวิชา เธอและครอบครัวพอใจมาก และเธอก็มีบ้านหลังเล็กสมใจปรารถนาในเวลาต่อมา
ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บนทางด่วนดาวคะนอง พ่อนาคก้มกราบเท้าหญิงชราคนหนึ่ง ในมือถือพวงมาลัย พร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ เป็นภาพที่ประทับใจเธอยิ่งนัก เธอกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ชี้ให้ลูกๆ ดูภาพนั้นพร้อมคำบรรยายภาพต่างๆ นานา และไม่ลืมที่จะบรรยายความปรารถนาที่จะเกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ เธออบรมบ่มนิสัยลูกน้อยของเธอโดยการเล่านิทานจากชีวิตจริง เธอบรรยายถึงความลำบากยากจนของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งริมฝั่งแม่น้ำชี เด็กน้อยผู้ไม่เคยมีรองเท้านักเรียน ไม่เคยมีชุดนักเรียนใหม่ และแทบจะไม่ได้เงินไปกินขนมที่โรงเรียน ต้องหาบกล้าดำนาทั้งก่อนไป และกลับจาก
โรงเรียน ลูกๆ น้ำตาไหลเพราะสงสารเด็กคนนั้น " ได้ผล " เธอพูดกับตัวเอง เธอไม่ลืมที่จะเล่าถึงปู่ย่าตายาย ที่คอยช่วยเลี้ยงดูและช่วยเหลือทุกสิ่งทุกอย่าง เธอเล่าจริงบ้างปลอมบ้าง แต่งเติมบ้างผสมกันไป ประกอบกับปู่ย่าตายายปฏิบัติเช่นนั้นจริงๆ และลูกๆ ก็เห็นเธอกระทำกับปู่ย่าตายาย เห็นแบบอย่างที่ดีโดยตลอด เพราะเธอคิดว่า
" ตัวอย่างที่ดีมีค่ายิ่งกว่าคำสอน " ทุกสิ่งที่เป็นเธอ ถูกถ่ายทอดสู่ลูกๆ การรู้จักคุณค่าของเงินทุกบาท น้ำทุกหยด ข้าวทุกเม็ด ความประหยัด มัธยัถส์ รักเคารพ และกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี สิ่งเหล่านี้ซึมซาบเข้าสู่จิตสำนึกของลูกๆ "กินง่าย อยู่ง่าย ไม่เรื่องมาก" จึงกลายเป็นข้อคิดเตือนใจของครอบครัวเธอ
" ในโลกนี้ยังมีคนที่จนยาก ต้องลำบากสารพัดแสนขัดสน
อย่ากินทิ้งกินขว้างตามใจตน สงสารคนอื่นที่ไม่มีกิน "
ลูก ๆ ยังท่องจำได้ขึ้นใจโรงเรียนสตรีแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ เขตมีนบุรี คือสถานที่ ที่เธอฝึกสอน ประธานนักศึกษาฝึกสอนคือตำแหน่งที่น้องๆ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และสถาบันอื่นๆ มอบให้เธอ เธอได้เรียนรู้ถึงชีวิตของการเป็น "ครู" และได้ประสบการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างมากมายจากที่นั่น ลูกๆเธอโตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ เธอทิ้งภาระทุกอย่างในตอนเช้าให้กับสามี เธอขับรถออกจากบ้านตั้งแต่ ๖ โมงเช้า ผ่านวัดกิ่งแก้วไปมีนบุรี เป็นเวลา ๑ ภาคการศึกษา การอบรมสัมมนาที่เขาใหญ่ โคราช มีขึ้นหลังจากฝึกสอนเสร็จ เธอได้สิ่งใหม่ แนวคิดใหม่ๆ จากการอบรมสัมมนาเป็นอย่างมาก เธอได้เกรด G จากวิชาฝึกสอนอบรมสัมมนา และวิชาอื่นๆ อีกตั้งหลายวิชา เพราะความขยันมั่นเพียรของเธอ สามีเธอเย้าว่า " เธอได้คะแนนดอกแค " ( ต้นแคเตี้ย ๆ ที่ออกดอกเร็วก่อนถึงเวลา )เสียงไผ่เสียดกอออดแอดด้วยแรงลมดังมาจากหลังบ้าน ลมพัดเย็นสบายท้องฟ้าสดใสปรอดโปร่ง เธอนั่งรอสามีอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านหลังน้อยของเธอ เธอนั่งรำลึกถึงอดีตกาลที่ผ่านมาด้วยความอิ่มเอิบใจ " เราเรียนจนมีสามี มีลูก มีบ้าน มีรถ มีครอบครัว ที่สุดแสนจะอบอุ่น เรามีอย่างที่ฝันไว้จริงๆ ด้วย " และแล้วก็มีสิ่งหนึ่งมากระทบกับต่อมความต้องการของเธอ เธออยากเห็นเด็กตัวเล็กๆ คลานไปมาอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ของเธอ เธอหวนคิดถึงห้องเช่าแคบๆ เธอยังเลี้ยงลูกเธอสองคนมาได้ด้วยดี และแล้วเธอก็ไม่
ผิดหวัง ก่อนจะถึงวันมามากเธอรับรู้ด้วยสัญชาติญาณของคนที่เป็นแม่ และผู้มีประสบการณ์ เกินกำหนดเพียงวันเดียวเธอซื้อแผ่นทดสอบด้วยตนเอง แน่นอนเธอสมหวัง
ชุดครุยแถบสีชมพูประดับเรือนร่างอันอวบอั๋นด้วยอายุครรภ์ ๕ เดือนเศษด้วย เธอรับพระราชทานปริญญาบัตรจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ด้วยความโสมนัสเกินจะบรรยาย ด้วยเวลา ๔ ปี ความเจ็บปวดครั้งที่ ๓ ไม่ได้ทำให้เธอท้อแม้ใจเลย หากแต่ทำให้เธอมีแต่รอยยิ้มแห่งความสุข ที่ได้เลี้ยงลูกด้วยน้ำจากอุ่นไอรักของเธอ เธอได้ใส่ชุดที่เธอคิดว่าสวยที่สุดแล้ว ช่างเป็นไปได้ เธอเป็นครูพิเศษที่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านสุวรรณภูมิ เธอได้ทำงานอย่างที่ฝัน เธอหาคำตอบให้กับตัวเองได้ทุกข้อ เธอทำงานอย่างมีความสุข อาศัยคุ้นเคยกับ ๓ ตัวแสบของเธอ มีลูกล่อลูกชน ผ่อนหนักผ่อนเบา สร้างจิตวิทยา และกลเม็ดเด็ดพลายที่หลายหลากในการสอน เธอเป็นได้ทั้ง นางฟ้าและนางมาร ( ถ้าจำเป็น ) ความตั้งใจจริงของเธอ ทำให้เธอยืนเด่นเป็นสง่าในวัน " เพชรพูลเจริญ " ด้วยระยะการทำงานเพียง ๗ เดือน ปลื้มมากไปกว่านั้น เธอไม่เคยรับรู้เลยว่า จะมีการให้นักเรียนคัดเลือก " คุณครูที่สอนประทับใจ " เธอติดอันดับ 1 ใน 3 ได้รับโล่เกียรติยศ ยิ่งทำให้มีพลังแรงใจเพิ่มมากขึ้น เธอสัญญากับตัวเองว่า เธอจะทำหน้าที่ของ " แม่พิมพ์ " ให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น แม่พิมพ์ของชาติ หรือแม่พิมของลูก ๆ เธอ เพราะเธอเชื่อว่า " ใครกตเวทีกับบุพการีไว้ฉันใด ลูก ๆ ก็จะกตเวทีกับตนเองฉันนั้น "
เธอก้าวผ่านอุปสรรคทุกสิ่งทุกอย่างมาได้นั้น เพราะกุศลผลบุญที่เธอได้จุนเจือ บุพการี และการที่เธอได้เดินตามรอยของพ่อ ความรู้จักประมาณตนจึงทำให้เธอมีวันนี้ได้ เธอคิดและเชื่อเช่นนั้นและเธอก็จะปฏิบัติเช่นนั้นต่อไป
เธอมีและมาแต่ตัว มาพร้อมกับความฝัน ความเต็มร้อย ความเข้มแข็งในจิตใจ ผสมผสานกับความรอบรู้ รอบครอบ และเดินตามรอยพ่ออย่างพ่อเพียง ค่าของคนอยู่ที่ผลของการกระทำ ไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับคนอ่อนแอ หรือมีก็แต่เบียดเสียดเยียดยัด หนทางแห่งความสำเร็จหาได้โรยด้วยกลีบกุหลาบไม่ สุดแต่ใครจะกล้าและพร้อมที่จะก้าวผ่านขวากหนามนั้นได้ หากแต่จะไม่ลืมตัวตนว่าเป็นใครมาจากไหน พ่อแม่คือใคร และ
เรามีหน้าที่ต้องทำอะไร เรารักลูกเรามากเพียงใด พ่อแม่ก็รักเรามากเพียงนั้น ยังไม่สายนะคะที่จะคิดใหม่ ทำใหม่ ไม่อายที่จะกล่าวคำขอโทษในสิ่งที่ผิดพลาด เพราะคนที่
ไม่เคยทำอะไรผิดคือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ลุกขึ้นมาเถอะค่ะ เดินสายกลางอย่างพ่อ พอเพียงอย่างพระองค์ท่าน โลกนี้ยังสดใสสวยงามอีกมากมายให้ค้นหา อย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ พรุ่งนี้ก็เช้าแล้วและเราต้องต่อสู้กับอุปสรรคต่อไป
ท้อได้แต่อย่าถอยนะคะ สู้ สู้
"จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำอยู่ที่ทำตัว"
พ่อนั้นนำสายกลางมาวางให้
เพื่อชาวไทยเพียงพอสิ่งพ่อหวัง
ตามรอยพ่อไม่งอมือคือพลัง
สิ่งที่หวังอยู่ไม่ไกลไขว่คว้ามา
อ่านแล้วทำให้เห็นภาพเลยค่ะ และก็คิดถึงบ้านมากเลย คนเขียนนี้เป็นตัวอย่างที่ดีสมกับชื่อจริง ๆ เลยนะค่ะ อยากให้นำเรื่องราวแบบนี้มาลงอีกค่ะ เพราะเป็นการส่งเสริมคุณธรรมที่ดี