Intellectual Capital: IC หรือที่แปลเป็นไทยว่า “ทุนทางปัญญา” นั้น เป็นเรื่องที่มีการตื่นตัวมากขึ้นเมื่อโลกมีการแข่งขัน มีการจัดระเบียบใหม่ จะเห็นได้ว่าในความต้องการเป็นผู้นำหรือมหาอำนาจของโลกนั้น การรุกรานโดยการใช้ความรุนแรง กำลัง และอาวุธน้อยลง ในขณะที่มีการใช้ความรู้และทุนทางปัญญาทั้งที่มีอยู่ดั้งเดิม และที่สร้างขึ้นใหม่มาเป็นยุทโธปกรณ์แทน สังเกตเห็นได้จากการที่โลกมีบทบาทที่เปลี่ยนไปจากการทำธุรกรรมต่างๆ จากเดิมที่ทำในประเทศก็มีการสร้างศักยภาพในต่างประเทศมากขึ้น ทำการตลาดแบบโลกาภิวัฒน์ ค้าขายแบบมีแฟรนไชส์ มีการเปิดกิจการและสำนักงานในประเทศต่างๆ ทั่วโลก สินค้าส่งออกเป็นเรื่องที่สามารถแสดงแสนยานุภาพและพลังได้รุนแรงพอๆ กันกับอาวุธที่ใช้ทำลายล้างเผ่าพันธุ์ได้ ทำการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมดั้งเดิม ที่สำคัญคือ ประเทศผู้นำเหล่านั้นนำพาอะไรมาสู่กระแสการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของตลาดโลก (World Market) เขาเหล่านั้นค้นพบอะไรที่เป็นจุดเด่นของตัวเอง และอะไรคือข้อด้อยของกลุ่มเป้าหมายที่จะโจมตี สหรัฐอเมริกามีจุดแข็งเรื่องเทคโนโลยีและอาวุธ ญี่ปุ่นมีรถยนต์ที่แซงเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง General Motor ไปแล้ว สิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรอะไรเลยมีแต่คนที่มีการศึกษาที่ดีและเป็นเครื่องพิสูจน์ ประเทศจีนมีตลาดที่น่าสนใจอย่างมากและมีแรงงานที่มีราคาถูก อินเดียค้นพบสัจจธรรมของการเป็นผู้มีตรรกในทางความคิดและความขยันที่ดีจึงทำซอฟต์แวร์ แต่เชื่อหรือไม่ว่าผู้ที่เป็นผู้ได้เงินมากกว่าคือ สหรัฐอเมริกา ไม่มีใครแซงอเมริกาได้เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศ แม้แต่ญี่ปุ่นและอินเดีย เพราะสหรัฐอเมริการู้ดีว่าตัวเองมีศักยภาพเรื่องอะไรและขาดอะไร
เราคงต้องตั้งคำถามเสียตั้งแต่วันนี้แล้วละว่า ทุนทางปัญญาของประเทศไทยที่จะแข่งกับเขาได้ในโลกคืออะไร และจะทำอย่างไรให้ทุนที่มองไม่เห็นเหล่านั้นมีส่วนในการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น มีความโดดเด่นมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามต้องเป็นสิ่งที่ไม่ผิดต่อกฎหมาย ศีลธรรม และจรรยาบรรณ
It' s nice seeing somebody talking about IC.
I am also working on IC, will share some idea soon.