มีข้อสังเกตในแง่มุมเล็กๆ ต่อบันทึกที่ได้อ่าน ได้พบเห็นใน gotoknow ความคิดเห็นที่ปรากฏในแต่ละบันทึก , ความสม่ำเสมอในการเขียนบันทึก จากการสังเกตหลายๆคน หลาย blog
การที่จะเกิดความสม่ำเสมอ บันทึกทีปรากฏ ขึ้นอยู่กับความเห็น และการตอบกลับจากคนอ่านบันทึกนั้นๆ และความสำเร็จของการสร้างเครือข่ายคนที่สนใจในเแต่ละประเด็น จนเกิดการติดตามอ่าน การมีส่วนร่วนเขียนความเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการเป็นคนคอเดียวกัน
คนที่เขียนได้บ่อย ก็เขียนได้เรื่อยๆ ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ไม่ค่อยเขียนบันทึก , เขียนได้น้อยครั้ง หรือนานๆเขียนทีหนึ่ง
บางกลุ่ม เมื่อได้รับการกระตุ้น เรียกร้อง จึงจะเขียนบันทึก
ความแตกต่างที่เกิดขึ้น จึงมีข้อสังเกตว่า เหมือนกันการสวมหน้ากาก สิ่งที่ปรากฏขึ้น เหมือนกับการต้องอิงกระแส อิง rating
มุมมองแบบนี้ ดูเหหมือนว่า เป็นการมองในแง่ลบไปสักหน่อย
สำหรับหลายคน มองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นใน gotoknow คือ ความจริงใจ ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง มองว่า นี่คือ การสวมหน้ากาก
หลายคนเขียนบันทึกออกมา ไม่ค่อยมีคนอ่าน หรือมีคนเขียนความคิดเห็นเลย พอมีใครสักคนเขียนความคิดเห็น จะเกิดความปิติยินดีอย่างยิ่ง
แต่เมื่อเขียนบันทึกต่อๆไป ก็มีทั้งความเห็นมากบ้าง น้อยบ้าง หรือไม่มีเลย
เมื่อเปิดดูหลายบันทึกที่มีความเห็นหลากหลาย ย่อมเกิดการเปรียบเทียบความแตกต่างที่เกิดขึ้น
ในแง่มุมเรื่อง หน้ากากใน gotoknow นี้ สามารถที่จะมองได้หลายแง่มุม
1 การเขียนบันทึกของหลายคน เขียนได้น่าอ่าน น่าติดตาม และมีประเด็นที่เอื้อให้คนอ่านแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ทันที ในขณะที่อีกหลายบันทึก เป็นการบอกเล่าสู่กันฟัง คนอ่านไม่รู้จะเขียนความคิดเห็นได้อย่างไร
2. บันทึกที่มีมากมายในแต่ละวัน ทำให้คนอ่านเลือกบันทึกที่สนใจภายในเวลาทื่มีจำกัด เพราะหลายคนไม่สามารถที่จะอ่านได้ทุกบันทึกที่ปรากฏใน gotoknow
3.พฤติกรรมของหลายคนล้วนแตกต่าง หลายคนชอบอ่านอย่างเดียว สงวนความคิดเห็น ส่วนอีกหลายคน มักชอบที่จะเขียนความคิดเห็นทุกบันทึกของคนที่รู้จักคุ้นเคยอยู่เป็นประจำ เสมือนแฟนพันธุ์แท้ที่ติดตามอ่านอย่างต่อเนื่อง
4.หลาย blog มีเป้าหมายที่แตกต่างกันในการเขียนบันทึก ทั้งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น , เล่าสู่กันฟัง, เขียนเป็นวิทยาทานความรู้, ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่การรับรู้ของคนอื่นๆ
5.ในสังคมจริงๆ หลายสถานการณ์ หลายคนมักจะสวมหน้ากากเข้าหากัน จนมองทุกสิ่งทุกอย่างที่พบว่า เป็นการสวมหน้ากากไปทุกเรื่อง ทุกอย่าง ทั้งๆที่หลายกรณี บุคคลที่เกี่ยวข้องถอดหน้ากากออกแล้ว แต่คนที่สังเกตยังคงมองว่า คนอื่นยังใส่หน้ากากนั้นอยู่
คงเหมือนกับสังคมจริงๆ ที่เราสัมผัสได้ผัสสะทั้งหกแหละครับ ต้องใช้เวลาพิสูจน์ครับ
ข้อดีเด่นๆ ก็ได้คิดทบทวนก่อนเขียน (ซึ่งไม่เหมือนกับการพูด)
แต่ข้อเสียคือคนที่คิดแล้วแต่เขียนไม่ดีไม่ควร เราเอาตัวมาเขกกะบาลไม่ได้ครับ อิอิ
สวัสดีครับ
การเขียนบันทึกใน G2K
ถึงแม้บางครั้งจะเหมือนหน้ากากอยู่บ้าง
แต่เป็นการฝึกคนให้เขียนสิ่งที่ดี
ฝึกคนให้มองในแง่ดี คิดดี
ก็เป็นการดีแล้วค่ะ
ถ้าเรารู้จักใช้กับประโยชน์ที่เราทำอยู่ค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ บ่าววีร์
เฉพาะกลุ่มที่หยิบยกมา เช่นการสร้าง planet ที่ทำให้ผู้ใช้สะดวกในการติดตานอ่านบันทึกที่หลากหลาย แต่มุมมองในแง่ลบก็มองได้อีกว่า เป็นการแบ่งแยก แบ่งกลุ่ม แบ่งฝักแบ่งฝ่าย
เรื่องการเปิดเผยและปกปิด ต่างคนต่างจุดประสงค์กันครับ ในมุมมองของคนที่คิดแง่ลบ ก็มีประเด็นทักท้วงได้ตลอด ปกปิดก็่บอกว่า สวมหน้ากาก เมื่อเปิดเผยก็บอกว่า สวมหน้ากากสร้างภาพให้ดูดี หากคิดลบอย่างไรก็ว่าได้ทุกประเด็นนะครับ
ถ้าไม่เขียนตามกระแส ก็ไม่มีคนอ่านแน่นอนครับ แต่เป็นกระแสความสนใจของใครล่ะครับ บันทึกบางเรื่องอาจจะมีคนสนใจอ่านน้อยมาก เช่น การวิจัยในหัวข้อที่ไม่เคยมีคนรู้เรื่องมาก่อน เช่นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ถ้าเป็นเรื่องสังคม ดารา ละครที่กำลังฉายทางทีวี ไม่ว่าบ่าววีร์ไปเขียนที่ไหน ย่อมมีคนอ่านแน่นอนครับ เพราะเค้าจะ serach มาเจอเอง ลองบ่าววีร์เขียนบันทึกเกี่ยวกับละครช่อง 3 ช่อง 7 ดูสิครับ คนจะเข้ามาอ่านเยอะทีเดียว ไม่ว่าจะเขียนที่ไหนก็ตาม
gotoknow ก็พอดูได้นะครับ ลองติดตัวนับสถิติอย่าง sitemeter หรือ google analytics ที่เก็บข้อมูลผู้ใช้อย่างละเอียด แบ่งแยกเป็นช่วงเวลา และ ฯลฯ แล้วจะพบกับความมหัศจรรย์ของผู้เข้าชมมากมายหลายอย่างครับ
สวัสดีครับ คุณอุบล จ๋วงพานิช
สังคมใน gotoknow ทำให้คนได้คิด เขียน เรียนรู้ สิ่งที่ดีๆมากมาย ปรับเปลี่ยนทัศนคติได้เยอะแยะ
แต่สังคมไทยยังมีความแตกต่างทางความคิดมากมาย ที่นี่เป็นเวทีให้ได้ฝึก ปรับเปลี่ยนมุมมอง อย่างที่คุณอุบลว่ามานั่นแหละครับ
แต่ในทัศนะของบางคน ยังไม่ได้คิดเช่นนั้นมีความเชื่ออย่างที่เขาเชื่อ และไม่มีใครสะกิดเขาว่า สิ่งที่เขาคิดนั้น คนอื่นไม่ได้คิดเหมือนเขา เพราะเขาคิดแง่บวก แต่เค้ากับคิดแง่ลบนั่นเองครับ
เมื่อเห็นคนถอดหน้ากากแล้วเขายังสวมหน้ากากอยู่
วันหนึ่งเขาคงอยากจะถอดหน้ากากเพื่อร่วมกับคนอื่นๆบ้าง
สวัสดีครับคุณพิชชา
เห้นด้วยครับ ที่ว่าเมื่อสร้างสายสัมพันธต่อเนื่องแล้ว หน้ากากจะถูกถอดออกเอง แต่บางครั้ง บางคนอาจจะยึดติดกับความคิดความเชื่อส่วนตัว และประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านมา ซึ่งใช่ว่าจะเหมือนกันในทุกส่วนของสังคมที่มีทั้งดีและไม่ดีคละกันไปนะครับ...
