ลุงชาติ บำรุงผลประสบผลสำเร็จการเลี้ยงกบนาในบ่อดินที่สักงาม


ชาติ บำรุงผล เป็นผู้ที่มีองค์ความรู้ในการเลี้ยงกบในบ่อดินมาก

เลี้ยงกบนาในบ่อดิน

 

                      คุณชาติ บำรุงผล   หนึ่งในทีมคุณกิจตัวจริง ในการดำเนินการศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน   ของศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลสักงาม   อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร    สถานที่ดำเนินการ หมู่ 1 บ้านสักงาม    ความจริงแล้ว คุณชาติ บำรุงผล มีการทำกิจกรรมที่เกื้อหนุนกัน ในฟาร์มมีหลายกิจกรรม ได้แก่ เลี้ยงปลา  เลี้ยงกบ  เลี้ยงสุกร  ไก่พื้นบ้าน   การปลูกไม้ผล และพืชผักสวนครัวเป็นต้น

คุณชาติ บำรุงผล หนึ่งในทีมคุณกิจตัวจริงของศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง

 

                    ปัจจุบันนี้ มีเกษตรกรและกลุ่มอาชีพทางการเกษตร ทั้งในภาครัฐและเอกชน ผู้สนใจ ได้มาศึกษาดูงาน อย่างต่อเนื่อง มี กิจกรรมหลักที่คนให้ความสนใจมากกิจกรรมหนึ่ง คือการเลี้ยงกบนาในบ่อดิน และทำรายได้ให้แก่คุณชาติและครอบครัว ในปีหนึ่งฯไม่น้อยกว่า 200,000 บาท

คุณชาติ บำรุงผล นำนักส่งเสริมการเกษตรเยี่ยมชมฟฟาร์มกบ

                 จากการเล่าของคุณชาติ ทำให้ผมเห็นว่า เกษตรกรเจ้าของฟาร์มที่ชื่อ ชาติ บำรุงผล เป็นผู้ที่มีองค์ความรู้ในการเลี้ยงกบในบ่อดินมาก  มีประสบการณ์ในการเลี้ยงกบมายาวนานหลายปี ลองผิดลองถูก ด้วยตนเองมาหลายเรื่อง รวมทั้งได้ศึกษาพฤติกรรมของกบ  สภาพแวดล้อมที่กบอยู่ได้ในธรรมชาติ รวมทั้งการดูแลรักษากบ รวมทั้งการเพาะพันธุ์ลูกกบ ได้อีกด้วย

เยี่ยมชมสภาพแวดล้อมในบ่อที่เหมือนธรรมชาติมาก

 

                    คุณชาติ ได้เล่าให้ฟังว่า การเลี้ยงกบในบ่อดิน เริ่มแรกต้องทำการเลือกสถานที่ทำบ่อเลี้ยงกบ (1)ควรใกล้บ้าน ดูแลรักษาสะดวก (2)ต้องเป็นพื้นที่น้ำไม่ท่วม (3)ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อสะดวกต่อการถ่ายเทน้ำ (4)ห่างจากผู้คนหรือถนน เพื่อป้องกันเสียงรบกวน จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของกบ

สถานที่ตั้งบ่อนำไม่ท่วม คันถนนรอบบ่อหนาแน่น

  

                      ขนาดของบ่อที่เลี้ยง   บ่อดินควรจะมีขนาดของพื้นที่ ประมาณ 50-100 ตารางเมตร หรือแล้วแต่ความเหมาะสมของพื้นที่ ความลึกประมาณ 1 เมตร ขอบบ่อควรมีลักษณะลาดชันไม่ถึงก้นบ่อ ส่วนขอบบ่อด้านบนควรล้อมด้วยตาข่ายไนล่อน รอบขอบบ่อมีความสูง ประมาณ 1 เมตรเพื่อป้องกันกบออก ในบ่อควรปลูกพืชน้ำเช่นผักตบชวาฯลฯ เพื่อให้กบหลบช่อนภัย และอาศัยความร่มเย็น ส่วนด้านบนบ่อควรทำตาข่ายกั้นเพื่อป้องกันนกต่างฯมากินกบ

วางตาข่ายบนบ่อกบป้องกันนกมากินกบ

ปรับสภาพแวดล้อมในบ่อกบเหมือนธรรมชาติมากที่สุด

  

                      การปล่อยลูกอ๊อดลงบ่อดิน  การจะปล่อยลูกอ๊อดลงบ่อดิน ควรโรยปูนขาวทั่วพื้นที่บ่อ ทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ แลวปล่อยน้ำลงไปในบ่อสูงประมาณ 30-50 ซม. นำลูกอ๊อดอายุประมาณ 7-10 วัน ปล่อยลงไป ขนาดบ่อ 50 ตารางเมตร ปล่อยลูกอ๊อดประมาณ 60,000 ตัว  การเลี้ยงตั้งแต่ลูกอ๊อด ต้องทำการศึกษาการเจริญเติบโต และการพัฒนาของลูกอ๊อดด้วย ตั้งแต่ลงบ่อจนถึงเป็นขาทั้ง4 ขาซึ่งเราเรียกว่า ลูกกบ จะใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์  อัตราการรอด ประมาณ 50-60 % ในระยะที่เป็นวัยลูกกบหากให้อาหารไม่อิ่มกบจะกินกันเอง จึงทำให้อัตราการรอดไม่สูงนัก แต่ถ้าเลี้ยงแล้วมีอัตราการรอดขนาด 50 -60 %  ถือว่าดีมาก

  

                  อาหารและการให้อาหารกบในบ่อดิน      (1)การให้อาหารลูกอ๊อด ในระยะแรกฯให้อาหารเม็ด วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น อัตราการให้ขึ้นอยู่กับ การกินอาหารของลูกอ๊อด ถ้าหากหว่านลงไปในบ่อให้ทั่วบ่อแล้ว ประมาณ 3-5 นาทีสังเกตดูว่าถ้าอาหารหมดไวแสดงว่าปริมาณอาหารที่ให้ไม่พอกิน ควรจะให้เพิ่มไปอีก  (2) การให้อาหารเมื่อเริ่มมี 4 ขาควรปรับเปลี่ยนอาหารให้มีขนาดใหญ่ขึ้น อาหารที่เลี้ยงจะเป็นอาหารปลาดุกเพราะกบกินอาหารประเภทเนื้อ ให้วันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น พยายามอย่าให้อาหารเหลือในบ่อมาก  จะทำให้น้ำในบ่อเสียได้  เปลี่ยนอาหารขึ้นอยู่กับอายุของกบ และการแจริญเติบโต จะจับขายได้ เมื่ออายุ 3 เดือน ถึง 3 เดือนครึ่ง

  

                 โรคและการป้องกันรักษา         ปัญหาโรคของกบที่เกิดขึ้น เป็นประจำนั้น  จะเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของการเลี้ยงและการจัดการ ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็นการหมักหมมของเสียต่างฯ เกิดขึ้นในบ่อ จึงทำให้เกิดโรค ที่พบคือ (1) โรคท้องบวม   กบจะมีอาการท้องบวม       สาเหตุเกิดจากการปล่อยลูกอ๊อดหนาแน่นเกินไป  มีการให้อาหารปริมาณมาก ทำให้คุณภาพน้ำในบ่อเสีย   สำหรับการป้องกัน ที่เคยใช้ได้แก่ ใช้EM ที่หมักขึ้นเอง ใส่ลงไปในบ่อ เพื่อปรับ pH  ของน้ำให้ดีข้น  และมีอีกวิธีหนึ่ง ควรเพิ่มออกซิเจนในน้ำให้ดีขึ้น โดยการติดสปริงเกอร์ แล้วปล่อยน้ำระบบสปริงเกอร์ เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้มากขึ้น  (2) โรคแผลที่หัวและลำตัว  อาการของกบบริเวณหัว และลำตัวกบ จะเป็นแผลเน่าเปื่อย ถ้าไม่แก้ไขก็จะตาย สาเหตุเกิดจากสภาพบ่อสกปรกมาก ดังนั้นจึงควร จัดการทำความสะอาดเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยฯ   หรือใช้ปูนขาวผสมน้ำลาดลงไปในบ่อบริเวณขอบบ่อ จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง   ซึ่งถ้าหากไม่อยากให้เกิดโรค   ควรดูแลเรื่องระบบน้ำในบ่อให้ดีอยู่เสมอ 

มีกกลุ่มอาชีพต่างฯขอศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง

  

             แหล่งข้อมูล    (1)คุณชาติ บำรุงผล ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนบ้านสักงาม หมู่1 ตำบลสักงาม อำเภอคลองลาน  จังหวัดกำแพงเพชร

                                      (2) ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลสักงาม อำเภอคลองลาน  จังหวัดกำแพงเพชร  

หมายเลขบันทึก: 113551เขียนเมื่อ 22 กรกฎาคม 2007 16:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 19:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
  • ดีจังเลยครับ
  • กำลังสนใจพอดี
  • ชอบมากเลยครับ
  • ขอ save ไว้นะครับผม

       ขอบพระคุณ อ.เขียวมรกตมากครับที่นำมา ลปรร.

  • ขอบคุณ สำหรับ KS เรื่องที่ดีๆ ครับพี่เขียวมรกต
สวัสดีครับอาจารย์ขจิต ดีใจสุดฯที่มาแวะเยี่ยมและลปรร. หากเห็นประโยชน์ก็อนุญาตครับอาจารย์

เป็นข้อมูลที่ดีและมีประโยชน์มากครับเหมาะสำหรับทำเป็นอาชีพเสริมรายได้หรือสามารถทำเป็นอาชีพหลักได้อย่างสบาย๐

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์ครับ

อยากทราบว่าในการเลี้ยงต้องใช้น้ำอะไรค่ะ

น่าสนใจมากครับ เป็นประโยชน์ เป็นแนวทางในการทำอาชีพเสริมรายได้ครับ

จ.อ.ทรงศักดิ์ ปากกล้า

ใครมีข้อมูลการเลี้ยงกบในเมื่องจันทบุรีบ้างครับ

เพื่อนๆคนไหนสนใจ การเลี้ยงกบในขวดพลาสติกติดต่อมาได้น่ะค่ะยินดีให้คำปรึกษา และที่นี่ มีลูกกบราคาเป็นกันเองมั๊กมากจำหน่าย สนใจติดต่อ 081-2049293 หรือ 081-7057739 ได้จ้า......

ขอบคุณสำหรับความรู้คะ

กำลังหาอาชีพเสริม

น่าสนใจมากๆเลย เป็นความรู้ที่ยอดมากจริง ๆ นำมาทำเป็นอาชีพเสริม/อาชีพหลักได้จริง ๆ อยากทำอย่างนี้บ้างแต่น่าเสียดายที่แถวบ้านผมแล้งเหลือเกิน ต.หนองกราด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ครับ พอหมดช่วงเกี่ยวข้าวน้ำแห้งหมดเลย สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย  ขอบคุณครับสำหรับความรู้ดีืๆที่นำมาเป็นวิทยากทาน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท