“เพราะชีวิตดุจดังกระแสน้ำที่ไหลเชื่อมโยงถึงกันหมด การจะมีอนาคตที่ดีได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำปัจจุบันให้ดีด้วย เพราะผลของปัจจุบันจะกลายเป็นตราบาป หรือเป็นหนทางเกียรติยศของอนาคต ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ทุกวันเช่นไร...จงเลือกที่จะอยู่ในแบบที่ควรค่าแก่การได้มีชีวิตอยู่เถิด” ถ้อยความสั้นๆ หากลึกซึ้ง ของ อัจฉราวดี วงศ์สกล นักธุรกิจในแวดวงเครื่องประดับเพชรที่ให้ความสนใจการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังมาเป็นเวลากว่า 7 ปี ทั้งยังได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในจิตใจตัวเอง เมื่อมีพระธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ทั้งยังอยากแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ อันเกิดจากการศึกษา และปฏิบัติธรรมอย่างลึกซึ้งสู่สังคมวงกว้างโดยเฉพาะเยาวชน ************ | ||||
อัจฉราวดี เริ่มต้นเล่าว่า แม้การสอนธรรมะกับการทำธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับสินค้าที่ตอบสนองความอยากได้ อยากมี อยากเป็นเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งโลกที่สวนทางกันสิ้นเชิง กระนั้นเธอจึงอยากให้มองว่าการอยู่ในสังคม การทำงานก็เหมือนการสวมเครื่องแบบเป็นการทำหน้าที่อันสุจริต ในขณะที่ตัวเองมีความพร้อมทั้งทรัพย์สิน และความรู้ และเมื่อพร้อมแล้วยังไม่ทำความดีทิ้งไว้ให้แผ่นดินก็เรียกว่า “เสียชาติเกิด” ทุกวันนี้จึงต้องสวมเครื่องแบบหลายชุดทั้ง แม่, ภรรยา, นักธุรกิจ และครู ทว่าเครื่องแบบที่ปรารถนามากที่สุด คือ เครื่องแบบสีขาวของธรรมะซึ่งสักวันหนึ่งเมื่อทำหน้าที่ทุกอย่างได้เสร็จสมบูรณ์แล้วก็คงเลือกใส่แต่เครื่องแบบสีขาวเท่านั้น ครูอ้อยของเด็กๆ บอกหลักการสอนว่า “การสอนมีหลักง่ายๆ คือ ใช้หลักในการปฏิบัติธรรมไม่ได้สอนตามในหนังสือ ต้องสอนเข้าถึงหัวใจเด็ก เช่น เขียนหนังสือตัว บ.ใบไม้ บนกระดาน แล้วเขียนให้กลายเป็นคำว่า บุญ หรือ บัดซบ อารมณ์จะเปลี่ยนเลย ซึ่งการเริ่มต้นจาก บ. ใบไม้ตัวเดียวกัน แต่ความหมายของคำทั้งสองตรงกันข้ามกันเลย ใช้หลักการเหมือนสอนคนว่ายน้ำ อ่านตำราอย่างเดียวคงว่ายน้ำไม่เป็น แต่ต้องสอนให้เขากระโจนลงไปในน้ำ เขาจะได้รู้ว่าปรุงแต่งเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เราต้องรู้จักเป็นอย่างไร การเรียนธรรมะ 3 ชั่วโมงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นต้องแบ่งกิจกรรมให้เขาได้ทำ ได้มีส่วนร่วม ที่สำคัญที่สุดเขาจะได้รู้จักตัวเอง ในวันแรกที่เรียนจะทำความรู้จักกับเด็กทุกคนเพื่อดูพื้นฐานของเขาว่ามีชีวิตเป็นมาอย่างไร โดยการเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังก่อนว่าตัวเองเคยผิดพลาดมาอย่างไรในชีวิต เคยทำสิ่งที่ไม่ดีมาอย่างไรบ้าง ด้วยวิธีการเล่าที่มีวาทศิลป์หน่อย จากนั้นก็ให้เด็กๆทุกคนย้อนคิดว่า อำนาจมืดในจิตใจของตัวเองมีอะไรบ้าง เคยทำสิ่งที่ไม่ดีอะไรไว้บ้าง เรื่องที่คิดเมื่อไหร่ก็ลืมไม่ได้สักทีให้เขาเขียนลงไปในกระดาษ ซึ่งการเล่าความไม่ดีของตัวเองได้นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะว่าเราทำผิดโดยที่เราไม่เคยย้อนกลับไปคิดก็เท่ากับว่าตัวเราเองจมอยู่ในสภาพนั้น แต่ถ้าเราย้อนคิดแล้วสำนึกได้ และหาทางแก้ไขซึ่งเรื่องที่ดีที่สุด” | ||||
โดยในสัปดาห์แรก เป็นการสอนตั้งแต่ศึกษาศีล 5 อย่างลึกซึ้ง รวมถึงสอนให้รู้จักตัวเองด้วยหลักสัจธรรมของชีวิต นอกจากนี้ยังสอนวิธีควบคุมอารมณ์ ลดพฤติกรรมก้าวร้าว เน้นความกตัญญูต่อพ่อแม่ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์และผู้มีพระคุณ ปิดท้ายด้วยการฝึกนั่งสมาธิด้วยวิธีอานาปานสติ 30 นาที และปลูกต้นไม้ตอบแทนคุณแผ่นดิน ส่วนสัปดาห์ที่สอง เข้าสู่การสอนหลักชีวิตศาสตร์ซึ่งเป็นการวางเป้าหมาย และการสร้างจิตใจให้เข้มแข็งเพื่อการตอบสนองต่อกระแสยั่วยุทางสังคม พร้อมฝึกการมองชีวิตหลายแง่มุม และฝึกการตัดสินใจด้วยโจทย์แห่งชีวิต เพื่อช่วยแก้ปัญหาความก้าวร้าว การฆ่าตัวตาย จบด้วยการนั่งสมาธิ สุดท้ายสัปดาห์ที่สาม สอนเรื่องหลักกรรม การแก้ไขวิบากกรรม ไปจนถึงหลักการทำบุญให้ถูกวิธี รวมถึงการสร้างบุญบารมี ปิดด้วยการนั่งสมาธิ แผ่เมตตา และขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมทั้งหลาย นอกจากนี้ศิษย์เก่ายังสามารถกลับมาเรียนซ้ำตามตารางของศิษย์ใหม่ได้ หรือ สามารถเรียนต่อเนื่องซึ่งเปิดสอนประมาณเดือนละครั้ง ในหลักธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง และร่วมนั่งสมาธิเพื่อสร้างบุญบารมี “สิ่งที่คาดหวังจากนักเรียนคงเพียงแค่ให้เขามีหลักในการดำเนินชีวิต ให้เขาจะดำเนินชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างไร ให้เขารู้ว่าชีวิตนี้ถ้าเขาปล่อยให้ตัวเองลอยไปโดยไม่หลักแล้วโดนกระแสของการปรุงแต่ง และกระแสของโลกพัดพาไป ชีวิตของเขาก็อาจจะหลงทาง แล้วก็อาจจะหาทางกลับมาไม่เจอเลย สำหรับช่วงอายุของนักเรียนจะรับอายุไม่เกิน 20 ปี เพราะถือว่าตัวเองก็อายุเป็นแม่คนได้แล้ว เหมือนแม่สอนลูก อยากที่จะสอนวัยรุ่น สอนหลักการใช้ชีวิตจริงๆ พอเด็กมาเรียนจะบอกกันว่าคิดไม่ถึงว่าธรรมะเป็นแบบนี้เหรอ จริงๆ แล้วเด็กวัยรุ่นถ้าเราเข้าถึงก็สอนไม่อยาก เช่น การเปิดเพลงให้เขาเข้าถึงเรื่องการปรุงแต่ง เขาจะรู้ว่าครูเข้าใจเขา เข้าใจว่ายุคสมัยของเขาเป็นอย่างไร เราต้องไปนั่งในหัวใจเขา แล้วตีความออกมา” ครูธรรมะร่วมสมัยบอกความคาดหวัง | ||||
หากผู้ปกครองท่านใด อยากฉีดวัคซีนคุณธรรมให้กับลูกหลาน ติดต่อโรงเรียนแห่งชีวิตได้ที่ 02-634-7461-3, 02-391-2409 หรือเว็บไซด์ www.schooloflifethailand.org |
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2550 14:27 น.