แต่บางคนกลับมองเหมารวมในแง่ลบไปหมด
แต่เมื่อปรับความคิด เปิดโอกาสให้ตัวเอง หน้ากากก็จะถูกถอดออกอย่างที่คณพิชชาว่าครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับคุณแก่นจัง :))
ขอบุคณครับที่ให้แง่มุมความเห็นในแบบที่นายบอนต้องการ หากมองให้ลึก นายบอนต้องการให้ประเด็นนี้ ที่หยิบยกมาจากคำพูดและความคิดแง่ลบของใครคนหนึ่ง เอามาถ่ายทอด และนำความเห็นแง่บวกมากระตุกต่อมคิดของเขา ก็เท่านั้นเองครับ บันทึกนี้จึงอาจจะทำให้ผู้ที่คิดแง่บวกขัดเคือง ไม่พอใจอยู่บ้าง
ทึ่งมั้ยล่ะครับ แง่มุมใหม่ๆที่คุณคาดไม่ถึง แง่มุมที่ต้องการปรับทัศนคติของคนคิดในแง่ลบ ด้วยความคิดแง่บวกจากหลายๆท่าน
บางทีความเห็นที่แตกต่าง ก็มีประโยชน์เช่นกันนะครับ ตรงที่ได้แลกเปลี่ยนและได้ปรับทัศนคติให้ถูกต้อง
ยกตัวอย่าง ความเห็นที่แตกต่างทางการเมือง จากการรับรู้ข้อมูลคนละด้าน ไม่เหมือนกัน ไม่ทำความเข้าใจกันทำให้แบ่งฝักฝ่าย แตกแยกกันมากขึ้น คนที่คิดอย่างไร ก็ยังคิดอย่างนั้น ถ้าคิดถูกก็ดีไปแต่ถ้าคิดไม่ถูก ยิ่งคิดยิ่งผิดไปเรื่อยๆ
แล้วมีใครในสังคมที่จะกระตุกต่อมคิดบ้างไหมว่า ให้ข้อมูลใหม่ๆให้เขาได้ฉุกคิดบ้างไหมว่า อะไรน่าจะถูกต้องกว่ากัน การมีข้อมูลให้เปรียบเทียบ ทำให้คนมีโอกาสเลือกมาก ระหว่างสองสิ่ง ไม่ใช่ สิ่งหนึ่งกับความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย ไม่ดีแน่นอนครับ
อยากให้นายบอนเขียนเรื่องที่มีแต่ความชื่นชมยินดี ที่น่าประทับใจ ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดี ส่วนเรื่อง ไม่ดีน่ะ ตอนนี้มีเต็มประเทศน่ะค่ะ อยากอ่านๆผ่านๆเลยไปบ้าง ปวดหัวค่ะ เขียนเรื่องที่สามารถต่อยอดพัฒนาความคิด อะไรทำนองเนี่ย น่ะค่ะ
คุณแก่นจังหากลองมองอีกมุม คุณคิดว่า จะต่อยอดและพัฒนาความคิดของคนที่คิดแง่ลบ ได้ไหมครับ กับความคิดที่ไม่มีใครเคยกระตุกมาก่อน และยังคงคิดเห็นเช่นนั้นมาตลอด
สวมหัวโขน กับ ใส่หน้ากาก ต่างกันไม๊ค่ะ?
ส่วนตัวคิดว่า ต่างค่ะ
เขียนบันทึกและลปรร.แบบสวมหัวโขน แต่ ไม่ใส่หน้ากากน่าจะดีกว่าไม๊ค่ะ?
เขียนแสดงความคิดที่หลากหลายได้น่าจะดี ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เป็นไปตามกระแส เพียงแต่ต้องเขียนในสิ่งที่ตนได้ตรึกตรองมาแล้ว แล้วก็ใช้ภาษาให้สุภาพ มีศิลปะในการวิพากษ์ และ สื่อความคิดของตนเองน่าจะโอเคนะคะ
เหมือนๆกันไปหมดก็ไม่ดีหรอกเนอะคะ
(ปล. log in ไม่ได้เลยไม่ได้ log ค่ะ)
sitemeter หรือ google analytics เก็บ username ของ Gotoknow ได้หรือครับ? หรือว่าต้องมีท่าเพิ่ม?
มัทนา: ผมก็ใช้ Camino login ได้ครับ. เปลี่ยน web browser ตอนนี้ใช้ Minefield โพส. lol
ไม่คิดว่าจะพบตัวตนของใครได้จากหน้าประวัติสมาชิกใน gotoknow ต่อให้ได้พบปะพูดคุยกัน เรื่องประวัติเป็นเพียงพืนที่ที่สมาชิกเขียนสิ่งที่อยากเขียนเกี่ยวกับตัวเองเท่านั้น ปรุงแต่งได้ ไม่งั้นพวกที่ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง รวมทั้งนักการเมือง คงเป็นพวกรักชาติกันหมด ใครจริงใครเฟค ประวัติหรือบันทึกไม่กี่ฉบับ บอกอะไรไม่ได้หรอก
หน้ากากเสือเห็นด้วยกับคุณธรรมาวุธในความเห็นข้างบน 329658 ว่าการกระทำบวกกับความสม่ำเสมอช่วยให้อ่านคนได้ชัดกว่า การสัมผัสตัวตนของใคร ใช้ผัสสะทั้งหกอ่านบันทึกและความคิดเห็น ดีกว่าการอ่านประวัติ ชื่อเสียง ผลงาน การศึกษา หน้าที่การงาน แล้วเชื่อไปตามนั้นทั้งดุ้น หากเป็นอย่างนั้น หน้ากากเสือจะผิดหวังมากที่สังคม gotoknow ฉาบฉวยผิวเผินไม่ใช้ปัญญาพิจารณา
gotoknow ให้อิสระที่จะแตกต่างออกไป ชุมชนต้องมีความหลากหลาย ถ้าวันใดที่เริ่มบังคับให้เหมือนกันหมดทุกคน gotoknow ก็ไม่ใช่ชุมชนของคนมีปัญญาแล้ว
มีสมาชิกหลายคนที่ใช้นามปากกา เขียนเรื่องดีก็มีแยะ สุดขั้วก็มาก ผู้ใช้ gotoknow ใช้ปัญญาแยกแยะเพียงใด คุณจะเชื่อเพียงข้อมูลที่ปรากฏโดยที่แหล่งข้อมูลเองเป็นคนบอกว่าข้อมูลนั้นน่าเชื่อถือหรือ คุณจะบอกว่าผู้ที่ใช้นามปากกาไม่จริงใจหรือ แบบนี้ง่ายไปหน่อยนะ
เรื่องสถิติ ไม่รู้อะไรกันนักหนา ข้อมูลใน sitemeter ซึ่งรวมการอ่านจากเสริชเอ็นจิน ไม่เห็นมีความหมายอะไรเลย ภูมิใจกันนักหรือกับความรู้สึกว่ามีคนอ่านเยอะแต่หุ่นยนต์ที่มาอ่านไม่ได้อะไรกลับไปเลย เขียนบันทึกขยะ 1 บรรทัดกับเล่าเรื่องประสพการณ์ชีวิตมีค่าเท่ากันในเรื่องของตัวเลข
สวัสดีครับ คุณหน้ากากเสือ
ตอบความเห็นในย่อหน้าแรกของคุณ
"ในโลกของ internet นั้น อยู่ที่แต่ละคนครับ ที่จะออกมาสัมผัสกับความจริง หรือภาพลวง เป็นสิทธิของแต่ละบุคคลที่จะเปิดเผยหรือปกปิดข้อมูลนะครับ แต่ในส่วนที่ยอมเปิดเผย เราสามารถที่จะสัมผัสถึงความจริงของข้อมูลนั้นได้ครับ เช่นเดียวกับคุณหน้ากากเสือ หากเปิดเผย ให้ข้อมูลที่นายบอนสามารถไปพบตัวจริงของคุณได้ นายบอนจะขอคารวะสักจอก พร้อมเลี้ยงข้าวสักมื้อ เพราะนายบอนชอบในมุมมองที่คุณสะท้อนผ่านความคิดเห็นของุคณออกมาครับ
ส่วนใครจะปรุงแต่งหรือไม่อย่างไร เป็นสิทธิของเขานะครับ เมื่อเขาปกปิด เขาย่อมไม่ได้สัมผัสกับสิ่งที่คนอื่นๆเปิดเผย อย่างใน gotoknow ที่มีการพบปะ เช่น งาน "การสัมมนาการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาเครือข่ายเรียนรู้ระดับประเทศ" เชียงใหม่ ที่หลายคนมีโอกาสมาพบปะกัน ร่วมกิจกรรมกันมากมาย ในส่วนนี้คุณจะได้พบตัวตนของคนที่ยอมเปิดเผยแน่นอนครับ"
ตอบความเห็นในย่อหน้าที่สองของคุณ
"การสัมผัสตัวตนของใครๆ ต้องใช้ข้อมูลประกอบหลายด้านครับ แม้แต่คนที่รู้จักกันมาหลายปี วันดีคืนดี ยังหักหลังกันได้ ที่นายบอนบอกว่า การอ่านประวัตินั้น เป็นช่องทางแรกครับ อย่างเมื่อนายบอนสนใจใครสักคน อ่านประวัติแล้ว ก็จะไปถามข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลท่านนั้น เป็นอย่างไร มีอะไรน่าสนใจอีกไหม เพราะหลายท่านเขียนประวัติสั้นๆไม่กี่บรรทัด เช่น เขียนว่า ทำงานที่สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง นายบอนก็สอบถามจากคนที่รู้จักในสถานที่แห่งนั้น ก็จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้นครับ"
ตอบความเห็นในย่อหน้าที่สามของคุณ
"คงยากที่จะไปบังคับใครใน gotoknow หรือที่อื่นๆแล้วล่ะครับ เพราะมีความหลากหลายมากจริงๆ"
ตอบความเห็นในย่อหน้าที่สี่ของคุณ
"บันทึกมากมาย ผู้อ่านย่อมเลือกที่จะอ่านในสิ่งที่ต้องการอยู่แล้วครับ มีหลายบันทึกที่ไม่มีความคิดเห็นนั้น ก็ใช่ว่า ทุกคนที่เข้ามาอ่านจะเห็นด้วยหรือเชื่อไปทั้งหมดนะครับ แต่เขาอาจจะไม่มีเวลา หรือไม่รู้จะเขียนความเห็นอะไรลงไป การยกตัวอย่างที่ว่า ผู้ใช้นามปากกาไม่จริงใจ กับการเขียนข้อความนั้น นายบอนว่า คุณตีความอย่างสุดขั้วไปนิดหนึ่ง เพราะความเห็นที่หยิบยกมาบันทึกไว้ เป็นมุมมองของคนอ่านที่ยังไม่เข้าใจ และแสดงความสงสัยว่า นั่นน่ะ เปรียบเหมือนกับการสวมหน้ากากหรือเปล่า หรือเหมือนกับการจัดตั้งหรือเปล่า ซึ่งเขายังไม่เข้าใจ เหมือนความเห็นที่คณพิชชา เขียนไว้ว่า
ตอบความเห็นในย่อหน้าสุดท้ายของคุณ
"ข้อมูลในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ดูเข้าใจยากเหมือนกันนะครับ แต่หลายคนใช้ข้อมูลจากตรงนี้ ประเมินดูว่า ผู้อ่าน เข้ามาอ่านเรื่องไหนมากน้อยตามลำดับ ซึ่งจะมีข้อมูลคำสืบค้น อย่างเช่นใน blog นี้ มีคนสืบค้นคำว่า การเรียนรู้ การจัดการ ความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดความคิด วัฒนธรรม f2f ทำให้เรานำมาประเมินตนเองว่า เรื่องประเภทไหนที่มีผู้อ่านสนใจค้นหา ซึ่งเป็นบันทึกเก่าๆที่มีประโยชน์ และอยากจะเขียนอีก แต่ไม่ค่อยมีข้อมูลใหม่ๆครับ คุณค่าของตัวนับสถิติ นอกจากตัวเลขที่หลายคนไม่เห็นคุณค่าแล้ว มันคือ เสียงสะท้อน หรือผลตอบรับ สิ่งที่ผู้อ่านต้องการรู้ สิ่งที่จะสร้างความรู้ เสริมสร้างปัญญาให้คนไทยอีกหลายคนครับ" สิ่งที่คุณว่ามาในย่อหน้าสุดท้ายนั้น เป็นความเห็นในแบบที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ blog นี้ นำเสนอ"
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณสายลม
หากมีประเด็นด้านลบแล้ว คุณสามารถมองกลับมาในแง่บวกได้ ถือว่า คุณเป็นตัวของตัวเองครับ