มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน
ว่าที่ร้อยตรี จิรศักดิ์ กรรเจียกพงษ์

ปาร์ตี้ “เหล้าปั่น” ระบาด ดีกรีแห่งความพินาศของสังคม


 

สถิติมีไว้ทำลาย !!! (จริงๆ )
       ไม่ต้องแปลกใจที่ต้องขอใส่เครื่องหมายตกใจถึง 3 ครั้ง เนื่องจากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประชากรไทยบริโภคเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าใจหาย จนสามารถทำลายสถิติขึ้นไปนั่งแท่นครองแชมป์การดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลกได้อย่างสบายๆ โดยเป็นรองแค่โปรตุเกส สาธารณรัฐไอร์แลนด์ บาฮามาร์ และสาธารณรัฐเช็ก ตามลำดับ
       

       - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
       
       ท่ามกลางความมืดสนิท แต่ไม่ได้เงียบสงัด เด็กหญิงสาวสะพรั่ง ทาปากแดงแจ๋ สวมกางเกงขาสั้นจู๋ บวกกับเสื้อสายเดี่ยวรัดติ้วตัวน้อย ทำให้เราพอจะคาดเดาจากสีหน้าท่าทางและการแต่งเนื้อแต่งตัวคราวๆ ได้ว่า เธอคงอายุยังไม่ถึงวัยบรรลุนิติภาวะแน่ๆ ไม่ทันไรเธอกระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซค์เดินผ่านประตูที่มีป้ายบอกไว้ตัวใหญ่ชัดเจนว่า อายุต่ำกว่า 20 ปีห้ามเข้า ด้วยหน้าตาเรียบเฉย
       
       “เอาสีชมพูเหยือกนึงพี่ แล้วก็แก้ว 3 ใบนะ” ประโยคนี้ถูกสั่งหลุดลอยออกจากปากเด็กผู้หญิงด้วยสำเนียงเสียงอันฉะฉาน คล่องแคล่ว ในห้วงอารมณ์ความรู้สึกที่เกินกว่าบรรยายออกมาเป็นคำพูด
       
       สีชมพูเหยือกนึง ที่เธอกล่าวถึงนั้นคือ น้ำเมาสูตรใหม่รูปแบบหนึ่งหน้าตาดูไม่แตกต่างอะไรไปจากค็อกเทล (cocktail) เท่าไหร่นัก ซึ่งเวลานี้กลุ่มเด็กวัยรุ่นขาโจ๋ และนักตระเวนราตรีกำลังรู้จักกันเป็นอย่างดีในนาม “เหล้าปั่น”
       
       “เหล้าปั่น” คือ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อาจจะเป็นเหล้าสี เหล้าขาว วอดก้า รัม หรือจิน มิกซ์กับเครื่องดื่มที่เป็นน้ำหวานกลิ่นผลไม้นานาชนิด แล้วนำมาปั่นใส่เหยือกขายกันในราคาประมาณเหยือกละ 69 ถึง 99 บาท ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมจากวัยรุ่นเป็นอย่างมาก เพราะรสชาติที่ถูกปากคอแอลกอฮอล์ โดยเหล้าปั่นนั้นจะมีรสชาติหวานคล้ายน้ำผลไม้ สามารถดื่มได้อย่างคล่องคอไม่มีรสชาติขมเหมือนเหล้า หรือเบียร์
       
       แน่นอนว่า ณ วินาทีนี้เหล้าปั่นจึงได้เข้ามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ของวัยรุ่นไทยไปได้โดยปริยาย และนอกจากนั้นเหล้าปั่นกำลังกลายเป็นฉนวนในการสร้างนักดื่มหน้าใหม่ขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนิ่งลงเมื่อใด
       

