คนเดินทาง
คนเดินทาง ธีรวิทย์ ภูริวัฒนพงศ์

เมื่อแม่ป่วย


เวลาที่เหลืออยู่.......สำรวจตัวเอง

ในระหลังมานี้แม่ป่วยบ่อยมากขึ้นเข้าออกโรงพยาบาลถี่ขึ้น จากปกติที่ต้องมาหาหมอ ตามที่นัดไว้อยู่แล้วเนื่องจากเป็นโรคหัวใจ และผ่านการผ่าตัดมาเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้เมื่ออายุมากขึ้นก็มีโรคอื่นๆตามมาอีกหลายโรค เช่นกระดูก โรคทางตา และล่าสุดโรคไต ทำให้ต้องอยู่โรงพยาบาลนานเลยเพราะเกร็ดเลือดต่ำและไตวายต้องทำการฟอกไต ตอนแรกก็ใช้เส้นเลือดที่ขา ต่อมาใช้เส้นเลือดที่คอ จากการป่วยครั้งนี้ ตัวเองสงสารแม่มาก จากการที่เห็นแม่ได้ต่อสู้กับโรคต่างๆที่ผ่านมา และต้องเข้าออกโรงพยาบาลครั้งนี้นับว่ารุนแรงกว่าทุกครั้งและแม่เองก็เริ่มไม่ยอมรับการรักษาของหมอทำให้ในการรักษาแต่ละครั้งก็นับว่าลำบากพอสมควร แต่ทั้งหมอและพยาบาลก็เข้าใจมีความอดทนดีเยี่ยมทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ผ่านมาด้วยดี ตอนนี้แม่มีอาการติดเชื้อแผลที่คอที่ทำสำหรับฟอกไต ต้องให้ยาฆ่าเชื้อแต่อาการก็ดีขึ้น แม่มีอารมณ์แจ่มใสขึ้น พูดมากขึ้นและหัวเราะเป็นระยะๆ คุยโทรศัพท์ได้นานขึ้นและเริ่มยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้มากขึ้น แม่บอกว่าเมื่อก่อนไม่สบายกินยา ไม่กี่วันก็หาย แต่ตอนนี้ใช้เวลาในการรักษานานทั้งที่เป็นเพียงเล็กน้อย ............

ปกติแล้วแม่เป็นคนที่พูดน้อย ไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาก็ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ(คงเหมือนแม่โดยทั่วไป)ผมเองก็อยู่ใกล้บ้านน้อยเพราะว่ามาเรียนในกรุงเทพ จึงไม่ค่อยได้อยู่ใกล้แม่นักและด้วยความที่เราเป็นผู้ชายและครอบครัวพี่น้องส่วนมากก็เป็นผู้ชายการแสดงความรักต่อกันในลักษณะการกอดมักเป็นเรื่องไม่ปกตินักผมยังจำไม่ได้เลยกอดแม่ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ จนกระทั่งแม่มาป่วยมากในครั้งนี้ ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลจะหาโอกาสกอดแม่และหอมที่แก้มทุกครั้ง ตัวเองจะมีความรู้สึกที่ดีมากอบอุ่นมีพลังการแสดงความรักต่อกันเป็นสิ่งที่ดีและมีความสวยงามอย่างยิ่ง จนถึงวันนี้ตัวเองมีลูกแล้วเกือบทุกวันก็จะบอกลูกว่ามานี่หน่อยมาให้คุณพ่อกอดหน่อย บางครั้งก็จะบอกลูกว่ากอดแน่นๆหน่อยทุกครั้งก็จะได้ความรู้สึกที่ดี มีความสุข ถึงแม้ว่าลูกจะเป็นผู้ชายการแสดงต่อกันของเราก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง ซึ่งแตกต่างเป็นอย่างมากกับตัวเองกับแม่ จึงเห็นว่าเรื่องเหล่านี้ต้องฝึกทำจนเป็นธรรมชาติ และผมเชื่อว่าพลังของความรักเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ ที่จะทำให้ชีวิตของเราแต่ละคนก้าวผ่านอุปสรรค   

การใช้ชีวิตในปัจจุบัน เป็นชีวิตที่เร่งรีบ ฉาบฉวย บางครั้งเรามุ่งเน้นแต่ความสำเร็จของงานจนขาดการให้ความสำคัญกับกระบวนการต่างๆ ขาดการให้ความสำคัญกับจิตใจของคน เช่นหมอมุ่งเน้นแต่การรักษาโรคเพื่อให้หายแต่ขาดความใส่ใจและการดูแลด้านจิตใจของคนไข้ หรือนักธุรกิจมุ่งเน้นแต่ผลกำไรขาดความใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม ชุมชนตลอดจนความสุขของคนงานในองค์รวมคิดแต่ว่าจ่ายผลตอบแทนเป็นเงินไปเรียบร้อยแล้วทำให้เราเวียนวนในวงจรเดิมๆ หากว่าทุกคนเรียนรู้และ ให้ความสำคัญกับกระบวนการต่างๆ ที่เป็นอยู่มากกว่าการมุ่งแต่ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว  ชีวิตทุกคนก็สามารถ เข้าหาความสุขของชีวิตได้ง่ายขึ้นอีกมากเลย

หมายเลขบันทึก: 113827เขียนเมื่อ 23 กรกฎาคม 2007 16:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอให้คุณแม่สุขภาพดีขึ้นไวไวนะคะ

หนิงก็เชื่อค่ะ เชื่อว่าพลังของความรักเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ ที่จะทำให้ชีวิตของเราแต่ละคนก้าวผ่านอุปสรรค   

ขอบคุณค่ะ

บันทึกนี้ได้เตือนใจ ผมคิดถึงแม่จังครับ หลังจากอ่านบันทึกนี้

เมื่อท่านยังไม่ป่วยก็ควรจะได้กอดนะครับ ผมเองก็ไม่เคยกอดท่านสักที  ก็เขินๆ แต่รักแม่จนล้นปรี่

ผมเห็นด้วยว่าให้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่ เป็นกำลังใจต่อชีวิตให้ทุกคน

************

ขอให้คุณแม่คุณหายจากอาการป่วยไข้ และสุขภาพแข็งแรงนะครับ

ขอบคุณครับคุณหนิง ครับใช่ ..ความรักยิ่งใหญ่เสมอ

 

ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณ จตุพร

ปาย แม่ฮ่องสอน สวยงามเสมอ พาครอบครัวไปเที่ยวมาแล้วประทับใจมากครับ ขับรถไปท้าทายมาก และสนุกมากด้วย

ใช่แล้วครับกอดท่านเถอะ....กอดให้แน่นๆ...นานๆ.....

"  แม่บอกว่าเมื่อก่อนไม่สบายกินยา ไม่กี่วันก็หาย แต่ตอนนี้ใช้เวลาในการรักษานานทั้งที่เป็นเพียงเล็กน้อย ............"

     สงสารคุณแม่จัง...หน่อยก็คิดว่า ต้องหายเหมือนคุณแม่คิดนี่แหละ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท