เป็นกระทู้เก็บสต๊อกของพันทิพ
ผมเข้าไปร่วมแสดงความสงสัยในเรื่องความสัมพันธ์กับคนลักษณ์สี่ ตั้งแต่ความคิดเห็นที่ 41 เป็นต้นไป
ลองเข้าไปอ่านดูตามลิงค์นี้ เผื่อจะได้เป็นข้อสังเกตว่า คนรอบข้างเข้าข่ายโรคนี้หรือเปล่า เผื่อจะได้ระวัง เพราะอันตรายถึงตายได้
http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2006/11/L4897154/L4897154.html
แต่ถ้าจะอ่านเฉพาะที่เกี่ยวกับคนลักษณ์นี้ ก็มีผู้ที่ก๊อปเฉพาะข้อความที่เกี่ยวข้องมาไว้ที่หน้าตามลิงค์นี้
http://www.diaryhub.com/diary/diary.php?diary_name=sofiakoff&dhdate=27112006
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า คนเป็นโรคนี้จะเป็นคนลักษณ์สี่ทุกคน หรือคนลักษณ์สี่จะต้องเป็นโรคนี้
ในบรรยากาศอึมครึมเช่นนี้ ขอฝากถึงคนลักษณ์สี่ผู้มีอารมณ์ละเอียดอ่อน ละเมียดละไม อ่อนไหว ลุ่มลึก เกินกว่าคำใดๆ จะอธิบายได้หมด ว่า
ขอให้สังเกตุ ชื่นชม ขมกลืน รับรู้ แล้วก็ปล่อยวางอารมรณ์ความรู้สึกเหล่านั้น
แค่ให้มันเป็นเพียงรสชาดในชีวิต
แต่ขออย่าได้ตกอยู่ใต้การควบคุมของมัน จนทำอะไรไม่ได้เลย
รับรู้ แล้วปล่อยวาง
ถ้ายังเศร้าไม่ถึงสุด ก็เศร้าให้สุดๆ สักครั้ง แล้วก็พอแล้ว
ชีวิต เริ่มต้นเดินหน้าใหม่
อีกประเด็นสำคัญของคนลักษณ์สี่ เรียกว่า "ความอิจฉา" ซึ่งมีความหมายต่างจากที่เราอาจเข้าใจ จากหนังสือเรื่อง "เอ็นเนียแกรม ศาสตร์แห่งความเข้าใจตนเองและผู้อื่น"
ความอิจฉา
ความอิจฉากระพือขึ้นจากความเชื่อว่า คนอื่นกำลังได้รับความพึงพอใจทางอารมณ์ ขณะที่เราถูกปฏิเสธจากสิ่งนี้ คนลักษณ์สี่ที่ไม่รู้ตัวจะพยายามบรรเทาความรู้สึกขาดแคลนลึก ๆ ของตน ด้วยการเปลี่ยนบรรยากาศ การประดับประดา หรือห้อมล้อมตัวเองด้วยสิ่งของน่ารัก ๆ เขายังชอบแข่งขันเพื่อดึงดูดความสนใจจากคนที่เป็นที่นิยม เพราะหวังว่าเขาจะรู้สึกมีคุณค่าในตัวมากขึ้น ถ้าได้ครอบครองสิ่งที่ดูจะทำให้คนอื่นมีความสุข
ฉันรู้สึกอยู่ทุกขณะจิตว่า มีอะไรบางอย่างขาดหายไป "ทั้งหมดก็ แค่นี้เองหรือ" มันเริ่มต้นคล้าย ๆ กับว่า "ถ้าฉันได้คนนั้นเป็นแฟน หรือได้อยู่ที่นั่น หรือได้ภาพเขียนชิ้นนั้น" หลังจากนั้นฉันก็จะเสียเวลามากมายไปกับการไล่ตามหาสิ่งเหล่านี้ และทันทีที่ได้มันมาแล้ว ฉันก็จะกระโดดไปหาสิ่งอื่นอีก
เมื่ออายุมากขึ้น แล้วหันกลับมามองดูตัวเองตามความเป็นจริงและพบว่าบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต เราจะรู้สึกเศร้ามาก แต่อะไรละที่ขาดหายไป ทำไมดูเหมือนว่า คนอื่น ๆ เดินจูงมือกันและยิ้มกันอยู่ได้ตลอดเวลา "พวกเขามีอะไรบางอย่างที่ฉันไม่มี" แล้วฉันก็จะเที่ยวเสาะหาสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น หยิบฉวยอะไรก็ตามที่ดูเหมือนจะทำให้พวกเพื่อน ๆ พึงพอใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยมี ฉันสัมผัสถึงความรู้สึกดี ๆ ที่คนอื่นมีต่อกัน และการที่พวกเขามีสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันไม่มี
สุดท้ายแล้ว ฉันจะรู้สึกซึมเศร้าเมื่อหมดหวังที่จะได้อะไรมากขึ้นอีก มันยากเย็นแสนเข็ญที่จะล้มเลิกความปรารถนาที่จะได้มากขึ้น แล้วยอมรับว่า "แค่นี้ก็พอแล้ว"ความอิจฉายังเป็นแรงจูงใจที่มีพลังมากด้วย เมื่อคนสี่บรรยายถึงความรู้สึกสิ้นหวังเพราะถูกพรากจากสิ่งซึ่งดูเหมือนจะนำความสุขมาให้ เขาบอกว่า มันเหมือนกับถูกบีบอยู่ระหว่าง "ฉันไม่สามารถได้มันมา" และ "ฉันต้องหามันมาให้ได้" ความอิจฉาอาจบีบคั้นเขาจนสามารถเปลี่ยนความสิ้นหวังเป็นความพยายามที่จะฝ่าฝันอุปสรรคใด ๆ เพื่อค้นหาความสุข เขาจะมีพลังขับเคลื่อนมหาศาลจนเริ่มมองเห็นวี่แววของความสำเร็จ แต่ก็อนิจจา เมื่อผลของความพยายามนั้นเริ่มปรากฏ คนสี่นั้นก็จะเปลี่ยนไปใส่ใจกับเรื่องอื่นอีกครั้ง
ฉันเล่นคนตรีอยู่ในวงซึ่งเริ่มจะประสบความสำเร็จหลังจากใช้เวลาหลายปี ในตอนเริ่มต้น ก่อนที่ผลงานชิ้นแรกของเราจะออกมา เมื่อฉันได้ยินวิทยุเล่นเพลงของวงดนตรีวงอื่น ฉันจะรู้สึกเดือดเป็นฟืนเป็นไฟที่ไม่มีใครได้ยินผลงานของพวกเราอย่างนั้นบ้าง ฉันดิ้นรนต่อสู้อย่างมากเพื่อให้ผลงานชุดแรกออกมา แต่พอถึงตอนที่เรากำลังบันทึกเสียง ฉันกลับเริ่มรู้สึกว่าเรื่องดนตรีนี้ไม่สำคัญเสียแล้ว ฉันเริ่มหมดความสนใจและหันกลับไปหาแฟนเก่าคนหนึ่ง เราแยกทางกันแล้วก็กลับมาอยู่ด้วยกันวนเวียนไปมาหลายครั้ง ไป ๆ มา ๆ วงก็เริ่มจะแตก ฉันจึงหันมาพยายามอีกครั้งจนวงเรามีผลงานอัดแผ่นอีกชุดหนึ่ง เหมือนกับว่าสิ่งที่น่าสนใจมักจะอยู่ไกลออกไปจากตัวฉันเสมอ เมื่อทุกคนยังรวมตัวเป็นวงอยู่ ฉันก็จะหันมาต้องการผู้ชายอีก แต่ถ้าเขาเริ่มเข้ามาติดพัน ฉันก็ชักเริ่มสงสัยว่า ฉันกำลังคิดผิดหรือเปล่า
-------------------------------------------------------------------------------
ศุกร์และเสาร์นี้จะไปทำเวิร์คชอพเอ็นเนียแกรมในหัวข้อ การสื่อสารและการจัดการความขัดแย้งด้วยเอ็นเนียแกรม ให้กับทีมผู้บริหารทั้งฝ่าย HRM และ HRD ของ ธนาคารกสิกรไทย
คาดว่า น่าจะพบคนลักษณ์สี่ในหน่วยงานอย่าง HR บ้าง แล้วจะมารายงานให้ทราบ
เพิ่มเติมจากท้ายบันทึก
จากการอบรมให้กับฝ่าย HRเมื่อเดือนสิงหา 2550
ทำให้มีการขยายผลต่อเนื่องถึงผู้บริหารระดับผู้อำนวยการฝ่ายของธนาคารกสิกรไทย และบริษัทในเครือ 3-4 รุ่น ใ่นช่วงปลายปี
เดือนมีนาคม 2551 จัดให้กับผู้บริหารระดับสูงสุดของธนาคาร (กรรมการผู้จัดการ - รอง กจ ผู้ช่วย กจ)
จนหลักสูตรเอ็นเนียแกรมได้รับการบรรจุให้เป็นหลักสูตรที่ผู้บริหารที่เป็นระดับ Team Leader ต้องเข้า
แม้จะเกิดวิกฤติ ซับไพม์็ในช่วงครึ่งหลังของปี
หลักสูตรนี้ก็จัดอยู่ในธนาคารทุกปี จาก 2551, 2552, 2553, 2554, 2555