       ถนนสายเหล้าปั่น
       
       ภาพเบื้องหน้าปรากฏให้เห็นเป็นหญิง ชาย จำนวนไม่น้อยที่กำลังทยอยเข้ามาสรวลเสเฮฮาภายในบริเวณร้านเหล้าปั่นอย่างไม่ขาดสาย จนกระแสการหันมาดื่มเหล้าปั่นของวัยรุ่นทำให้สภาพแวดล้อมย่านชุมชนเมืองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกลื่อนไปด้วยร้านเหล้าปั่นที่พ่อค้า แม่ค้าหัวใสแก่งแย่งกันขยายกิจการ เปิดร้านตั้งตระหง่านอยู่ตามหัวมุมถนน ทั่วหัวระแหงสถานบันการศึกษา แม้แต่รอบรั้วมหาวิทยาลัยแหล่งประสาทวิชาความรู้ก็ยังหนีไม่พ้นที่จะมีร้านขายเครื่องดื่มทำนองนี้เปิดให้บริการอยู่
       
       อำนวยพร ทิพขาว หรือ หญิง และ นันทวรรณ ศรีวิชัย หรือ กบ ทั้งคู่อายุกำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 26 เธอทั้งสองเพิ่งเริ่มต้นเปิดร้านเหล้าปั่นรับกระแสการตอบรับการดื่มของวัยรุ่นเมื่อไม่นานมานี้ โดยให้ชื่อร้านเก๋ไกว่า “L กอ ฮ.” ตั้งอยู่แถวถนนตัดใหม่ย่านนนทบุรี โดยสองสาวเล่าเท้าความให้ฟังว่า
       
       “เมื่อก่อนเราสองคนทำงานเป็นพริตตี้ให้กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มานานหลายปี ซึ่งรู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก จึงอยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง และก็อยากทำงานที่เกี่ยวกับร้านอาหาร หรือขายเครื่องดื่ม เพราะเป็นคนชอบพบปะสังสรรค์ ชอบความสนุกสนาน ประจวบเหมาะว่าเห็นช่องทางความนิยมของการจำหน่ายเหล่าปั่น จึงคิดเช่าที่บริเวณริมถนนหน้าบ้านของกบซึ่งเป็นหัวมุมถนนพอดีเปิดร้านนี้ขึ้นมา
       
       “ซึ่งก่อนจะเปิดได้ก็ต้องมีการไปเรียน ศึกษาสูตรการทำเหล้าปั่นจากอาจารย์ที่เป็นบาร์เทนเดอร์ ซึ่งหมดไปหลายหมื่นอยู่เหมือนกัน ขนาดไม่ได้ลงเรียนครบทุกหลักสูตร ซึ่งส่วนผสมหลักๆ ที่นำมาใช้ก็ได้แก่พวก น้ำมะนาว น้ำแข็ง โซดา กระทิงแดง และน้ำเชื่อม
       
       “เราอาจบอกไม่ได้ถึงสัดส่วนของส่วนผสมที่ชัดเจนแน่นอน ทั้งนี้เพราะส่วนใหญ่แล้วแต่ละร้านมักจะมีสูตรพิเศษเป็นของตนเองที่นับว่าเป็นจุดดึงดูดใจลูกค้าที่มาอุดหนุน และหลีกเลี่ยงการลอกเลียนแบบกัน” หญิงกล่าว
       
       อีกทั้งกบยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ส่วนใหญ่ร้านที่เปิดในลักษณะนี้จะเริ่มต้นกันตั้งแต่เวลาประมาณ 6 โมงเย็นเรื่อยไปถึงประมาณเที่ยงคืน ซึ่งแต่ละร้านมักจะเปิดกันริมถนนและมีการสร้างบรรยากาศ แสง สี เสียง โดยประดับไฟสีสันเร้าใจ ให้ลูกค้าได้มานั่งดื่มกันอย่างอ้อยอิ่ง บ้างโต๊ะลูกค้าอาจมีการเต้นโยกย้ายเคลื่อนไหวไปตามอารมณ์เพลง
       

       “ร้านเหล้าปั่นทุกวันนี้ถือได้ว่ามีจำนวนเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเหมือนฉากหน้าสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลิ้มลองสุรา ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจนหลายคนติดใจเข้ามาดื่มบ่อยมากๆ โดยจริงๆ แล้วทางร้านมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มหญิงสาววัยรุ่น แต่กลับพบว่าตั้งแต่เปิดร้านมามีลูกค้าผู้ชายจำนวนมากที่สนใจเข้ามาดื่มกันเป็นประจำทุกวัน” กบเล่าให้ฟัง
       
       จากการสำรวจของผู้สื่อข่าวพบว่า ร้านเหล้าปั่นหลายต่อหลายร้านที่ขายดิบขายดีนั้น ส่วนใหญ่มักจะมีแฟนพันธุ์แท้ที่เป็นขาประจำมานั่งดื่มกินอย่างต่อเนื่องทุกวัน เพราะว่าทางร้านจะมีโปรโมชั่นรับบัตรสมาชิก ลด แลก แจก แถม ทำยอดสะสมเพื่อการดื่มฟรีกันอย่างบ้าครั่ง!!!
       
       เริ่มต้นแบบหอมหวาน
       
       บนโต๊ะเสวนาที่ปราศจากขวดเหล้า โซดา น้ำเปล่า และถังน้ำแข็ง แต่ระดับความเมามายของผู้ที่อยู่ในวงสนทนานั้นยังคงมีระดับที่เท่าเดิมเหมือนเคย ซึ่งหากจะว่ากันตามตรงแล้ว เหตุที่เกิดเป็นกระแสเหล้าปั่นทุกวันนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าของกิจการร้านเหล้า บาร์เบียร์ทั้งหลายพยายามหากลยุทธ์ กลวิธี ในการเจาะเข้าสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับรสนิยมของกลุ่มหญิงสาววัยรุ่น เพื่อสร้างรสนิยม ค่านิยม กระตุ้นความต้องการบริโภคสุราในหมู่วัยคึกคะนอง คะนอง อยากรู้ อยากลอง อยากเอาชนะ อยากออกนอกกรอบ ชอบท้าทาย กลุ่มนี้ โดยพยายามคิดค้นสูตรหอมหวานชื่นใจที่เด็กๆ ชอบออกมาเพื่อจะได้ยอดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้น
       

       สุรางค์ แจ้งสว่าง หรือ แหม่ม วัย 39 ปี ผู้ประกอบกิจการร้าน “เม้าท์ เมา เหล่าปั่น” เปิดเผยว่า เหตุที่เปิดร้านเหล้าปั่นเนื่องจากลูกสาวของตนเรียนมาทางด้านการโรงแรมโดยตรง จึงตัดสินใจลงทุนเพราะเล็งเห็นว่า ในช่วงนี้มีกลุ่มเด็กวัยรุ่น และวัยทำงานสนใจหาที่สังสรรค์ค์เล็กๆ ราคาไม่แพง เพื่อมานั่งเล่น และดื่มกินกันมากขึ้นทุกวัน
       
       “คงเป็นเพราะอย่างแรกเลยคือ รสชาติที่หอมหวานของเหล้าปั่น เช่น รสสตรอเบอรี่ ส้ม สัปะรด มะนาว และลิ้นจี่ ทำให้ดื่มง่าย บวกกับการบริการที่เป็นกันเอง สถานที่เป็นแบบเปิดโล่ง ไม่อึดอัน ทำให้ตอนนี้กระแสการดื่มมาแรงมากๆ โดยคนที่มาดื่มส่วนใหญ่มักจะเป็นลูกค้าขาประจำที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ หลีกเลี่ยงการไปดื่มเหล้าไกลบ้าน และจะได้ไม่เมามากด้วยถ้ารู้จักดื่มอย่างที่ร่างกายของตนเองสามารถรับไหว
       
       “เหล้าปั่นเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับผู้หญิงและวัยรุ่น เพราะรสชาติคล้ายกับน้ำผลไม้ปั่นดื่มได้ง่ายกว่าเหล้าขวด หรือเบียร์ รสชาติคล้ายค็อกเทล และราคาก็แสนจะถูก เนื่องจากเวลาดื่มค็อกเทลแก้วเล็กๆ และน้อยจะรู้สึกว่าราคาแพง เหล้าปั่นก็เหมือนกับการนำค็อกเทลมาดัดแปลงทำให้ได้ปริมาณมากขึ้น และเติมสีสันด้วยน้ำเชื่อมหลากสีสันช่วยดึงดูดสายตาผู้ดื่มได้มาก ส่วนระดับความเมานั้นต้องเรียกว่าเมาลึกใช้ได้เลยทีเดียว" แหม่มเล่าให้ฟัง
       
       ซึ่งเมื่อถามไปถึงผลกระทบจากการดื่มที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหานั้น แหม่มยืนยันหนักแน่นว่า ตั้งแต่เปิดมายังไม่เคยมีเรื่องบทะเลาะวิวาทเลยแม้แต่ครั้งเดียว คงเป็นเพราะเป็นการดื่มแบบผ่อนคลาย สบายๆ ไม่ได้ดื่มกันแบบเอาเป็นเอาตาย
       
       นอกจากนี้การขายสุราผสมน้ำผลไม้นั้น ผู้ขายก็สามารถเพิ่มปริมาณสุราหรือปริมาณแอลกอฮอล์ในน้ำผลไม้ได้ตามใจผู้ซื้อซึ่งมักจะเรียกกันว่าเพิ่มช็อตอยู่ที่ประมาณช็อตละ 25 - 30 บาท เช่น เมื่อหัดดื่มสุราใหม่ๆ ก็อาจจะดื่มสุราบางๆ น้ำผลไม้เยอะๆ แต่พอเริ่มติด ก็สั่งแบบเน้นหนักที่แอลกอฮอล์ ส่วนน้ำผลไม้แค่พอได้กลิ่นได้รส จนบางครั้ง ความแรงของดีกรีแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มสุราผสมน้ำผลไม้แก้วเล็กๆ มีดีกรีแรงกว่าไวน์ หรือแรงกว่าเบียร์เสียอีก
       
       ซึ่งอย่าลืมว่า ยิ่งร่างกายได้รับปริมาณแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายมากเท่าใด ก็ยิ่งมีอันตรายมากเท่านั้นยิ่งถ้าเป็นเด็กสาวที่เพิ่งริดื่มแอลกอฮอล์ไปทดลอง อาจเผลอไผล เห็นว่าเป็นน้ำผลไม้ หรือคิดว่าคงอ่อนๆ จึงดื่มอย่างไม่ทันระวัง เกิดเมามายไม่ได้สติ ก็เสี่ยงว่าจะนำไปสู่เหตุร้ายที่คาดไม่ถึง
       
       “เหล้าปั่น” มอมเมาเยาวชน
       
       ดร. กิติกร จามรดุสิต อาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เล่าเรื่องราวแสดงความคิดเห็นด้วยความเป็นห่วงในประเด็น เหล้าปั่นเป็นเครื่องดื่มของวัยรุ่นที่ผู้ปกครองควรระมัดระวังว่า
       
       “ด้วยท้ายซอยบ้านผมที่จังหวัดนครปฐมนั้นติดอยู่กับถนนรองซึ่งเป็นบริเวณรอยต่อออกไปยังถนนใหญ่ บริเวณดังกล่าวจะมีรถจักรยานยนต์สัญจรไปมาค่อนข้างมาก ประกอบกับบริเวณตึกแถวย่านนั้นก็มีร้านเล่นเกมส์ และอินเทอร์เน็ตอยู่หลายร้าน ทำให้วัยรุ่นเด็กๆ ชอบแวะเวียนกันมาจับกลุ่มเล่นเกมส์กันในร้าน เมื่อสองอาทิตย์ก่อนได้มีร้านหนึ่งเปิดตัวขึ้นด้วยสไตล์การแต่งร้านที่ดูก็รู้ว่าเป็นร้านดื่มสุรา แต่เขาจะแต่งสีสันที่เด็กและวัยรุ่นต้องชอบ หน้าร้านมีเคาเตอร์เหมือนกับขายน้ำผลไม้มีขวดน้ำหวานหลากสีสัน เปิดเพลงที่วัยรุ่นชอบ ทำให้ไม่แปลกที่จะมีเด็กๆ เข้าไปนั่งจับกลุ่มกันหลายกลุ่มในทุกๆ คืน
       
       “ภายในร้ายขายเครื่องดื่มโดยมีเมนูที่หลากหลายมากตั้งแต่น้ำ แตงโม น้ำผึ้ง บลูฮาวาย องุ่น มะนาว ส้ม ฯลฯ เหยือกละ 79 บาท ซึ่งเด็กเสริฟได้พยายามอธิบายให้ฟังว่ามันไม่ใช่น้ำผลไม้ปั่น แต่เป็นเหล้าปั่นผสมกับหัวเชื้อน้ำผลไม้ ซึ่งน่าแปลกใจมากเพราะทุกโต๊ะที่เด็กๆ จับกลุ่มกันจะมีกลุ่มละไม่ต่ำกว่าสองถึงสามเหยือก
       
       “แต่ที่น่าแปลกคือ ขายให้เด็กๆ ได้อย่างไร ซึ่งใบหน้าของเด็กที่เข้ามาในร้านส่วนใหญ่ไม่น่าจะเกินระดับมัธยมต้นเสียด้วยซ้ำ บางคนถึงกับใส่ชุดนักเรียนมานั่งก็มี ทั้งชายและหญิง พอดึกเข้าก็มีการจับไม้จับมือ หอมแก้มกันด้วย
       

       “คงมีประเทศไทยประเทศเดียวที่ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้ เหล้าผสมน้ำผลไม้ตบตาคนทั่วไป พ่อแม่ก็คงไม่ทราบคิดว่าลูกหลานไปนั่งอยู่ร้านขายน้ำปั่น ผมเองดูอยู่สักพักก็ทนไม่ค่อยได้จึงเข้าไปพูดกับเด็กกลุ่มหนึ่งดูแล้วอายุยังไม่น่าเกิน 15 ปี ผมสั้นเกรียน แต่ยังไม่พูดอะไรเท่าไหร่นักทั้งกลุ่มก็เพ่งสายตาไม่เป็นมิตรมาที่ผมทันทีทำให้ต้องออกจากร้านไปโดยด่วนก่อนที่จะมีเรื่อง” ดร. กิติกรเล่าให้ฟัง
       
       ดร. กิติกร ทั้งท้ายไว้ด้วยว่า อยากให้ผู้ปกครองทั้งหลายได้ระมัดระวังลูกหลานตัวเองมากขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้แอลกอฮฮล์มันผสมมากับน้ำผลไม้ปั่นแล้ว ช่วยหันมาดูแลลูกหลานของเรากันอย่างจริงจังเสียที !!!
       

       วัยคูลประตูสู่การดื่ม
       
       ปาร์ตี้ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยราชภัฎแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เหล้าปั่นเป็นเครื่องดื่มที่ตนบริโภคบ่อยที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นเปิดเทอมมา เพราะร้านอยู่ใกล้บ้าน ดื่มแล้วไม่เมามาก เหมือนเป็นที่สังสรรค์ได้เจอเพื่อนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ สบายๆ ไม่ได้ดื่มเพื่อความเมามายมากเท่าไหร่
       
       “ในฐานะที่ผมเป็นเยาวชน ผมคิดว่ามันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน เด็กหรือเยาวชนบางครั้งก็มีเรื่องเครียด หรืออาจจะต้องสังสรรค์กันบ้าง เพราะเด็กต้องมีสังคม อีกอย่างมันไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย เพราะเหล้าปั่นก็เป็นแค่เหล้าผสมน้ำผลไม้ ผมยังสนใจจะเปิดบ้างเลยต้องทำไงบ้างคับ
       

       “ร้านเหล้าปั่น ก็เหมือนบาร์ เหมือนผับ เหมือนเธค ทั่วไปเผลอ ๆ ดีกว่าด้วยซ้ำเพราะไม่มีเพลงเสียงดัง เหมือนในผับ ในเธค ที่อาจทำให้หูมีปัญหาได้ การดื่มก็ไม่ได้ใส่เหล้ามากมาย เหมือนดื่มเหล้าเป็นขวดๆ ทั่วๆ ไปไม่มืดตื๋อ แล้วความจริงเหล้าปั่นก็คือเครื่องดื่มค็อกเทลชนิดหนึ่ง และคนก็ดื่มกันทั่วโลก” ปาร์ตี้กล่าวในแสดงทัศนพของตนเองให้ฟัง
       
       ส่วนทางด้านปุ๊กปิ๊ก นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง กลับสะท้อนความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวออกมาว่า จริงๆ ร้านที่เด็กๆ อายุไม่ถึงมานั่งดื่มกันก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเหล้าปั่น เคยเห็นเด็กๆ อายุไม่น่าเกิน 18 ปี มานั่งดื่มเหล้าปั่นอยู่ ดูแล้วไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
       
       “วิธีแก้ปัญหาน่าจะติดป้ายห้าม และมีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องดูแล ส่วนตัวไม่ค่อยอยากเชื่อว่าจะไม่มีใครทราบเรื่องเหล่านี้ แต่ส่วนมากจะละเว้นการปฏิบัติ ด้วยข้ออ้างเดิมๆ ว่ามีกำลังไม่เพียงพอ ไม่มีเจ้าทุกข์ แต่เบื้องหลังอาจจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ แต่สิ่งที่อยากเห็นคือการใช้สถาบันครอบครัวช่วยดูแล  ถ้าพ่อแม่ไม่ช่วยกันดูแลใส่ใจบุตรหลานให้มากกว่านี้ คงแก้ปัญหาอย่างนี้ลำบาก
       
       “จริงๆ แล้วของอย่างนี้อยู่ที่จิตสำนึกของผู้ประกอบการด้วยถ้าเห็นว่าเป็นเยาวชนโดยเฉพาะในเครื่องแบบก็ไม่ควรจะขาย การขายเหล้าปั่นก็เป็นอาชีพสุจริตอาชีพหนึ่ง หากจะแก้ไขต้องแก้กันที่ตัวเจ้าหน้าที่ที่ดูแลและผู้ปกครองของเด็กเองควรเข็มงวดให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เรื่องเหล้าปั่นอย่างเดียวหรอก ในสังคมเรายังมีอีกหลายอย่างที่แฝงมากับสื่อต่างๆ ก็ไม่ควรมองข้าเพราะเด็กสมัยนี้โตแต่ตัวก็มี เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องรอให้ผู้ใหญ่มาพูดก็ได้” ปุ๊กปิ๊กกล่าวทิ้งท้ายไว้แบบน่าคิด
       

       เวลาเดินทางไปข้างได้กว่า 3 ชั่วโมง เด็กหญิงเมื่อตอนหัวค่ำตอนนี้ไม่เป็นตัวของตัวเองเหมือนอย่างเคย ด้วยฤทธิ์เหล้าปั่นสีสวยสดที่เธอกระดกซัดเข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง เวลานี้เธอเดินโซเซติดกำแพงแบบซ้ายที ขวาที จนเพื่อนๆ ในกลุ่มต้องคอยประคับประคองเธอเดินออกจากร้านไป ด้วยสีหน้าแสนจะมึนเมา และทรมาน…
       
       - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
       
       ปรากฏการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือ นอกจากประเทศไทยจะครองแชมป์การดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันดับ 5 ของโลก และแถมยังจะมียอดขุนพลนักดื่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นในทุกปี ยังพบอีกว่า ในปัจจุบันแนวโน้มของผู้ที่ชื่นชอบการทดลองดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์นั้นอยู่ในช่วงอายุที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ และกลุ่มเด็กผู้หญิงถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่น่าจับตามากที่สุดในเวลานี้ เพราะเหล้าปั้นอาจกำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีสร้างให้วัยรุ่นติ๋มๆ กลายเป็นนักดื่มหน้าใหม่ได้
       
       สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ!!!
       

       *************
       
       
เรื่อง – นาตยา บุบผามาศ

ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 15 กรกฎาคม 2550 17:04 น. <hr />

หมายเลขบันทึก: 112088เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2007 21:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน 2014 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท